บางทีการที่เราจะถือหุ้นได้นานๆ มันก็เกี่ยวพันไปถึง
ความกดดันของชีวิตปรเะจำวันของเรา
ผมคิดแบบนี้
๑ ถ้าไม่มีแรงกดดันจากชีวิตประจำวัน เราก็จะหวั่นไหวกับราคาหุ้นน้อยลง
ถ้าทำได้ สุขภาพจิต จะไม่แย่ไปกว่าตอนก่อนเข้าตลาดหุ้น
๒ ถ้าเป้าหมายในการลงทุนของเรากำหนดไว้แค่
ผลตอบแทนจากหุ้น สามารถเอาชนะผลตอบแทนของการอยู่เฉยๆ โดยไม่ต้องเสี่ยง (ฝากประจำธนาคาร)
เราก็จะสามารถถือหุ้นได้นานๆ โดยไม่หวั่นไหวไปกับราคาหุ้น
ถ้าทำได้ สุขภาพจิต จะไม่แย่ไปกว่าตอนก่อนเข้าตลาดหุ้น
๓ ถ้าเริ่มหวั่นไหวกับราคาหุ้น
ก็ต้องจัดการแยกเงินจริง ออกมาจากเงินมายาของมูลค่าพอร์ต
โดยมีข้อสันนิษฐานว่า หุ้นที่เหลือในพอร์ต
จะสามารถจ่ายเงินปันผล พอจะยังชีพประจำปีได้
ถ้าทำได้ สุขภาพจิต จะไม่แย่ไปกว่าตอนก่อนเข้าตลาดหุ้น
ก็ขอฝากความเห็นไว้
สำหรับคนที่ยังไม่มีเครื่องมือในการเดินทางแสวงหาเงินจากตลาดหุ้น
และยังไม่มีภูมิต้านทาน ต่อการแกว่งตัวไปมาของราคาหุ้น
อย่าไปพูดถึงคำว่า ติดตอย ตกรถ ขายหมู บ่อยๆเกินความจำเป็น
ลองประยุกต์คำสอนของ พระอาจารย์ชา
มาใช้ในทางโลกย์ดู
โดยเปรียบเทียบว่า เป็นดี และแย่ ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ?
เชื่อว่า ผมแทบจะไม่เคยโพสต์คำว่าขายหมู ตกรถ ติดดอย
เรารู้ตัวเองว่า ไม่ได้เป็นคนทำราคาหุ้น ไม่ได้เป็นเจ้าของตลาดหุ้น
จะให้หุ้น เป็นไปตามที่ใจเราต้องการทุกอย่างได้อย่างไร ???
เอาแค่ เดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้นแล้ว
ตัวเราเองมีความพึงพอใจ ก็น่าจะพอใจแล้ว
คนอื่นจะทำอย่างไร ได้กำไรอย่างไร ก็เรื่องของคนอื่น
+
+
+
๙ แล้ว ๖ ๖ แล้ว ๙ นักลงทุนคนใต ที่ได้เงินปันผลพอค่าใช้จ่ายประจำปีบ้างครับ ?
ความกดดันของชีวิตปรเะจำวันของเรา
ผมคิดแบบนี้
๑ ถ้าไม่มีแรงกดดันจากชีวิตประจำวัน เราก็จะหวั่นไหวกับราคาหุ้นน้อยลง
ถ้าทำได้ สุขภาพจิต จะไม่แย่ไปกว่าตอนก่อนเข้าตลาดหุ้น
๒ ถ้าเป้าหมายในการลงทุนของเรากำหนดไว้แค่
ผลตอบแทนจากหุ้น สามารถเอาชนะผลตอบแทนของการอยู่เฉยๆ โดยไม่ต้องเสี่ยง (ฝากประจำธนาคาร)
เราก็จะสามารถถือหุ้นได้นานๆ โดยไม่หวั่นไหวไปกับราคาหุ้น
ถ้าทำได้ สุขภาพจิต จะไม่แย่ไปกว่าตอนก่อนเข้าตลาดหุ้น
๓ ถ้าเริ่มหวั่นไหวกับราคาหุ้น
ก็ต้องจัดการแยกเงินจริง ออกมาจากเงินมายาของมูลค่าพอร์ต
โดยมีข้อสันนิษฐานว่า หุ้นที่เหลือในพอร์ต
จะสามารถจ่ายเงินปันผล พอจะยังชีพประจำปีได้
ถ้าทำได้ สุขภาพจิต จะไม่แย่ไปกว่าตอนก่อนเข้าตลาดหุ้น
ก็ขอฝากความเห็นไว้
สำหรับคนที่ยังไม่มีเครื่องมือในการเดินทางแสวงหาเงินจากตลาดหุ้น
และยังไม่มีภูมิต้านทาน ต่อการแกว่งตัวไปมาของราคาหุ้น
อย่าไปพูดถึงคำว่า ติดตอย ตกรถ ขายหมู บ่อยๆเกินความจำเป็น
ลองประยุกต์คำสอนของ พระอาจารย์ชา
มาใช้ในทางโลกย์ดู
โดยเปรียบเทียบว่า เป็นดี และแย่ ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ?
เชื่อว่า ผมแทบจะไม่เคยโพสต์คำว่าขายหมู ตกรถ ติดดอย
เรารู้ตัวเองว่า ไม่ได้เป็นคนทำราคาหุ้น ไม่ได้เป็นเจ้าของตลาดหุ้น
จะให้หุ้น เป็นไปตามที่ใจเราต้องการทุกอย่างได้อย่างไร ???
เอาแค่ เดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้นแล้ว
ตัวเราเองมีความพึงพอใจ ก็น่าจะพอใจแล้ว
คนอื่นจะทำอย่างไร ได้กำไรอย่างไร ก็เรื่องของคนอื่น
+
+
+