คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
1. ต้องมี CFA หรือ CISA เริ่มมีแล้วก็สามารถเป็นนักวิเคราะห์ได้
2. ถ้าสอบผ่าน CFA ครบ 3 เลเวลแล้ว และมีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 2 ปี สามารถห้อย CFA ไว้ท้ายชื่อได้
เช่น นาย หมูน้อย สินธร, CFA แต่ถ้ายังมีประสบการณ์ไม่ถึง 2 ปี แม้ได้เลเวล 3 ก็ไม่มีสิทธิ์ห้อย CFA
CFA ค่าสอบแพงมาก ประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท ข้อสอบถ้าเรียนสายไฟแนนซ์มาโดยตรง ก็จะไม่ยากมาก ข้อสอบเป็นแบบ International อังกฤษล้วน แต่ก็แน่นอนว่าศักดิ์ศรี สามารถใช้ได้ในระดับนานาชาติ จะไปทำงานกับ HSBC, JP Morgan, Goldman Sachs (ฯลฯ) ก็ย่อมทำได้ ส่วน CISA มันก็คือ CFA ในรูปแบบแปลงร่างเป็นภาษาไทย แน่นอนว่าคนมี CISA ไม่เท่ห์เท่ามี CFA
บริษัทหลักทรัพย์โบนัสดีครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับภาวะตลาด บางบริษัทพิจารณาโบนัสให้สายงานวิเคราะห์ค่อนข้างต่ำ แต่บางบริษัทก็ให้สูง ขึ้นอยู่ด้วยว่าเป็นโบรคแบบไหน ลูกค้ากลุ่มใด และให้ความสำคัญกับ Research แค่ไหน หากเป็นกสิกร หรือภัทร เน้นลูกค้าสถาบัน เน้น Research เป็นหลัก ก็ย่อมมีความน่าสนใจมากกว่าบางโบรคซึ่งไม่ได้เน้นส่วนนี้มาก ดังนั้นขึ้นอยู่กับโบรคด้วยว่าเขาเป็นโบรคประเภทอะไร
โดยทั่วไปแล้วถ้าเก่งๆ มีความสามารถสูง สอบ CFA ได้ครบ และมีประสบการณ์ผ่านสนามมาเยอะ รับรองว่าอาชีพมันจะไม่ตันที่นักวิเคราะห์ครับ แต่มันจะก้าวไปถึงระดับ Fund Manager ได้ ซึ่งนั่นหมายถึงระดับผลตอบแทนจะเป็นอีกแบบ ในต่างประเทศบางกองทุนอาจให้ผลตอบแทนเป็นผลกำไรที่ทำได้จำนวนมาก หรือประเภท Private Fund ถ้าได้ลูกค้ารายใหญ่มากๆ อันนี้ก็รวยตามเจ้าของไปได้เลย เพราะส่วนใหญ่แล้วถ้าในสายงานนี้คนเก่งๆ มีความสามารถสูงๆ โดยมากแล้ว ผลตอบแทนก็มักจะสูงมากตามไปด้วย
อย่างไรก็ดี มันก็ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดครับ ช่วงกอบโกยก็คงได้กันมากมาย อาจถึงขนาดรวยกันไปเลย แต่ถ้าไม่ใช่ช่วงของมัน ตลาดลงแรง ตลาดเป็นขาลงยาวนาน ก็อาจต้องมาถูกประเมินกันใหม่ว่าผลตอบแทนจะเป็นอย่างไร เพราะอาชีพนี้มันก็อยู่บนเส้นทางของความไม่แน่นอนนั่นเอง
2. ถ้าสอบผ่าน CFA ครบ 3 เลเวลแล้ว และมีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 2 ปี สามารถห้อย CFA ไว้ท้ายชื่อได้
เช่น นาย หมูน้อย สินธร, CFA แต่ถ้ายังมีประสบการณ์ไม่ถึง 2 ปี แม้ได้เลเวล 3 ก็ไม่มีสิทธิ์ห้อย CFA
CFA ค่าสอบแพงมาก ประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท ข้อสอบถ้าเรียนสายไฟแนนซ์มาโดยตรง ก็จะไม่ยากมาก ข้อสอบเป็นแบบ International อังกฤษล้วน แต่ก็แน่นอนว่าศักดิ์ศรี สามารถใช้ได้ในระดับนานาชาติ จะไปทำงานกับ HSBC, JP Morgan, Goldman Sachs (ฯลฯ) ก็ย่อมทำได้ ส่วน CISA มันก็คือ CFA ในรูปแบบแปลงร่างเป็นภาษาไทย แน่นอนว่าคนมี CISA ไม่เท่ห์เท่ามี CFA
บริษัทหลักทรัพย์โบนัสดีครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับภาวะตลาด บางบริษัทพิจารณาโบนัสให้สายงานวิเคราะห์ค่อนข้างต่ำ แต่บางบริษัทก็ให้สูง ขึ้นอยู่ด้วยว่าเป็นโบรคแบบไหน ลูกค้ากลุ่มใด และให้ความสำคัญกับ Research แค่ไหน หากเป็นกสิกร หรือภัทร เน้นลูกค้าสถาบัน เน้น Research เป็นหลัก ก็ย่อมมีความน่าสนใจมากกว่าบางโบรคซึ่งไม่ได้เน้นส่วนนี้มาก ดังนั้นขึ้นอยู่กับโบรคด้วยว่าเขาเป็นโบรคประเภทอะไร
โดยทั่วไปแล้วถ้าเก่งๆ มีความสามารถสูง สอบ CFA ได้ครบ และมีประสบการณ์ผ่านสนามมาเยอะ รับรองว่าอาชีพมันจะไม่ตันที่นักวิเคราะห์ครับ แต่มันจะก้าวไปถึงระดับ Fund Manager ได้ ซึ่งนั่นหมายถึงระดับผลตอบแทนจะเป็นอีกแบบ ในต่างประเทศบางกองทุนอาจให้ผลตอบแทนเป็นผลกำไรที่ทำได้จำนวนมาก หรือประเภท Private Fund ถ้าได้ลูกค้ารายใหญ่มากๆ อันนี้ก็รวยตามเจ้าของไปได้เลย เพราะส่วนใหญ่แล้วถ้าในสายงานนี้คนเก่งๆ มีความสามารถสูงๆ โดยมากแล้ว ผลตอบแทนก็มักจะสูงมากตามไปด้วย
อย่างไรก็ดี มันก็ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดครับ ช่วงกอบโกยก็คงได้กันมากมาย อาจถึงขนาดรวยกันไปเลย แต่ถ้าไม่ใช่ช่วงของมัน ตลาดลงแรง ตลาดเป็นขาลงยาวนาน ก็อาจต้องมาถูกประเมินกันใหม่ว่าผลตอบแทนจะเป็นอย่างไร เพราะอาชีพนี้มันก็อยู่บนเส้นทางของความไม่แน่นอนนั่นเอง
แสดงความคิดเห็น
ถ้าอยากเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างครับ
ตอนนี้ผมกำลังเรียนปริญญาโทสาขาการเงินอยุ่ครับ พอจะเป็นต่อยอดเป็นใบเบิกทางต่อการทำงานในบริษัทหลักทรัพย์บ้างป่าวครับ
ป.ล. มีคนบอกว่า บริษํทหลักทรัพย์โบนัสดีมาก บางปี 10 เดือนจริงหรือเปล่าครับ