1-Single
ซิงเกิ้ลนี้แตกต่างจากทุกเพลงเปิดตัวของ Avril ตรงชื่อเพลงที่เห็นครั้งแรกถึงกับงงเพราะที่ผ่านมาจะเป็นคำง่ายๆ (Complicated, Don't Tell Me, Girlfriend, What The Hell) พอมาเป็น Here's To Never Growing Up ฟังดูยากๆ จะมาแนวไหน พอได้ฟัง snippet 19 วิที่ปล่อยมา โอ้! มันไม่ใช่เพลงสนุกๆที่กัดผู้ชายหรือจิกผู้หญิง แต่มาแนวสดุดี เพื่อชีวิต ซึ่งเสี่ยงจะเปิดตัวแป้กตลาดเอาง่ายๆ แอบเป็นห่วง แต่อีกมุมหนึ่งคือหากเปิดตัวด้วยเพลงป๊อปจ๋าสนุกๆ กะโหลกกะลา แบบเดิมๆ ก็ดูจะซ้ำซาก จึงมองว่าเพลงนี้น่าจะเป็นสัญญาณทางบวกของการกลับมา และตั้งตารอฟังแบบเต็มเพลง หลังจากฟังแล้วหมดห่วงเพราะเพลงมีความ Pop ติดหูสไตล์ Avril และมีส่วนผสมของทุกอัลบั้มอยู่ แม้จะไม่ใช่ร็อกหนักอย่างที่ทุกคนอยากฟัง แต่ก็นับว่าเปิดตัวได้ไม่น่าเบื่อ





2-Sound/Music (ลองเปิดฟังและอ่านไปพร้อมๆกัน)
เปิดด้วยฮุคซัดใส่เต็มๆ ไม่พูดพร่ำทำเพลง จากนั้นพี่แกเข้าท่อนช้า มีเสียงกีต้าร์คลอเป็น background คล้าย Complicated สุดๆ ฟังเพลินๆไปจนท่อน Say,...... We can stay forever young ก่อนส่งเข้าฮุคอีกครั้งเป็นฮุคถนัดของ Avril คือจะเล่นคำที่ซัดเป็นห้วงๆ เหมือนฮุคของ Complicated ถ้าเป็นนักมวยก็ออกหมัดแย็ปซ้ายขวาแบบไม่มีเหนื่อย ปิดฮุคด้วย Oh woah oh woah here's to never growing up ท่อนนี้สร้างมาให้คนดูร้องตามอย่างแท้จริง นึกภาพ Live ยื่นไมค์ให้คนดูร้องไปด้วยคงสนุกมากๆ จากนี้ไปหูเริ่มชินจับทางเพลงทั้งเพลงได้ จะเริ่มโยกมันส์ขึ้น ระหว่างเพลงไปจนถึงก่อนจบจะมีเสียงพูด เสียงหัวเราะที่ Avril ใส่เติมมาเป็นสีสันตลอด เหมือนเพลง I Can Do Better, Girlfriend ฟังจบอาจมีอาการติดหูสลัดไม่ออก พอฟังรอบต่อไปในหัวมันพาลจะร้องตาม (แบบมั่วๆ) 55555

ภาพรวมเพลงนี้ไม่ใช่ร็อกจัดแต่อย่างใด ยังคงเป็น Power Pop ทำนองบางช่วงนึกถึง Oath ของ Cher ได้เหมือนกัน เสียงบีทตึ๊กๆๆๆที่ใส่มาทั้งเพลงทำให้ Rock ได้บ้าง พอมาเจอกับเสียงร้องและกีต้าร์บางช่วงนึกถึงอารมณ์ Country ส่วนตัวรู้สึกว่าเพลงนี้มันเกร็งๆ พุ่งๆไกลกว่า We Are Never ของเทเลอร์ สำหรับคนที่จดจ่ออยู่กับความหวังว่ามันจะต้องร็อกหนักๆ คงผิดหวังได้ง่ายๆ แต่ถ้ายังมีความชอบ Complicated และกลิ่นของอัลบั้ม Let Go ลองเปิดใจฟังคงมีความสุขกับเพลงนี้ได้แน่นอน
ป.ล. ด้วยความที่ Chad Kroeger แห่ง Nickelback มีส่วนร่วมอัลบั้มนี้ และ Avril เองยังให้สัมภาษณ์ว่าเพลงโปรดในอัลบั้มนี้คือเพลง Bad girl ซึ่งร้องกับ Marilyn Manson ก็ยังคงแอบหวังว่าเพลงที่เหลือคงมีร็อกขึ้นมาบ้างล่ะ




3-Lyric
เนิ้อเพลงดีเด่นและฉีกแนวมากขึ้นกว่า 2 อัลบั้มก่อนหน้านี้ โดยเพลงลักษณะที่พูดถึงการใช้ชีวิต มักจะมีแทรกเป็นแทร็กเล็กๆตามอัลบั้มต่างๆ เช่น Who Knows, Freak Out, Runaway, Anything But Ordinary แต่ครั้งนี้ใช้เป็นเพลงเปิดตัวครั้งแรก เนื้อหาเล่นกับช่วงวัย ความเจ๋งของเพลงคือการสื่อสารถึงแฟนเพลงโดยตรง อย่างที่รู้กันว่า Avril เองขวบวัยใกล้เลข 3 แล้ว ซึ่งกลุ่มแฟนๆที่เหนียวแน่นคือแฟนตั้งแต่อัลบั้มแรกๆ เมื่อเวลาล่วงเลยไปต่างคนต่างผ่านร้อนผ่านหนาว ดีที่สุดก็เจอ ร้ายที่สุดก็เจอ กระแสต่างๆ ที่ว่า Avril เปลี่ยนไป ทำให้แฟนบางส่วนหล่นหายไปตามรายทาง คนที่เหลืออยู่คือคนที่เชื่อมั่นจริงๆ อารมณ์เพลงนี้จึงคล้ายการนัดเจอเพื่อนเก่าซึ่งบางคนเป็นเพื่อนรักที่สนิทกันมาก เข้าใจทุกอย่างที่เราเป็น บางคนยังได้เจอกันบ้าง บางคนอาจไม่ได้สนิทกันแล้วหายหน้าหายตาไปยุ่งอยู่กับชีวิตตัวเอง ไปมีแฟน มีลูก เห็นเราจากที่ไกลๆ แอบมีเม้าท์จิกกัดเราบ้าง หนีไปกรี๊ดคนอื่นบ้าง แต่ไม่ว่ายังไงทุกคนก็คือเพื่อนของเรา มาดูหน่อยสิว่าตีนกาแกขึ้นไปถึงไหนแล้ว ยังแร่ดเหมือนเดิมรึเปล่า และวันนี้เองที่เรามาจอยกัน จะชนแก้วฉลองให้กับช่วงเวลาพิเศษนี้ แต่ด้วยสัญลักษณ์ความเป็น icon ของ Avril ที่เนื้อเพลงทุกเพลงจะใส่ความเป็นตัวเองลงไปและมักจะมีแนวคิดขบถอยู่เสมอ แทนที่จะบอกว่าเราเป็นเพื่อนกัน โตมาด้วยกัน เราจะแก่ไปด้วยกัน จึงเลือกที่จะบอกว่า "ไหนใครว่าแก่ ใครว่าทำตัวไม่สมวัย พวกมันแมร่งไม่รู้จักเราซักหน่อย เราจะอยู่เป็นอมตะอย่างงี้แหละ เราจะเด็กและเกรียน ใช้ชีวิตให้สุดเหวี่ยงอย่างนี้ไปตลอดกาลต่างหากเฟ้ยย"

When the sun's going down, we'll be raising my cup
Singing here's to never growing up
ถึงดวงอาทิตย์จะตกดิน (สังขารร่วงโรยไปแค่ไหน) เราจะชูแก้ว
ร้องไปด้วยกันว่า "Here's To Never Growing Up"!!