ทำรีไฟแนนซ์มาที่ธนาคารออมสิน พระโขนง ก่อนทำทางธนาคารไม่มีการแจ้งรายละเอียดให้ข้อมุลว่าจะต้องทำประกันอัคคีภัยเท่ากับวงเงินกู้เลย พอลูกค้าดำเนินเรื่องเสร็จ กว่าจะอนุมัติก็นาน พออนุมัติก็ค่อยมาแจ้งว่าต้องทำประกันอัคคีภัยเท่ากับวงเงินกู้ การทำประกันอัคคีภัยจำเป็นต้องทำ เพราะธนาคารอื่นที่กู้มาก็มี แต่ไม่มีที่ไหนคิดเท่าวงเงินกู้ อันนี้เป็นคอนโด ซึ่งทางนิติของคอนโดก็ได้มีการเก็บเงินลูกบ้านเพื่อทำประกันอัคคีภัยอาคารอยู่แล้ว คอนโดนี้อยู่สุขุมวิท ทุนประกันที่ทางคอนโดทำไว้ทั้งหมด 264 ล้านบาท
ปัจจุบันนี้หลักทรัพย์นี้มีกรรมธรรม์ประกันอัคคีภัยคุ้มครองอยู่แล้ว ด้วยทุนประกัน 400,000 บาท (สี่แสนบาทถ้วน) ซึ่งได้ทำกับ กรุงเทพประกันภัย บจม. ระยะเวลาคุ้มครอง 13 ปี เริ่มตั้งแต่ 7/9/2552 – 7/9/2565 สามารถที่จะสลักหลังโอนผู้รับผลประโยชน์เป็นธนาคารออมสินได้ ณ วันโอน ทุนประกันอัคคีภัยนี้ถือว่าอยู่ในอัตราที่สูงแล้วสำหรับการประเมินคอนโดในระดับเดียวกัน จากการตรวจสอบ และสอบถามบริษัทประกันภัย ทั้งจากกรุงเทพประกันภัยเอง , ทิพยประกันภัยที่ทางออมสินใช้ และที่อื่นๆอีก การเพิ่มทุนประกันให้สูงเท่ากับวงเงิน 1,863,000 บาท ทางบริษัทประกันภัยบอกสามารถทำให้ได้ เพราะบริษัทประกันภัยก็จะได้เบี้ยที่สูงขึ้น แต่ตามจรรยาบรรณของบริษัทประกันแล้ว เห็นว่าไม่สมควร และไม่แนะนำ เป็นการเอาเปรียบลูกค้า และธนาคารเกินไป ไม่อยากให้ต้องเสียเบี้ยประกันโดยเปล่าประโยชน์ เพราะในความเป็นจริงไม่มีทางที่บริษัทประกันภัยจะจ่ายเงินประกันเต็มจำนวนอยู่แล้ว จะต้องประเมินจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ประกอบกับระยะเวลาสิ่งปลูกสร้าง ความเสื่อมของทรัพย์สิน และอื่นๆ ไม่เว้นแม้แต่ในกรณีที่ความเกิดเสียหายทั้งหมด (Total Loss) ก็ตาม ยกเว้นเสียแต่ว่า กรมธรรม์ฉบับนี้จะต้องระบุลงไปเลยว่า กรณีเกิดความเสียหายทั้งหมด จากภัยที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ จะชดใช้เต็มจำนวนทุนประกันที่ทำไว้ ถึงจะยุติธรรมกับผู้เอาประกัน
อีกอย่างถ้ากรณีเกิดภัยขึ้น บริษัทประกันที่ทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นของทางนิติอาคารทำไว้ และทางเจ้าของห้องทำไว้ เค้าไม่มาชดใช้ให้ทับซ้อนกันหรอก เค้าจะตรวจสอบ และจ่ายตามจริงที่เสียหาย ไม่รู้ว่าจะบังคับให้ทำประกันที่ไม่สมเหตุสมผลแบบนี้ได้ไง ก็เข้าใจนะว่ากลัวว่าเงินที่ตัวเองปล่อยกู้จะสูญเปล่าเมื่อเกิดภัย แต่ไม่คิดถึงความเป็นจริงเลยว่าประกันเค้าไม่ได้โง่ เค้าไม่มาจ่ายเต็มจำนวนทุน และไม่มาจ่ายซ้อนกับประกันอื่นหรอก
แล้วอย่างกรณี ถ้าลูกค้าจ่ายธนาคารไปแล้ว 3 ปี เงินต้นก็ลดลงไปแล้ว แต่พอต่อประกัน เบี้ยประกันภัย
คิดจากวงเงินกู้เดิมที่ทำไว้ ไม่ได้ลดลงตามเงินต้นที่เหลืออีกต่างหาก ผู้บริหารธนาคารนี่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการทำประกันหรือเปล่าครับเนี่ย?? จะมาให้ลูกค้าจ่ายเบี้ยเยอะแยะทำซากอะไร สอบถามทางประกันภัยหลายที่ ต่างก็มึนงงกับนโยบายของธนาคารออมสิน
ใครเจอแบบนี้บ้างครับ?
ใครกู้ ธ.ออมสิน พระโขนง แล้วโดนบังคับให้ทำประกันอัคคีภัยเต็มวงเงินกู้บ้าง?
ปัจจุบันนี้หลักทรัพย์นี้มีกรรมธรรม์ประกันอัคคีภัยคุ้มครองอยู่แล้ว ด้วยทุนประกัน 400,000 บาท (สี่แสนบาทถ้วน) ซึ่งได้ทำกับ กรุงเทพประกันภัย บจม. ระยะเวลาคุ้มครอง 13 ปี เริ่มตั้งแต่ 7/9/2552 – 7/9/2565 สามารถที่จะสลักหลังโอนผู้รับผลประโยชน์เป็นธนาคารออมสินได้ ณ วันโอน ทุนประกันอัคคีภัยนี้ถือว่าอยู่ในอัตราที่สูงแล้วสำหรับการประเมินคอนโดในระดับเดียวกัน จากการตรวจสอบ และสอบถามบริษัทประกันภัย ทั้งจากกรุงเทพประกันภัยเอง , ทิพยประกันภัยที่ทางออมสินใช้ และที่อื่นๆอีก การเพิ่มทุนประกันให้สูงเท่ากับวงเงิน 1,863,000 บาท ทางบริษัทประกันภัยบอกสามารถทำให้ได้ เพราะบริษัทประกันภัยก็จะได้เบี้ยที่สูงขึ้น แต่ตามจรรยาบรรณของบริษัทประกันแล้ว เห็นว่าไม่สมควร และไม่แนะนำ เป็นการเอาเปรียบลูกค้า และธนาคารเกินไป ไม่อยากให้ต้องเสียเบี้ยประกันโดยเปล่าประโยชน์ เพราะในความเป็นจริงไม่มีทางที่บริษัทประกันภัยจะจ่ายเงินประกันเต็มจำนวนอยู่แล้ว จะต้องประเมินจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ประกอบกับระยะเวลาสิ่งปลูกสร้าง ความเสื่อมของทรัพย์สิน และอื่นๆ ไม่เว้นแม้แต่ในกรณีที่ความเกิดเสียหายทั้งหมด (Total Loss) ก็ตาม ยกเว้นเสียแต่ว่า กรมธรรม์ฉบับนี้จะต้องระบุลงไปเลยว่า กรณีเกิดความเสียหายทั้งหมด จากภัยที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ จะชดใช้เต็มจำนวนทุนประกันที่ทำไว้ ถึงจะยุติธรรมกับผู้เอาประกัน
อีกอย่างถ้ากรณีเกิดภัยขึ้น บริษัทประกันที่ทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นของทางนิติอาคารทำไว้ และทางเจ้าของห้องทำไว้ เค้าไม่มาชดใช้ให้ทับซ้อนกันหรอก เค้าจะตรวจสอบ และจ่ายตามจริงที่เสียหาย ไม่รู้ว่าจะบังคับให้ทำประกันที่ไม่สมเหตุสมผลแบบนี้ได้ไง ก็เข้าใจนะว่ากลัวว่าเงินที่ตัวเองปล่อยกู้จะสูญเปล่าเมื่อเกิดภัย แต่ไม่คิดถึงความเป็นจริงเลยว่าประกันเค้าไม่ได้โง่ เค้าไม่มาจ่ายเต็มจำนวนทุน และไม่มาจ่ายซ้อนกับประกันอื่นหรอก
แล้วอย่างกรณี ถ้าลูกค้าจ่ายธนาคารไปแล้ว 3 ปี เงินต้นก็ลดลงไปแล้ว แต่พอต่อประกัน เบี้ยประกันภัยคิดจากวงเงินกู้เดิมที่ทำไว้ ไม่ได้ลดลงตามเงินต้นที่เหลืออีกต่างหาก ผู้บริหารธนาคารนี่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการทำประกันหรือเปล่าครับเนี่ย?? จะมาให้ลูกค้าจ่ายเบี้ยเยอะแยะทำซากอะไร สอบถามทางประกันภัยหลายที่ ต่างก็มึนงงกับนโยบายของธนาคารออมสิน
ใครเจอแบบนี้บ้างครับ?