วันที่ 3 ในฮ่องกงครับ หลังจากเหน็ดเหนื่อยเต็มที่จากดีสนีย์แลนด์เมื่อวาน วันนี้เราให้เด็กๆตื่นเช้าอีกเช่นเคย เพราะเราจะไปเที่ยวไกลหน่อย เป้าหมายก็คือฝั่งใต้ของเกาะฮ่องกง ได้แก่ Repulse Bay จะใช้เวลาที่เหลือทั้งวันในสวนสนุก Ocean Park โดยตอนแรกก็วางแผนไว้ว่า จะเลยไปให้ถึง Stanley market เลยเหมือนกันครับ แต่ว่าตลาดสแตนลี่ย์ก็เหมือนตลาดริมชายหาดทั่วๆไป ทางคุณลุงคุณป้าคงจะสนใจ แต่คงไม่สนุกสำหรับเด็กๆแน่ๆ แถมยังต้องเดินทางออกไปอีกตั้งไกล จะเสียเวลาไปมากกว่า เลยตัดเป็นทริปสั้นๆแค่สองที่เท่านั้นครับ
แต่ก่อนออกเดินทาง กองทัพต้องเดินด้วยท้องครับ หลังจากที่ได้ลองเดินสำรวจหาอาหารสำหรับมื้อเช้า ผมก็พบว่า Hau Fook Street (ที่ตัดกับถนน Carnarvon นี่มีร้านอาหารที่เปิดตั้งแต่เช้าอยู่หลายร้านครับ) อย่างเช้าวันนี้ฝากท้องเอาไว้ที่ร้าน Ming Yuen Congee and Noodle
ได้ทานทั้งโจ๊กเนื้อเนียน ปาท่องโก๋ตัวยาวๆสไตล์ฮ่องกง ในราคาที่ไม่ได้แพงมากด้วย แต่อิ่มอร่อยกันทุกคนครับ ถึงแม้พนักงานจะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยคล่อง (จนต้องหาคนอื่นมาคุยแทน) แต่การใช้ภาษากาย (ชี้นิ้วตามภาพเมนูบนผนัง) ก็ช่วยให้สื่อสารกันได้เยอะครับ
อย่างที่วางแผนไว้ครับ ช่วงเช้าเราจะไป Repulse Bay เพื่อไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่อยู่ริมหาดกันก่อน แล้วค่อยย้อนกลับมายัง Ocean Park การเดินทางก็เริ่มจากรถไฟฟ้าสถานี Tsim Sha Tsui (สายสีแดง Tsuen Wan Line) นั่งไปยังฝั่งฮ่องกงอีก 2 สถานี ลงที่สถานี Central เราจะใช้เวลาประมาณ 6 นาที ค่าโดยสารก็ 9$ ครับ (ถ้าใช้บัตรปลาหมึกก็ 8.6$)
[แต่ถ้าใครจะไป Ocean Park โดยตรงเลยก็ลงตั้งแต่สถานี Admiralty ได้เลยครับ โดยเลือกทางออก Exit B เดินตามป้าย Bus to Ocean Park ก็จะเจอจุดจอดรถบัสสาย 629 ที่วิ่งตรงไปยังโอเชียนปาร์คเลย (ค่ารถ 10.6$) เดินทางประมาณ 20 นาที]
เมื่อออกมาจากสถานี Central ให้เลือกทางออก A ครับ เพื่อที่เราจะได้ไปต่อรถเมล์ที่ใต้ตึก Exchange Square
ใต้ตึก Exchange square จะเป็นแห่งรวมรถเมล์ สำหรับเราที่จะเดินทางไปตอนใต้ของเกาะอย่าง Repulse Bay สามารถขึ้นรถเมล์สาย 6, 6A, 6X,66 หรือ 260 ก็ได้ครับ โดยเส้นทางจะวิ่งผ่านพื้นที่ต่างกันนิดหน่อย (พวกสาย 6 มีอักษรตามหลังจะวิ่งวนซ้ายกับขวา และอ้อมผ่านพื้นที่ชุมชนมากกว่า) แต่ถ้าอยากไวก็ใช้สาย 260 (ค่าตั๋ว 10.6$)ที่เหมือนรถเมล์ด่วนวิ่งทะลุอุโมงค์ออกมาเลยครับ ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็มาจะเริ่มเห็นหาดแล้ว
ให้สังเกตุตึกที่มีรูตรงกลางนะครับ (รูตรงกลางของตึกนี่ ว่ากันว่าเป็นการเปิดฮวงจุ้ย เพื่อให้มังกงสามารถลอดผ่านตึกลงไปยังทะเลได้ เพราะตอนแรกตึกเป็นตึกปิดทึบทำให้มังกรไม่สามารถลงมาดื่มน้ำทะเลได้ ทำให้ตึกขายไม่ออก) เมื่อเห็นแล้วก็กดลงได้เลย
เราจะเห็นหาด Repulse Bay ที่เงียบสงบ ตรงหาดนี้เป็นแหล่งพักผ่อนของตนฮ่องกงแห่งหนึ่งครับ ถึงแม้ทรายในหาดจะไม่สวยอย่างของบ้านเรา แต่ก็เป็นชายหาดที่ไม่ลึกจนเกินไปสำหรับเล่นน้ำอย่างหาดอื่นๆรอบเกาะ (ที่เหมาะกับการจอดเรือเพื่อการประมงมากกว่า) ในอดีตหาดวงพระจันทร์ หรือ Repulse Bay เป็นแหล่งซ่อมซุมโจรสลัดครับ เพราะว่าความเงียบสงบของน้ำทะเล และตัวหาดก็อยู่ไกลจากฝั่งชุมชนมาก
ทางมองไปทางขวาก็จะเห็น Ocean Park อยู่ไม่ไกลล่ะครับ
สำหรับรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมริมหาด จะอยู่ทางซ้ายมือของเราครับ ถ้ามองลงมาที่หาด สามารถเดินไปได้เลย อนาคตจะมีห้างสรรพสินค้าขนานไปกับตัวหาดเลยด้วยครับ เห็นก่อสร้างใกล้เสร็จแล้ว
ผ่านซุ้มประตูกันเข้ามาเลยครับ เราจะพบรูปปั้นของเจ้าแม่กวนอิมเป็นองค์แรกครับ ทางด้านขวาคู่กันก็คือเจ้าแม่ทับทิม
ทัวร์คนไทยมักมาลงที่นี่เป็นจุดสำคัญหนึ่งเลยล่ะครับ ดังนั้นการไหว้ หรือสักการะเทพต่างๆในจุดนี้ ลองแอบฟังคุณไกด์แล้วทำตามไปก็ได้ครับ เหมือนมีไกด์ประจำจุดคอยแนะนำอยู่เลยล่ะครับ อย่างคาถาบูชาเจ้าแม่กวนอิม ก็มีภาษาไทยอยู่หลายป้ายเช่นกันครับ
สำหรับคนที่อยากมีโชคลาภเรื่องเงินทอง หรือเป็นคนทำมาค้าขาย บริเวณใต้ฐานของเจ้าแม่กวนอิม จะมีรูปปั้น เทพไฉ่ซิง
ให้เรานำเงินพวกธนบัตรต่างๆมาลูบพร้อมอธิฐานให้เงินทองไหลมาเทมา ไหลเข้ากระเป๋าเรา เทคนิคก็คือ ถ้าอยากให้แบ๊งค์ไหนเข้ากระเป๋า ก็ให้ใช้ใบนั้นๆลูบ ตรงนี้คนต่อแถวกันยาวเลยล่ะครับ แถมบางคนลูบเผื่อแผ่ไปยังรูปปั้น เงินข้างๆกันไปด้วยเลย
ด้านใต้ฐานของเจ้าแม่ทับทิมก็จะมีเหรียญเหมือนเบี้ยวางเรียงกันอยู่เช่นกันครับ ให้ลูบวงก่อนแล้วเอามือไหว้ล้วงเข้าไปในช่องตรงกลาง สามารถขอพรเรื่องโชคลาภ เงินทอง และการงานครับ แต่เห็นคนที่ทำมักจะเป็นคนจีนซะเป็นส่วนมากนะครับ
ต่อไปเป็นสะพานต่ออายุ ที่เชื่อกันว่า หากเดินข้ามสะพานนี้หนึ่งครั้งจะอายุยืนยาวไปอีก 3 ปี
ผมข้ามไปแค่ครั้งเดียวเองนะครับ
เมื่อข้ามาแล้วก็จะเจอ มังกร ที่มีแก้วสารพัดนึกภายในปาก ใครที่อยากได้โชคลาภสามารถมาลูบแก้ว แล้วอธิฐานได้อีกจุดครับ
รูปปั้นปลาแห่งความมั่งคั่ง (ตัวนี้คือปลาหลีฮื้อ สัตว์มงคลของชาวจีน) ถ้าใครอยากรู้ว่าพรที่ขอไปจะสัมฤทธิผลหรือไม่ ให้โยนเหรียญเข้าปากปลาตัวนี้ครับเพราะถ้าเข้าแสดงว่าพรที่หวังไว้จะสมหวัง
แพะสามตะวันเบิกฟ้า เป็นสัญลักษณ์มงคลแทนความมั่งคั่ง โชคดี เป็นสัญลักษณ์แทนพระอาทิตย์สามดวง คือ พระอาทิตย์สีเขียว สีแดง และสีขาว หมายถึง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งแฝงความหมายว่า “ใต้หล้าทั่วแดนดิน ทุกสิ่งขอให้สมหวังสมปราถนา”
สำหรับคนที่อยากขอเรื่องคู่ครอง ให้มานั่งระหว่างสิงห์ 2 ตัวนี้ครับ และขอพรกับเทพเจ้าที่ถือสมุดคู่ครองนี้ครับ ท่านจะช่วยประทานพรให้ แต่ถ้ามีคู่แล้วอยากขอพรให้ครองคู่กันนานๆให้อธิฐานถึงคู่ของเราเอาไว้ครับ
สุดท้ายคืออาคารเก๋งจีนครับ เห็นคนต่อแถวไหว้กันตรงจุดกึ่งกลาง แต่อันนี้ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ไหว้เกี่ยวกับอะไร
อิ่มบุญกันเต็มที่แล้ว เดี๋ยวเรากลับไปเที่ยว Ocean Park กันดีกว่าครับ การเดินทางกลับก็ไม่ยากเลย ไปตั้งต้นที่ป้ายรถเมล์ที่เราลงตอนแรกครับ แต่คราวนี้ เลือกรถเมล์สาย 6A หรือ 6X ไปอีกประมาณ 6 ป้ายรถเมล์ ก็จะเห็นโปสเตอร์ของโอเชียนปาร์คก็กดลงที่ป้ายรถเมล์ได้ครับ แต่การย้อนกลับมาทางนี้ จะเป็นการลงตรงที่จอดรถของสวนสนุก ก็ต้องเดินอีกนิดหน่อย เพื่อเดินไปทางเข้าครับ
Ocean Park Hong Kong เป็นสวนสนุกและแหล่งเพาะพันธุ์อนุรักษ์สัตว์น้ำหลายชนิด ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1977 นอกจากเครื่องเล่นสนุกๆและหวาดเสียวที่มีมากกว่าดีสนีย์แลนด์แล้ว ยังมีโชว์แมวน้ำ ปลาโลมา อควอเรี่ยมขนาดใหญ่ที่มีทั้งปลา และแมงกะพรุน รวมไปถึงสัตว์น่ารักอย่างแพนด้า เรียกว่ามาที่นี่ที่เดียว สนุกกันได้ทั้งครอบครัวครับ
ค่าบัตรผ่านประตู ผู้ใหญ่ 280$ เด็ก 140$ เปิดบริการทุกวัน 10.00-19.30 (โดยโซนเครื่องเล่นด้านบนจะปิดก่อนในเวลา 18.30)
ด้วยลักษณะภูมิประเทศของ Ocean Park ที่ตั้งอยู่บนเขา ในอดีตเขาจึงแบ่งพื้นที่โซนออกเป็นสองส่วนคือ Headland (บนเขา) และ Lowland (พื้นราบด้านล่าง) แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อไปแล้วครับ มาเป็น The Summit พื้นที่บนเขาที่รวบรวมเครื่องเล่นสนุกๆไว้มากมาย และ The Waterfront พื้นที่พื้นราบของเขาที่มีน้ำพุเต้นรำอยู่ตรงกลาง ส่วนล่างนี้จะเป็นที่รวบรวมสัตว์ต่างๆมากกว่า
เมื่อเข้ามาด้านในจะพบ Aquarium ใหญ่ยักษ์คอยต้อนรับเราเลยครับ
ไม่ห่างกัน จะเป็นตึกแสดงแพนด้าที่เมืองจีนมอบให้ฮ่องกง (เหมือนที่เมืองไทยได้รับมาน่ะเองครับ)
เดี๋ยวเราจะขึ้นไปเล่นเครื่องเล่นบน The Summit กันก่อนครับ วิธีจะขึ้นไปบนยอดเขา ก็ทำได้ 2 วิธีครับ คือ นั่งกระเช้าขึ้นไป แต่ถ้าใครกลัวความสูง ก็มีรถไฟวิ่งขึ้นลง-ลงระหว่างด้านบนกับล่างสำหรับคนกลัวความสูงด้วยครับ สำหรับเราวางแผนว่าขาขึ้นจะนั่งกระเช้า ส่วนขากลับก็ลงทางรถไฟกัน
ทางขึ้นกระเช้า ก็จะเป็นการจัดบรรยากาศของฮ่องกงสมัยก่อน ซึ่งตอนกลางคืนก็จัดไปสวยมากครับ ใครชอบถ่ายรูปจะต้องชอบโซน Old Hong Kong นี้แน่ๆ (เสียดายที่ผมใช้แค่กล้องคอมแพคธรรมดา) ใกล้กันก็จะเป็นม้าหมุน แถมอาหารในโซนนี้ก็ราคาน่าคบครับ ไม่แพงอย่างของดีสนีย์แลนด์
ต่อคิวไม่ยาวก็ได้ขึ้นกระเช้ากันแล้ว
เมื่อขึ้นมาด้านบนแล้ว ก็ใกล้เวลาอาหารกลางวันแล้วล่ะครับ (แต่ใจอยากจะออกเล่นเครื่องเล่นกันมากกว่า) แต่ก็มีผู้ใหญ่เตือนครับ ว่าไปเล่นของเสียวๆตอนท้องว่างไม่น่าจะดีนะ เดี๋ยวท้องไส้ปั่นป่วนหมด เราก็เลยแวะทานอาหารกันที่ The Bayview Restaurant ที่ติดกับจุดลงจากระเช้านั่นเลย เนื่องจากเป็นช่วงมื้อกลางวันพอดี คนโดยเฉพาะทัวร์จีน จึงเยอะเป็นพิเศษ เลยต้องใช้ระบบบัตรคิว ให้ลงที่นั่งครับ แต่ของผม 6 คนก็รอคิวไม่นานนะครับ แต่ค่าอาหารนี่ก็แพงระยับเลย อาหารเซ็ทพร้อมน้ำดื่ม อยู่ที่ชุดละ 120$ เข้าไปแล้ว ถ้าเพิ่มสลัดอีก็จานละกว่า 50$
ของหวานก็เช่นกัน โดยรวมๆแล้วทานไปคนละ 200$ กว่าๆ เรียกว่า เกือบเท่าราคาค่าตั๋วเข้าโอเช่ยนปาร์คแล้วนะเนี่ย
[CR] ^^ไกด์จำเป็นพาเด็กเที่ยว Hongkong day 3 ไหว้เจ้าแม่กวนอิม Repulse Bay สนุกกับ Ocean Park^^
แต่ก่อนออกเดินทาง กองทัพต้องเดินด้วยท้องครับ หลังจากที่ได้ลองเดินสำรวจหาอาหารสำหรับมื้อเช้า ผมก็พบว่า Hau Fook Street (ที่ตัดกับถนน Carnarvon นี่มีร้านอาหารที่เปิดตั้งแต่เช้าอยู่หลายร้านครับ) อย่างเช้าวันนี้ฝากท้องเอาไว้ที่ร้าน Ming Yuen Congee and Noodle
ได้ทานทั้งโจ๊กเนื้อเนียน ปาท่องโก๋ตัวยาวๆสไตล์ฮ่องกง ในราคาที่ไม่ได้แพงมากด้วย แต่อิ่มอร่อยกันทุกคนครับ ถึงแม้พนักงานจะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยคล่อง (จนต้องหาคนอื่นมาคุยแทน) แต่การใช้ภาษากาย (ชี้นิ้วตามภาพเมนูบนผนัง) ก็ช่วยให้สื่อสารกันได้เยอะครับ
อย่างที่วางแผนไว้ครับ ช่วงเช้าเราจะไป Repulse Bay เพื่อไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่อยู่ริมหาดกันก่อน แล้วค่อยย้อนกลับมายัง Ocean Park การเดินทางก็เริ่มจากรถไฟฟ้าสถานี Tsim Sha Tsui (สายสีแดง Tsuen Wan Line) นั่งไปยังฝั่งฮ่องกงอีก 2 สถานี ลงที่สถานี Central เราจะใช้เวลาประมาณ 6 นาที ค่าโดยสารก็ 9$ ครับ (ถ้าใช้บัตรปลาหมึกก็ 8.6$)
[แต่ถ้าใครจะไป Ocean Park โดยตรงเลยก็ลงตั้งแต่สถานี Admiralty ได้เลยครับ โดยเลือกทางออก Exit B เดินตามป้าย Bus to Ocean Park ก็จะเจอจุดจอดรถบัสสาย 629 ที่วิ่งตรงไปยังโอเชียนปาร์คเลย (ค่ารถ 10.6$) เดินทางประมาณ 20 นาที]
เมื่อออกมาจากสถานี Central ให้เลือกทางออก A ครับ เพื่อที่เราจะได้ไปต่อรถเมล์ที่ใต้ตึก Exchange Square
ใต้ตึก Exchange square จะเป็นแห่งรวมรถเมล์ สำหรับเราที่จะเดินทางไปตอนใต้ของเกาะอย่าง Repulse Bay สามารถขึ้นรถเมล์สาย 6, 6A, 6X,66 หรือ 260 ก็ได้ครับ โดยเส้นทางจะวิ่งผ่านพื้นที่ต่างกันนิดหน่อย (พวกสาย 6 มีอักษรตามหลังจะวิ่งวนซ้ายกับขวา และอ้อมผ่านพื้นที่ชุมชนมากกว่า) แต่ถ้าอยากไวก็ใช้สาย 260 (ค่าตั๋ว 10.6$)ที่เหมือนรถเมล์ด่วนวิ่งทะลุอุโมงค์ออกมาเลยครับ ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็มาจะเริ่มเห็นหาดแล้ว
ให้สังเกตุตึกที่มีรูตรงกลางนะครับ (รูตรงกลางของตึกนี่ ว่ากันว่าเป็นการเปิดฮวงจุ้ย เพื่อให้มังกงสามารถลอดผ่านตึกลงไปยังทะเลได้ เพราะตอนแรกตึกเป็นตึกปิดทึบทำให้มังกรไม่สามารถลงมาดื่มน้ำทะเลได้ ทำให้ตึกขายไม่ออก) เมื่อเห็นแล้วก็กดลงได้เลย
เราจะเห็นหาด Repulse Bay ที่เงียบสงบ ตรงหาดนี้เป็นแหล่งพักผ่อนของตนฮ่องกงแห่งหนึ่งครับ ถึงแม้ทรายในหาดจะไม่สวยอย่างของบ้านเรา แต่ก็เป็นชายหาดที่ไม่ลึกจนเกินไปสำหรับเล่นน้ำอย่างหาดอื่นๆรอบเกาะ (ที่เหมาะกับการจอดเรือเพื่อการประมงมากกว่า) ในอดีตหาดวงพระจันทร์ หรือ Repulse Bay เป็นแหล่งซ่อมซุมโจรสลัดครับ เพราะว่าความเงียบสงบของน้ำทะเล และตัวหาดก็อยู่ไกลจากฝั่งชุมชนมาก
ทางมองไปทางขวาก็จะเห็น Ocean Park อยู่ไม่ไกลล่ะครับ
สำหรับรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมริมหาด จะอยู่ทางซ้ายมือของเราครับ ถ้ามองลงมาที่หาด สามารถเดินไปได้เลย อนาคตจะมีห้างสรรพสินค้าขนานไปกับตัวหาดเลยด้วยครับ เห็นก่อสร้างใกล้เสร็จแล้ว
ผ่านซุ้มประตูกันเข้ามาเลยครับ เราจะพบรูปปั้นของเจ้าแม่กวนอิมเป็นองค์แรกครับ ทางด้านขวาคู่กันก็คือเจ้าแม่ทับทิม
ทัวร์คนไทยมักมาลงที่นี่เป็นจุดสำคัญหนึ่งเลยล่ะครับ ดังนั้นการไหว้ หรือสักการะเทพต่างๆในจุดนี้ ลองแอบฟังคุณไกด์แล้วทำตามไปก็ได้ครับ เหมือนมีไกด์ประจำจุดคอยแนะนำอยู่เลยล่ะครับ อย่างคาถาบูชาเจ้าแม่กวนอิม ก็มีภาษาไทยอยู่หลายป้ายเช่นกันครับ
สำหรับคนที่อยากมีโชคลาภเรื่องเงินทอง หรือเป็นคนทำมาค้าขาย บริเวณใต้ฐานของเจ้าแม่กวนอิม จะมีรูปปั้น เทพไฉ่ซิง ให้เรานำเงินพวกธนบัตรต่างๆมาลูบพร้อมอธิฐานให้เงินทองไหลมาเทมา ไหลเข้ากระเป๋าเรา เทคนิคก็คือ ถ้าอยากให้แบ๊งค์ไหนเข้ากระเป๋า ก็ให้ใช้ใบนั้นๆลูบ ตรงนี้คนต่อแถวกันยาวเลยล่ะครับ แถมบางคนลูบเผื่อแผ่ไปยังรูปปั้น เงินข้างๆกันไปด้วยเลย
ด้านใต้ฐานของเจ้าแม่ทับทิมก็จะมีเหรียญเหมือนเบี้ยวางเรียงกันอยู่เช่นกันครับ ให้ลูบวงก่อนแล้วเอามือไหว้ล้วงเข้าไปในช่องตรงกลาง สามารถขอพรเรื่องโชคลาภ เงินทอง และการงานครับ แต่เห็นคนที่ทำมักจะเป็นคนจีนซะเป็นส่วนมากนะครับ
ต่อไปเป็นสะพานต่ออายุ ที่เชื่อกันว่า หากเดินข้ามสะพานนี้หนึ่งครั้งจะอายุยืนยาวไปอีก 3 ปี
ผมข้ามไปแค่ครั้งเดียวเองนะครับ
เมื่อข้ามาแล้วก็จะเจอ มังกร ที่มีแก้วสารพัดนึกภายในปาก ใครที่อยากได้โชคลาภสามารถมาลูบแก้ว แล้วอธิฐานได้อีกจุดครับ
รูปปั้นปลาแห่งความมั่งคั่ง (ตัวนี้คือปลาหลีฮื้อ สัตว์มงคลของชาวจีน) ถ้าใครอยากรู้ว่าพรที่ขอไปจะสัมฤทธิผลหรือไม่ ให้โยนเหรียญเข้าปากปลาตัวนี้ครับเพราะถ้าเข้าแสดงว่าพรที่หวังไว้จะสมหวัง
แพะสามตะวันเบิกฟ้า เป็นสัญลักษณ์มงคลแทนความมั่งคั่ง โชคดี เป็นสัญลักษณ์แทนพระอาทิตย์สามดวง คือ พระอาทิตย์สีเขียว สีแดง และสีขาว หมายถึง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งแฝงความหมายว่า “ใต้หล้าทั่วแดนดิน ทุกสิ่งขอให้สมหวังสมปราถนา”
สำหรับคนที่อยากขอเรื่องคู่ครอง ให้มานั่งระหว่างสิงห์ 2 ตัวนี้ครับ และขอพรกับเทพเจ้าที่ถือสมุดคู่ครองนี้ครับ ท่านจะช่วยประทานพรให้ แต่ถ้ามีคู่แล้วอยากขอพรให้ครองคู่กันนานๆให้อธิฐานถึงคู่ของเราเอาไว้ครับ
สุดท้ายคืออาคารเก๋งจีนครับ เห็นคนต่อแถวไหว้กันตรงจุดกึ่งกลาง แต่อันนี้ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ไหว้เกี่ยวกับอะไร
อิ่มบุญกันเต็มที่แล้ว เดี๋ยวเรากลับไปเที่ยว Ocean Park กันดีกว่าครับ การเดินทางกลับก็ไม่ยากเลย ไปตั้งต้นที่ป้ายรถเมล์ที่เราลงตอนแรกครับ แต่คราวนี้ เลือกรถเมล์สาย 6A หรือ 6X ไปอีกประมาณ 6 ป้ายรถเมล์ ก็จะเห็นโปสเตอร์ของโอเชียนปาร์คก็กดลงที่ป้ายรถเมล์ได้ครับ แต่การย้อนกลับมาทางนี้ จะเป็นการลงตรงที่จอดรถของสวนสนุก ก็ต้องเดินอีกนิดหน่อย เพื่อเดินไปทางเข้าครับ
Ocean Park Hong Kong เป็นสวนสนุกและแหล่งเพาะพันธุ์อนุรักษ์สัตว์น้ำหลายชนิด ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1977 นอกจากเครื่องเล่นสนุกๆและหวาดเสียวที่มีมากกว่าดีสนีย์แลนด์แล้ว ยังมีโชว์แมวน้ำ ปลาโลมา อควอเรี่ยมขนาดใหญ่ที่มีทั้งปลา และแมงกะพรุน รวมไปถึงสัตว์น่ารักอย่างแพนด้า เรียกว่ามาที่นี่ที่เดียว สนุกกันได้ทั้งครอบครัวครับ
ค่าบัตรผ่านประตู ผู้ใหญ่ 280$ เด็ก 140$ เปิดบริการทุกวัน 10.00-19.30 (โดยโซนเครื่องเล่นด้านบนจะปิดก่อนในเวลา 18.30)
ด้วยลักษณะภูมิประเทศของ Ocean Park ที่ตั้งอยู่บนเขา ในอดีตเขาจึงแบ่งพื้นที่โซนออกเป็นสองส่วนคือ Headland (บนเขา) และ Lowland (พื้นราบด้านล่าง) แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อไปแล้วครับ มาเป็น The Summit พื้นที่บนเขาที่รวบรวมเครื่องเล่นสนุกๆไว้มากมาย และ The Waterfront พื้นที่พื้นราบของเขาที่มีน้ำพุเต้นรำอยู่ตรงกลาง ส่วนล่างนี้จะเป็นที่รวบรวมสัตว์ต่างๆมากกว่า
เมื่อเข้ามาด้านในจะพบ Aquarium ใหญ่ยักษ์คอยต้อนรับเราเลยครับ
ไม่ห่างกัน จะเป็นตึกแสดงแพนด้าที่เมืองจีนมอบให้ฮ่องกง (เหมือนที่เมืองไทยได้รับมาน่ะเองครับ)
เดี๋ยวเราจะขึ้นไปเล่นเครื่องเล่นบน The Summit กันก่อนครับ วิธีจะขึ้นไปบนยอดเขา ก็ทำได้ 2 วิธีครับ คือ นั่งกระเช้าขึ้นไป แต่ถ้าใครกลัวความสูง ก็มีรถไฟวิ่งขึ้นลง-ลงระหว่างด้านบนกับล่างสำหรับคนกลัวความสูงด้วยครับ สำหรับเราวางแผนว่าขาขึ้นจะนั่งกระเช้า ส่วนขากลับก็ลงทางรถไฟกัน
ทางขึ้นกระเช้า ก็จะเป็นการจัดบรรยากาศของฮ่องกงสมัยก่อน ซึ่งตอนกลางคืนก็จัดไปสวยมากครับ ใครชอบถ่ายรูปจะต้องชอบโซน Old Hong Kong นี้แน่ๆ (เสียดายที่ผมใช้แค่กล้องคอมแพคธรรมดา) ใกล้กันก็จะเป็นม้าหมุน แถมอาหารในโซนนี้ก็ราคาน่าคบครับ ไม่แพงอย่างของดีสนีย์แลนด์
ต่อคิวไม่ยาวก็ได้ขึ้นกระเช้ากันแล้ว
เมื่อขึ้นมาด้านบนแล้ว ก็ใกล้เวลาอาหารกลางวันแล้วล่ะครับ (แต่ใจอยากจะออกเล่นเครื่องเล่นกันมากกว่า) แต่ก็มีผู้ใหญ่เตือนครับ ว่าไปเล่นของเสียวๆตอนท้องว่างไม่น่าจะดีนะ เดี๋ยวท้องไส้ปั่นป่วนหมด เราก็เลยแวะทานอาหารกันที่ The Bayview Restaurant ที่ติดกับจุดลงจากระเช้านั่นเลย เนื่องจากเป็นช่วงมื้อกลางวันพอดี คนโดยเฉพาะทัวร์จีน จึงเยอะเป็นพิเศษ เลยต้องใช้ระบบบัตรคิว ให้ลงที่นั่งครับ แต่ของผม 6 คนก็รอคิวไม่นานนะครับ แต่ค่าอาหารนี่ก็แพงระยับเลย อาหารเซ็ทพร้อมน้ำดื่ม อยู่ที่ชุดละ 120$ เข้าไปแล้ว ถ้าเพิ่มสลัดอีก็จานละกว่า 50$
ของหวานก็เช่นกัน โดยรวมๆแล้วทานไปคนละ 200$ กว่าๆ เรียกว่า เกือบเท่าราคาค่าตั๋วเข้าโอเช่ยนปาร์คแล้วนะเนี่ย