๙ แล้ว ๖ ๖ แล้ว ๙ นักลงทุนคนใต ที่ได้เงินปันผลพอค่าใช้จ่ายประจำปีบ้างครับ ?

บางทีการที่เราจะถือหุ้นได้นานๆ  มันก็เกี่ยวพันไปถึง
ความกดดันของชีวิตปรเะจำวันของเรา

ผมคิดแบบนี้

๑ ถ้าไม่มีแรงกดดันจากชีวิตประจำวัน   เราก็จะหวั่นไหวกับราคาหุ้นน้อยลง
ถ้าทำได้  สุขภาพจิต จะไม่แย่ไปกว่าตอนก่อนเข้าตลาดหุ้น

๒ ถ้าเป้าหมายในการลงทุนของเรากำหนดไว้แค่  
ผลตอบแทนจากหุ้น  สามารถเอาชนะผลตอบแทนของการอยู่เฉยๆ โดยไม่ต้องเสี่ยง (ฝากประจำธนาคาร)
เราก็จะสามารถถือหุ้นได้นานๆ   โดยไม่หวั่นไหวไปกับราคาหุ้น
ถ้าทำได้  สุขภาพจิต จะไม่แย่ไปกว่าตอนก่อนเข้าตลาดหุ้น

๓ ถ้าเริ่มหวั่นไหวกับราคาหุ้น
ก็ต้องจัดการแยกเงินจริง  ออกมาจากเงินมายาของมูลค่าพอร์ต
โดยมีข้อสันนิษฐานว่า   หุ้นที่เหลือในพอร์ต
จะสามารถจ่ายเงินปันผล  พอจะยังชีพประจำปีได้
ถ้าทำได้  สุขภาพจิต จะไม่แย่ไปกว่าตอนก่อนเข้าตลาดหุ้น




ก็ขอฝากความเห็นไว้  
สำหรับคนที่ยังไม่มีเครื่องมือในการเดินทางแสวงหาเงินจากตลาดหุ้น
และยังไม่มีภูมิต้านทาน ต่อการแกว่งตัวไปมาของราคาหุ้น

อย่าไปพูดถึงคำว่า ติดตอย ตกรถ  ขายหมู บ่อยๆเกินความจำเป็น

ลองประยุกต์คำสอนของ พระอาจารย์ชา
มาใช้ในทางโลกย์ดู
โดยเปรียบเทียบว่า  เป็นดี และแย่  ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ?




เชื่อว่า  ผมแทบจะไม่เคยโพสต์คำว่าขายหมู ตกรถ ติดดอย
เรารู้ตัวเองว่า  ไม่ได้เป็นคนทำราคาหุ้น ไม่ได้เป็นเจ้าของตลาดหุ้น
จะให้หุ้น เป็นไปตามที่ใจเราต้องการทุกอย่างได้อย่างไร ???

เอาแค่  เดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้นแล้ว
ตัวเราเองมีความพึงพอใจ  ก็น่าจะพอใจแล้ว
คนอื่นจะทำอย่างไร  ได้กำไรอย่างไร  ก็เรื่องของคนอื่น




+



+



+
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่