ขอร่วมแชร์ประสบการณ์ที่ไม่ประทับใจจากการบริการของ UPS Thailand ค่ะ
สัปดาห์ที่ 1 วันพฤหัส : ส่งของจากฮ่องกงมาไทย
เรากับเพื่อนวาดหนังสือนิทานเด็กพิมพ์ที่ฮ่องกง พอดีหาผู้จัดจำหน่ายในไทยได้ เราสัญญาว่าจะส่งหนังสือให้ลูกค้าเราก่อนสงกรานต์ เพื่อนเราคนฮ่องกงเลยรีบส่งหนังสือจำนวน 400 เล่มให้เราด้วย Express Service ของ UPS จ่ายค่าขนส่งประมาณ 400 ยูเอสดอลล่าห์
สัปดาห์ที่ 1 วันศุกร์ : ของมาถึงไทย
สัปดาห์ที่ 2 วันจันทร์ : วันหยุดชดเชยวันจักรี
เราได้อีเมลจาก UPS ให้ส่งบัตรสำเนาประชาชนให้ในวันอังคาร เพราะ UPS ปิดวันจันทร์ เค้าบอกว่าเนื่องจากหนังสือมีน้ำหนักเกิน เราจึงต้องลงทะเบียนเพื่อเป็นผู้นำเข้า ของโดนกักไว้ที่ศุลกากร สุวรรณภูมิ
สัปดาห์ที่ 2 วันอังคาร :
เราอีเมลบัตรประชาชนตามที่เค้าขอ แล้วโทรไปถามความคืบหน้าจากเจ้าหน้าที่ UPS เค้าบอกว่าจะจัดการให้ มีค่าใช้จ่ายคือภาษีศุลกากรประมาณ 15,000 บาท เราก็ตกใจมาก โอ้วแพงจัง หนังสือ 400 เล่ม ราคาทั้งหมด 40000 บาท ทำไมต้องเสียภาษี 15,000 บาท แล้วน้องยังบอกว่านี่ประเมินคร่าวๆค่ะ จะต้องจ่ายค่าดำเนินการเพิ่มอีก เราผู้ไม่มีความรู้การนำเข้าเลย ก็เลยโทรไปถามกรมศุลถึงข้อยกเว้น เพราะความจริงเราเป็นคนเขียนหนังสือเอง ทำไมเราต้องจ่ายภาษีนำเข้าหนังสือตัวเอง ปรากฎว่าศุลกากรบอกว่าการนำเข้าหนังสือเป็นข้อยกเว้นพิเศษ ตามมาตรา 12 (พิกัด 4901- 4903) เราไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใดๆทั้งสิ้น อ้าววววววว แล้วทำไมอยู่ UPS จะมาเก็บเราล่ะ
เราเลยโทรไปถาม UPS อีกรอบหลังจากได้ความ เค้าก็เลยบอกว่าจะจัดการให้ แล้วเค้าก็โทรมาอีกทีบอกว่าไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าแล้วค่ะ แต่ต้องเสีย VAT ตอนแรกเราไม่คิดมาก ก็คิดว่า 7% ของ 40000 ก็พอจ่ายได้ ประมาณ 2800 ปรากฎน้องเริ่มร่ายยาวว่า ไม่ใช่ต้องเสีย VAT 5,500 ค่าโกดังเก็บของอีก 2,400 ค่าเคลียริ่งอีก 1,200 ค่าดำเนินการอีก 200 เราก็ตกใจอีกเป็นรอบสอง โหวววววววแพงจัง หนังสือเรากำไรไม่กี่บาท อย่างนี้จะขายกี่เล่มเนี่ยถึงจะพอค่าขนส่ง แต่เนื่องจากเราจะต้องรีบส่งของตามสัญญา เราก็เลยถามว่าส่งได้วันนี้ไม้เพราะมันล่าช้ามามากแล้ว เค้าบอกว่าได้ถ้าเราจ่ายค่า OT ให้กรมศุลอีก 200 บาท เพราะตอนนี้เกินบ่าย 2.30 แล้ว เราก็ตอบตกลงไปเนื่องจากยังมึนอยู่ (เริ่มเหนื่อยละ เดี๋ยวมาต่อค่ะ)
ส่งหนังสือมาไทยไม่เสียภาษีนำเข้าค่ะ มหากาพย์ UPS Thailand พวกเขาทำงานมั่วมาก
สัปดาห์ที่ 1 วันพฤหัส : ส่งของจากฮ่องกงมาไทย
เรากับเพื่อนวาดหนังสือนิทานเด็กพิมพ์ที่ฮ่องกง พอดีหาผู้จัดจำหน่ายในไทยได้ เราสัญญาว่าจะส่งหนังสือให้ลูกค้าเราก่อนสงกรานต์ เพื่อนเราคนฮ่องกงเลยรีบส่งหนังสือจำนวน 400 เล่มให้เราด้วย Express Service ของ UPS จ่ายค่าขนส่งประมาณ 400 ยูเอสดอลล่าห์
สัปดาห์ที่ 1 วันศุกร์ : ของมาถึงไทย
สัปดาห์ที่ 2 วันจันทร์ : วันหยุดชดเชยวันจักรี
เราได้อีเมลจาก UPS ให้ส่งบัตรสำเนาประชาชนให้ในวันอังคาร เพราะ UPS ปิดวันจันทร์ เค้าบอกว่าเนื่องจากหนังสือมีน้ำหนักเกิน เราจึงต้องลงทะเบียนเพื่อเป็นผู้นำเข้า ของโดนกักไว้ที่ศุลกากร สุวรรณภูมิ
สัปดาห์ที่ 2 วันอังคาร :
เราอีเมลบัตรประชาชนตามที่เค้าขอ แล้วโทรไปถามความคืบหน้าจากเจ้าหน้าที่ UPS เค้าบอกว่าจะจัดการให้ มีค่าใช้จ่ายคือภาษีศุลกากรประมาณ 15,000 บาท เราก็ตกใจมาก โอ้วแพงจัง หนังสือ 400 เล่ม ราคาทั้งหมด 40000 บาท ทำไมต้องเสียภาษี 15,000 บาท แล้วน้องยังบอกว่านี่ประเมินคร่าวๆค่ะ จะต้องจ่ายค่าดำเนินการเพิ่มอีก เราผู้ไม่มีความรู้การนำเข้าเลย ก็เลยโทรไปถามกรมศุลถึงข้อยกเว้น เพราะความจริงเราเป็นคนเขียนหนังสือเอง ทำไมเราต้องจ่ายภาษีนำเข้าหนังสือตัวเอง ปรากฎว่าศุลกากรบอกว่าการนำเข้าหนังสือเป็นข้อยกเว้นพิเศษ ตามมาตรา 12 (พิกัด 4901- 4903) เราไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใดๆทั้งสิ้น อ้าววววววว แล้วทำไมอยู่ UPS จะมาเก็บเราล่ะ
เราเลยโทรไปถาม UPS อีกรอบหลังจากได้ความ เค้าก็เลยบอกว่าจะจัดการให้ แล้วเค้าก็โทรมาอีกทีบอกว่าไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าแล้วค่ะ แต่ต้องเสีย VAT ตอนแรกเราไม่คิดมาก ก็คิดว่า 7% ของ 40000 ก็พอจ่ายได้ ประมาณ 2800 ปรากฎน้องเริ่มร่ายยาวว่า ไม่ใช่ต้องเสีย VAT 5,500 ค่าโกดังเก็บของอีก 2,400 ค่าเคลียริ่งอีก 1,200 ค่าดำเนินการอีก 200 เราก็ตกใจอีกเป็นรอบสอง โหวววววววแพงจัง หนังสือเรากำไรไม่กี่บาท อย่างนี้จะขายกี่เล่มเนี่ยถึงจะพอค่าขนส่ง แต่เนื่องจากเราจะต้องรีบส่งของตามสัญญา เราก็เลยถามว่าส่งได้วันนี้ไม้เพราะมันล่าช้ามามากแล้ว เค้าบอกว่าได้ถ้าเราจ่ายค่า OT ให้กรมศุลอีก 200 บาท เพราะตอนนี้เกินบ่าย 2.30 แล้ว เราก็ตอบตกลงไปเนื่องจากยังมึนอยู่ (เริ่มเหนื่อยละ เดี๋ยวมาต่อค่ะ)