เมื่อตอน UCL รอบคัดเลือก เราได้เห็นฉากพ่อพบลูกอันสุดดราม่าของ
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสันไปแล้ว
สำหรับตอนนั้น การได้เห็นโด้ ในอ้อมอกป๋า
เป็นโมเมนท์ที่โคตะระซึ้งสำหรับเรา
แต่ใครว่าจะมีแค่ โรนัลโด้ กับ เฟอร์กี้ เท่านั้น ที่เปรียบตัวเป็นพ่อเป็นลูกกันในวงการฟุตบอลยุโรป
เมื่อคืนนี้ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ก็ได้เจอกับพ่อของเขา โจเซ่ มูริญโญ่ เช่นกัน
และทั้งคู่กลับมาพบกันในฐานะ คู่แข่ง
เราไม่ใช่เด็กเชลซี แต่เคยได้ยินเรื่องราวของดร็อกบามาบ้าง วันนี้ขอถือโอกาสเล่าให้ฟังสักเล็กน้อย
ผิดพลาดตรงไหน ขออภัยล่วงหน้า นะคะ..
ดร็อกบา ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมว่า
"ผมจะต้องมาสู้กับพ่อของผมเอง"
เกมส์ที่เบอนาเบว สำคัญมากกับผม ตอนที่ผมเล่นแชมเปียนลีกส์ครั้งแรก ผมเจอกับรีลมาิดริดชุด "กาลักตีโกส" ผมได้ยิงประตูแรกของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นเราก็แพ้ ที่สกอร์ 4-2 ผมไม่เคยลืมวันนั้นเลย
เขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับทุกๆคน พยายามค้นหาลักษณะพิเศษของพวกเรา และ จุดเด่นที่ดีที่สุด
ด้วยความเคารพ Fatih Terim (ผจก.ทีม กาลาตาซาราย) เหมือนกับมูริญโญ่มากในบางครั้ง เขาใกล้ชิดกับนักเตะมาก
"ผมเรียกเขาว่า โจโซ่ แต่มันหมายถึงทุกอย่าง เพื่อน,ผู้จัดการที่ดีที่สุด และ พ่อ มันคือทุกอย่างของผม"
ดร็อกบาเล่าถึงสมัยอนที่เขายังอยู่เชลซีกับมูริญญ่ ในปี 2007
"เราเจอกับ วัตฟอร์ด ตอนนั้นเชว่าพึ่งกลับมาจากรับใช้ชาติ พร้อมกับปัญหาที่เข่า แต่..เขากลับไปบอกเชว่าว่า
...เฮ้ย จำได้มั้ยฉันถามนายว่า ฉันรู้ว่านายเจ็บเข่า แต่ถ้าขอให้นายลงเล่น นายจะเล่นได้มั้ย
นายบอกว่า ได้ โอเค งั้น แต่วันนี้นายต้องเล่น เพราะฉะนั้น ออกไปวอร์ม และเตรียมตัวลงสนามซะ
แล้วนาย (หมายถึงดร็อกบา) พ่อราชันย์แห่งแอฟริกาออกไปเล่นซะ และ นาย ไมเคิล (บัลลัค) อย่าคิดว่ามาที่นี่
แล้วเหมือนได้อยู่บ้านนายนะ ไปลงสนามซะ!"
ดร็อกบาบอกว่า เกมส์วันนั้นเจ๋งสุดๆ เราชนะวัตฟอร์ดคาบ้าน คาลูโหม่งทำประตูได้ในนาทีสุดท้าย
นั่นเป็นรูปแบบหนึ่งที่โจเซ่ ทำให้ทีมเชลซี ยิ่งใหญ่ในเวลานั้น
เขาเชื่อใจพวกเราทุกคน
ผมมีความทรงจำกับเขาเยอะมากๆ บางครั้งผมก็ยิงนัดละ 2 ลูก แต่บางนัดก็ไม่ยิงเลย ตอนนั้น เขาพูดกับผมว่า
"อย่าห่วงน่า บางทีนายก็สามารถเป็น Man Of the Macth ได้ แม้นายจะไม่ได้ยิงประตูเลยก็ตาม
สำหรับดร็อกบา เวลาที่เขาคิดถึง นักเตะที่กลายเป็นตำนานของทีมหรือเป็นผู้สร้างทีม
เขามักนึกถึง ไรอัน กิ๊กส์ ของแมนยู หรือไม่ก็ เปาโล มัลดินี่ ของมิลาน
แม้จะมีผู้เล่นใหม่ๆ มากประสบการณ์และความสามารถเข้ามาอยู่ในทีม แต่สำหรับผมแล้ว นักเตะแบบ จอห์นและแฟร้ง
จำเป็นอย่างยิ่งกับทีม พวกเขาต้องอยู่เพื่อแบ่งปันความปรารถนาอันแรงกล้าของทีม และส่งผ่านความรู้สึกนึกคิดของสโมสร
ไปยังคนรุ่นถัดไป
ดร็อกบาย้ายไปอยู่ทีม เซียงไฮ้ เสิ่นหัว ก่อนจะกลับมายังลอนดอนในช่วงเดือนธันวาคมในปีที่ผ่านมา พร้อมกับ
ดีลเล็กๆกับการทำสัญญาระยะสั้นกับเชลซี
"ผมอยู่เชลซีมา 8 ปี ลอนดอนเปรียบเหมือนบ้าน และ มันก็คือเชลซี เพราะฉะนั้นผมดีใจมากที่ได้กลับมาซ้อมทีนี่อีกครั้ง"
"ดัลกับกาลาตาซารายเป็นดีลที่น่าสนใจมากและมันก็น่าเสี่ยง"
แต่สุดท้าย ดร้อกบาก็เลือกดีลที่น่าเสี่ยงกับ กาลาตาซาราย นั่นทำให้เขาต้องมาเจอ มูริญโญ่ ผู้เปรียบเหมือนพ่อ
ในเกม ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกส์
"มันแปลกมากๆ กับการที่ต้องมาเล่นอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เอซเซียง,คาวัลโญ่ และ โจเซ่ พวกเรามาจากเชลซีกันทั้งนั้น"
หลังจบเกมส์คืนนี้มีข่าวลือหนาหูว่า ทั้งคู่อาจกลับมายัง สแตมฟอร์ด บริดจ์อีกครั้งแบบช็อควงการ
จากที่ก่อนหน้านี้ดร็อกบาได้แสดงทัศนะ ถึงผู้จัดการทีมคนปัจจุบันและผู้เล่นบางคนในทีมอย่างเข้มข้น
พร้อมทั้งบอกว่า
"เชลซี ต้องการมูริญโญ่ เขายังคงพูดถึงเชลซีอยู่ตลอด ตอนนี้เขาคือ คำตอบของทีม"
กับคำถามที่ว่า เขาจะกลับมาเชลซีหรือไม่นั้น ดร็อกบาไม่ได้กล่าวปฏิเสธ เขาเพียงแต่กล่าวว่า
"ขอผมเสร็จธุระกับ กาลาตาซาราย แล้วผมจะให้คำตอบ"
ทางฝั่ง มูริญโญ่ ก็ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนเกม เกี่ยวกับดร็อกบา เช่นกัน
"ผมจะไม่บอกว่า เขาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในชีวิตผม เพราะผมทำงานกับคนเก่งๆมาเยอะจริงๆ
แต่ ดิดิเย่ร์ เป็นเพื่อนที่ดี เป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม และ เป็นใครสักคนที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราได้ตลอดไป
นั่นทำให้ เกมส์นัดนี้ มีอะไรมากกว่า การแข่งขันฟุตบอล.."
หลังเกมส์ ที่รีลมาดริด ชนะ กาลาตาซาราย 3-0 นักข่าวได้ถามเขาถึงอดีตนักเตะที่เขาเคยร่วมงานด้วย
และ ผูกพันธ์กันมา แบบ สไนจ์เดอร์ และ ดร็อกบา
"พวกเขาเป็นเหมือนครอบครัว 90 นาทีก่อนหน้านี้ไม่ใช่ แต่หลังเสียงนกหวีด พวกเขาคือครอบครัว"
และ ดูเหมือนว่า ไม่ใช่แค่ดร็อกบาเท่านั้น ที่นับ มูริญโญ่ เป็นพ่อ เพราะ สไนเดอร์เองก็กล่าวว่า
"มูริญโญ่ คือพ่อคนที่สองของผม" เช่นเดียวกัน
"เขามอบความมั่นใจ แบบที่ผมไม่เคยพบมาก่อน เขาเป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุด
เขาเป็นโค้ชเบอร์หนึ่งในโลกของผม นอกเหนือจากการเป็นโค้ช เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด"
หรือว่าแท้ที่จริงแล้ว บทบาท "น้าเครียด" และ "จอมโอเวอร์แอคติ้ง"
จะเป็นแค่ฉากหน้า ของคน "ปากร้ายใจดี"
แบบ "โจเซ่ มูริญโญ่" เท่านั้นเอง
ดิดิเย่ร์ และ โจเซ่ สองพ่อลูกแห่ง สแตมฟอร์ด บริดจ์
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสันไปแล้ว
สำหรับตอนนั้น การได้เห็นโด้ ในอ้อมอกป๋า
เป็นโมเมนท์ที่โคตะระซึ้งสำหรับเรา
แต่ใครว่าจะมีแค่ โรนัลโด้ กับ เฟอร์กี้ เท่านั้น ที่เปรียบตัวเป็นพ่อเป็นลูกกันในวงการฟุตบอลยุโรป
เมื่อคืนนี้ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ก็ได้เจอกับพ่อของเขา โจเซ่ มูริญโญ่ เช่นกัน
และทั้งคู่กลับมาพบกันในฐานะ คู่แข่ง
เราไม่ใช่เด็กเชลซี แต่เคยได้ยินเรื่องราวของดร็อกบามาบ้าง วันนี้ขอถือโอกาสเล่าให้ฟังสักเล็กน้อย
ผิดพลาดตรงไหน ขออภัยล่วงหน้า นะคะ..
ดร็อกบา ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมว่า
"ผมจะต้องมาสู้กับพ่อของผมเอง"
เกมส์ที่เบอนาเบว สำคัญมากกับผม ตอนที่ผมเล่นแชมเปียนลีกส์ครั้งแรก ผมเจอกับรีลมาิดริดชุด "กาลักตีโกส" ผมได้ยิงประตูแรกของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นเราก็แพ้ ที่สกอร์ 4-2 ผมไม่เคยลืมวันนั้นเลย
เขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับทุกๆคน พยายามค้นหาลักษณะพิเศษของพวกเรา และ จุดเด่นที่ดีที่สุด
ด้วยความเคารพ Fatih Terim (ผจก.ทีม กาลาตาซาราย) เหมือนกับมูริญโญ่มากในบางครั้ง เขาใกล้ชิดกับนักเตะมาก
"ผมเรียกเขาว่า โจโซ่ แต่มันหมายถึงทุกอย่าง เพื่อน,ผู้จัดการที่ดีที่สุด และ พ่อ มันคือทุกอย่างของผม"
ดร็อกบาเล่าถึงสมัยอนที่เขายังอยู่เชลซีกับมูริญญ่ ในปี 2007
"เราเจอกับ วัตฟอร์ด ตอนนั้นเชว่าพึ่งกลับมาจากรับใช้ชาติ พร้อมกับปัญหาที่เข่า แต่..เขากลับไปบอกเชว่าว่า
...เฮ้ย จำได้มั้ยฉันถามนายว่า ฉันรู้ว่านายเจ็บเข่า แต่ถ้าขอให้นายลงเล่น นายจะเล่นได้มั้ย
นายบอกว่า ได้ โอเค งั้น แต่วันนี้นายต้องเล่น เพราะฉะนั้น ออกไปวอร์ม และเตรียมตัวลงสนามซะ
แล้วนาย (หมายถึงดร็อกบา) พ่อราชันย์แห่งแอฟริกาออกไปเล่นซะ และ นาย ไมเคิล (บัลลัค) อย่าคิดว่ามาที่นี่
แล้วเหมือนได้อยู่บ้านนายนะ ไปลงสนามซะ!"
ดร็อกบาบอกว่า เกมส์วันนั้นเจ๋งสุดๆ เราชนะวัตฟอร์ดคาบ้าน คาลูโหม่งทำประตูได้ในนาทีสุดท้าย
นั่นเป็นรูปแบบหนึ่งที่โจเซ่ ทำให้ทีมเชลซี ยิ่งใหญ่ในเวลานั้น
เขาเชื่อใจพวกเราทุกคน
ผมมีความทรงจำกับเขาเยอะมากๆ บางครั้งผมก็ยิงนัดละ 2 ลูก แต่บางนัดก็ไม่ยิงเลย ตอนนั้น เขาพูดกับผมว่า
"อย่าห่วงน่า บางทีนายก็สามารถเป็น Man Of the Macth ได้ แม้นายจะไม่ได้ยิงประตูเลยก็ตาม
สำหรับดร็อกบา เวลาที่เขาคิดถึง นักเตะที่กลายเป็นตำนานของทีมหรือเป็นผู้สร้างทีม
เขามักนึกถึง ไรอัน กิ๊กส์ ของแมนยู หรือไม่ก็ เปาโล มัลดินี่ ของมิลาน
แม้จะมีผู้เล่นใหม่ๆ มากประสบการณ์และความสามารถเข้ามาอยู่ในทีม แต่สำหรับผมแล้ว นักเตะแบบ จอห์นและแฟร้ง
จำเป็นอย่างยิ่งกับทีม พวกเขาต้องอยู่เพื่อแบ่งปันความปรารถนาอันแรงกล้าของทีม และส่งผ่านความรู้สึกนึกคิดของสโมสร
ไปยังคนรุ่นถัดไป
ดร็อกบาย้ายไปอยู่ทีม เซียงไฮ้ เสิ่นหัว ก่อนจะกลับมายังลอนดอนในช่วงเดือนธันวาคมในปีที่ผ่านมา พร้อมกับ
ดีลเล็กๆกับการทำสัญญาระยะสั้นกับเชลซี
"ผมอยู่เชลซีมา 8 ปี ลอนดอนเปรียบเหมือนบ้าน และ มันก็คือเชลซี เพราะฉะนั้นผมดีใจมากที่ได้กลับมาซ้อมทีนี่อีกครั้ง"
"ดัลกับกาลาตาซารายเป็นดีลที่น่าสนใจมากและมันก็น่าเสี่ยง"
แต่สุดท้าย ดร้อกบาก็เลือกดีลที่น่าเสี่ยงกับ กาลาตาซาราย นั่นทำให้เขาต้องมาเจอ มูริญโญ่ ผู้เปรียบเหมือนพ่อ
ในเกม ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกส์
"มันแปลกมากๆ กับการที่ต้องมาเล่นอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ เอซเซียง,คาวัลโญ่ และ โจเซ่ พวกเรามาจากเชลซีกันทั้งนั้น"
หลังจบเกมส์คืนนี้มีข่าวลือหนาหูว่า ทั้งคู่อาจกลับมายัง สแตมฟอร์ด บริดจ์อีกครั้งแบบช็อควงการ
จากที่ก่อนหน้านี้ดร็อกบาได้แสดงทัศนะ ถึงผู้จัดการทีมคนปัจจุบันและผู้เล่นบางคนในทีมอย่างเข้มข้น
พร้อมทั้งบอกว่า
"เชลซี ต้องการมูริญโญ่ เขายังคงพูดถึงเชลซีอยู่ตลอด ตอนนี้เขาคือ คำตอบของทีม"
กับคำถามที่ว่า เขาจะกลับมาเชลซีหรือไม่นั้น ดร็อกบาไม่ได้กล่าวปฏิเสธ เขาเพียงแต่กล่าวว่า
"ขอผมเสร็จธุระกับ กาลาตาซาราย แล้วผมจะให้คำตอบ"
ทางฝั่ง มูริญโญ่ ก็ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนเกม เกี่ยวกับดร็อกบา เช่นกัน
"ผมจะไม่บอกว่า เขาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในชีวิตผม เพราะผมทำงานกับคนเก่งๆมาเยอะจริงๆ
แต่ ดิดิเย่ร์ เป็นเพื่อนที่ดี เป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม และ เป็นใครสักคนที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราได้ตลอดไป
นั่นทำให้ เกมส์นัดนี้ มีอะไรมากกว่า การแข่งขันฟุตบอล.."
หลังเกมส์ ที่รีลมาดริด ชนะ กาลาตาซาราย 3-0 นักข่าวได้ถามเขาถึงอดีตนักเตะที่เขาเคยร่วมงานด้วย
และ ผูกพันธ์กันมา แบบ สไนจ์เดอร์ และ ดร็อกบา
"พวกเขาเป็นเหมือนครอบครัว 90 นาทีก่อนหน้านี้ไม่ใช่ แต่หลังเสียงนกหวีด พวกเขาคือครอบครัว"
และ ดูเหมือนว่า ไม่ใช่แค่ดร็อกบาเท่านั้น ที่นับ มูริญโญ่ เป็นพ่อ เพราะ สไนเดอร์เองก็กล่าวว่า
"มูริญโญ่ คือพ่อคนที่สองของผม" เช่นเดียวกัน
"เขามอบความมั่นใจ แบบที่ผมไม่เคยพบมาก่อน เขาเป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุด
เขาเป็นโค้ชเบอร์หนึ่งในโลกของผม นอกเหนือจากการเป็นโค้ช เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด"
หรือว่าแท้ที่จริงแล้ว บทบาท "น้าเครียด" และ "จอมโอเวอร์แอคติ้ง"
จะเป็นแค่ฉากหน้า ของคน "ปากร้ายใจดี"
แบบ "โจเซ่ มูริญโญ่" เท่านั้นเอง