หวัดดีครับเพื่อนๆ
เมื่อตอนบ่าย ผมเดินอยู่ดีๆ จู่ๆไอเดียแว่บปรู้ดดดเข้ามา
ไม่รู้มันมาจากไหน แต่ลองฟังดูนะครับ
สมมติกาแฟแก้วนึง ซื้อวันนี้ 125 บาท
แต่ถ้าเปลี่ยนใจไม่ซื้อ เก็บเงินนั้นไว้ เอาไปฝากประจำ 3%
ทบต้นทบดอก 55 ปี (สมมติมีชีวิตได้อีก 55 ปี)
เงินนั้นจะบวมโตขึ้นเป็น 635 บาท ...หรือ 635 บาทต่อแก้ว !!
แม่เจ้าโว้ย คิดดูครับ กาแฟแก้วนึง 635 บาท กินลงมั้ยเนี่ยย
โอเคครับ...ใช่...อีก2-3 ปีข้างหน้า กาแฟอาจแพงขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ หรือมากกว่า
แต่ถ้าเราใช้เงินนั้นกับของที่ถูกลงกว่าเงินเฟ้อ
อย่าง เครื่องใช้ไฟฟ้า มือถือ หรือไรแบบเนี้ย
เงินที่เก็บวันนี้ จะกลายเป็นกำลังซื้อที่เบ้อเอ้งขึ้นเป็นทวีคูณ
คือ..ยังงัยหละ...เช่น ถ้าไม่ซื้อมือถือ 24,550 บาทวันนี้ (โดยถูไถใช้มือถือเครื่องเก่าไปก่อน)
แล้วเก็บเงินนั้นไว้ 25 ปี โดยสมมติดอกเบี้ยฝากประจำ 3% เหมือนเดิม
เงินก็จะเพิ่มๆๆ กลายเป็น 51,402 บาท
ซึ่งในปี 2038 อาจมากพอซื้อ โน้ตบุ้ค Core i33 รุ่นใหม่ล่าสุด
ที่คุณภาพเจ๋งกว่าโน้ตบุ้คในปัจจุบันหลายสิบเท่าก็เป็นได้ ว่ามั้ยครับ
พูดง่ายๆ ถ้าเก็บเงินไว้ให้มากที่สุด อดใจไม่ซื้อของกึ่งฟุ่มเฟือย
แล้วใช้เงินนั้นใกล้กับวันสุดท้ายของชีวิตมากที่สุด
เราจะได้กำลังซื้อจากเงินนั้นมากที่สุด
เพราะตอนนั้น มันใกล้หมดการคิดดอกเบี้ยทบต้นทบดอกอีกต่อไปแล้ว
เงินที่เราเก็บไว้ใช้ตอนบั้นปลายชีวิต
จะทำให้เราได้ของที่ทำจากเทคโนโลยีที่ดีที่สุด
ในจำนวนมากที่สุด คุ้มค่าเงินมากที่สุด ใช่มั้ยครับ?
กาแฟแก้วละ 635 บาท
เมื่อตอนบ่าย ผมเดินอยู่ดีๆ จู่ๆไอเดียแว่บปรู้ดดดเข้ามา
ไม่รู้มันมาจากไหน แต่ลองฟังดูนะครับ
สมมติกาแฟแก้วนึง ซื้อวันนี้ 125 บาท
แต่ถ้าเปลี่ยนใจไม่ซื้อ เก็บเงินนั้นไว้ เอาไปฝากประจำ 3%
ทบต้นทบดอก 55 ปี (สมมติมีชีวิตได้อีก 55 ปี)
เงินนั้นจะบวมโตขึ้นเป็น 635 บาท ...หรือ 635 บาทต่อแก้ว !!
แม่เจ้าโว้ย คิดดูครับ กาแฟแก้วนึง 635 บาท กินลงมั้ยเนี่ยย
โอเคครับ...ใช่...อีก2-3 ปีข้างหน้า กาแฟอาจแพงขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ หรือมากกว่า
แต่ถ้าเราใช้เงินนั้นกับของที่ถูกลงกว่าเงินเฟ้อ
อย่าง เครื่องใช้ไฟฟ้า มือถือ หรือไรแบบเนี้ย
เงินที่เก็บวันนี้ จะกลายเป็นกำลังซื้อที่เบ้อเอ้งขึ้นเป็นทวีคูณ
คือ..ยังงัยหละ...เช่น ถ้าไม่ซื้อมือถือ 24,550 บาทวันนี้ (โดยถูไถใช้มือถือเครื่องเก่าไปก่อน)
แล้วเก็บเงินนั้นไว้ 25 ปี โดยสมมติดอกเบี้ยฝากประจำ 3% เหมือนเดิม
เงินก็จะเพิ่มๆๆ กลายเป็น 51,402 บาท
ซึ่งในปี 2038 อาจมากพอซื้อ โน้ตบุ้ค Core i33 รุ่นใหม่ล่าสุด
ที่คุณภาพเจ๋งกว่าโน้ตบุ้คในปัจจุบันหลายสิบเท่าก็เป็นได้ ว่ามั้ยครับ
พูดง่ายๆ ถ้าเก็บเงินไว้ให้มากที่สุด อดใจไม่ซื้อของกึ่งฟุ่มเฟือย
แล้วใช้เงินนั้นใกล้กับวันสุดท้ายของชีวิตมากที่สุด
เราจะได้กำลังซื้อจากเงินนั้นมากที่สุด
เพราะตอนนั้น มันใกล้หมดการคิดดอกเบี้ยทบต้นทบดอกอีกต่อไปแล้ว
เงินที่เราเก็บไว้ใช้ตอนบั้นปลายชีวิต
จะทำให้เราได้ของที่ทำจากเทคโนโลยีที่ดีที่สุด
ในจำนวนมากที่สุด คุ้มค่าเงินมากที่สุด ใช่มั้ยครับ?