คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ขอตอบเป็นข้อๆในฐานะที่ทำงานอยู่ในวงการนี้มาเกือบ 10 ปี (ตั้งแต่เรียนจบ) นะครับ
1.เบื้องต้นควรเรียกเงินเดือนเท่าไรได้คะ แล้วใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการตั้งเงินเดือนบ้าง
ตอบ อันนี้ไม่มีเกณฑ์ครับ อยู่ที่การตกลงระหว่างผู้จ้างกับตัวคุณ และความมั่นใจและความสามารถของคุณล้วนๆ ถ้ามั่นใจว่าคุณแน่พองานสายงานนี้ เรียกสูงๆไปเลยครับ ออ... ต้องดูและประเมินองค์กรที่คุณไปสมัครด้วยครับ ว่าเค้าจะไหวกับค่าจ้างที่คุณเรียกหรือเปล่า
2.บริษัทที่รับวุฒินี้มีบริษัทแนวไหนบ้างคะ
ตอบ จบด้านสิ่งแวดล้อมมาไม่น่าถามคำถามนี้เลย หากไม่รู้จริงๆไปเปิดกฎหมายเกี่ยวกับบุคลากรด้านสิ่งแวดล้อมประจำโรงงาน
3.ข้อคำแนะนำในการทำให้ประวัติตัวเองน่าสนใจมากขึ้นด้วยค่ะ เช่น ระดับภาษา หรืออื่นๆ
ตอบ ภาษา ในสายงานนี้ไม่จำเป็นเท่าไหร่ อยู่ที่ความรู้ + ประสบการณ์ล้วนๆ คุณไม่ต้องไปทำประวัติให้เริดหรูหรอกครับ ถ้าคุณไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย ถึงคุณจะจบโทมาก้เถอะ รับรองเงินเดือนคุณน้อยกว่า ป. ตรี 100 % เพราะงานสิ่งแวดล้อมนี้ปฎิบัติจริงแทบจะไม่เหมือนตำราเลยครับ ซึ่งไม่สามารถหาอ่านที่ไหนได้ ต้องสัมผัสและเจอกับมันเท่านั้นถึงจะรู้ ยกตัวอย่างง่ายๆ การเดินระบบบำบัดน้ำเสีย หาก Sludge ลอยอืดที่ถังตกตะกอน เกิดจากสาเหตุอะไรและ คุณจะแก้ไขปัญหาอย่างไร แต่ชีวิตจริงปัญหาการเดินระบบมันมากกว่านั้น และอีกอย่าง งานสิ่งแวดล้อมไม่ได้มีแค่ระบบบำบัดน้ำเสีย มันมีระบบบำบัดมลพิษอากาศ / ระบบการบริหารจัดการ Waste / ISO 14001 / Monitoring / งานมวลชนสัมพันธ์ / Lab ฯลฯ
อันนี้แนะนำเพิ่มเติมครับ
1. กรณีที่คุณจบใหม่ควรมุ่งสมัครงานบริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งในเมืองไทยผุดขึ้นยังกับดอกเห็ด แล้วช่วงที่ทำงานก็เก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติให้ได้มากที่สุด เช่น EIA / GIS/ Lab /กฏหมาย / EMS / ISO ฯลฯ ซึ่งในบริษัทที่ปรึกษานั้นความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมแทบจะครอบจักรวาลแล้ว (หากคุณได้เทรนเนอร์หรือองค์กรที่ไม่หวงวิชา) ถ้าเจอพวกหวงก็อยู่ที่ตัวคุณเองแล้ว
2. การสอบใบอนุญาตเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นบุคลากรด้านสิ่งแวดล้อมประจำโรงงานนั้น เป็นเรื่องที่ดีครับ ถือว่าเป็นใบเบิกทางในการหางานที่ดีกว่า แต่แนะนำว่าสอบเอามาเก็บไว้ก่อนครับ อย่าเพิ่งเอาไปใช้ซ่าส์ โบยบินในดงอุตสาหกรรม เพราะทุกวันนี้พวกที่สอบผ่านนั้นมีแต่อ่านแนวข้อสอบไปสอบ (ซึ่งก้สอบผ่านซะส่วนใหญ่ และพวกอย่างว่ามีเยอะ) เพราะข้อสอบทุกวันนี้ง่ายมาก และก็อปๆข้อสอบเก่ามาออกทั้งนั้น ไม่เหมือนสมัยก่อนยากมาก ทำให้พวกอย่างว่าพอทำงานหรือเอาเข้าจริง ที่ต้องแก้ไขปัญหา กลับทำห่านไรไม่ได้เลย ทำได้แค่เซนต์ รว. ส่งกรมเท่านั้นเอง ถ้าบริษัทที่เค้าจ้างคุณรู้ว่าคุณทำได้แค่นี้ คุณจะได้เกิดไหมถามหน่อย (น่าอายไหม) หรือมีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมขึ้นมา มีคนมาปรึกษาคุณ แต่คุณตอบไม่ได้ มันน่าอายไหม เพราะจบตั้ง ป.โท ดังนั้นแนะนำให้ไปทำบริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมก่อนจะดีที่สุด ทำไปเรื่อยๆจนกว่าไม่มีอะไรที่คุณต้องเรียนรู้อีกแล้ว แล้วค่อยมาโบยบินในดงอุตสาหกรรม
3. ทำงานด้านนี้ไปเรื่อยๆ พยายามเข้ากลุ่มหรือเครือข่ายด้านสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด Present ความรู้ความสามารถของตัวเองให้ผู้บริหารของแต่ละสถานประกอบการให้เค้าเห็น แล้วงานจะหลั่งไหลมาหาคุณเอง เพราะวงการหรือแวดวงนี้ส่วนใหญ่ผู้บริหารเค้าจะมาเอง ถ้าคุณฉายแววให้เค้าเห็นได้ เค้าจะติดต่อคุณเอง
4. สามารถทำงานได้หลายที่ ทำงานประจำ และฟรีเลนท์ หรือเป็นที่ปรึกษาให้กับโรงงานอื่นได้ หรือขึ้นทะเบียนเป็นผู้ควบคุมให้กับโรงงานอื่น ( 1 คนเซนต์ได้ไม่จำกัด ) ข้อดีมันอยู่ตรงนี้ ไม่เหมือน จปว. ที่ 1 คนเซนต์ได้แค่ 1 ที่
5. แนะนำให้เรียน จป. เพิ่มไปด้วย ซึ่งถ้าจบมา คุณจะเป็นคนพิเศษ ที่สามารถเซนต์เอกสารได้ทั้ง สิ่งแวดล้อม และ ความปลอดภัย ถ้าถึงเวลานั้นเงินเดือนก้ไม่ขอพูดถึง
สงสัยอะไรเพิ่มเติม หลังไมค์ได้ครับ เพราะผมทำด้านด้านนี้มา 9 ปีกว่าแล้ว (จบมาใหม่ๆ อยู่บริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม 3 ปี แล้วจึงโบยบินในดงอุตสาหกรรม) และปัจจุบันก้เป็นพนักงานของโรงงานแห่งหนึ่ง และเป็นที่ปรึกษาให้กับโรงงานอีกโรงงานหนึ่ง (ทำเฉพาะวันหยุด) และเซนต์เอกสารด้านสิ่งแวดล้อมให้ที่อื่นหลายที่พอสมควร ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนร่วมวิชาชีพครับ
1.เบื้องต้นควรเรียกเงินเดือนเท่าไรได้คะ แล้วใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการตั้งเงินเดือนบ้าง
ตอบ อันนี้ไม่มีเกณฑ์ครับ อยู่ที่การตกลงระหว่างผู้จ้างกับตัวคุณ และความมั่นใจและความสามารถของคุณล้วนๆ ถ้ามั่นใจว่าคุณแน่พองานสายงานนี้ เรียกสูงๆไปเลยครับ ออ... ต้องดูและประเมินองค์กรที่คุณไปสมัครด้วยครับ ว่าเค้าจะไหวกับค่าจ้างที่คุณเรียกหรือเปล่า
2.บริษัทที่รับวุฒินี้มีบริษัทแนวไหนบ้างคะ
ตอบ จบด้านสิ่งแวดล้อมมาไม่น่าถามคำถามนี้เลย หากไม่รู้จริงๆไปเปิดกฎหมายเกี่ยวกับบุคลากรด้านสิ่งแวดล้อมประจำโรงงาน
3.ข้อคำแนะนำในการทำให้ประวัติตัวเองน่าสนใจมากขึ้นด้วยค่ะ เช่น ระดับภาษา หรืออื่นๆ
ตอบ ภาษา ในสายงานนี้ไม่จำเป็นเท่าไหร่ อยู่ที่ความรู้ + ประสบการณ์ล้วนๆ คุณไม่ต้องไปทำประวัติให้เริดหรูหรอกครับ ถ้าคุณไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย ถึงคุณจะจบโทมาก้เถอะ รับรองเงินเดือนคุณน้อยกว่า ป. ตรี 100 % เพราะงานสิ่งแวดล้อมนี้ปฎิบัติจริงแทบจะไม่เหมือนตำราเลยครับ ซึ่งไม่สามารถหาอ่านที่ไหนได้ ต้องสัมผัสและเจอกับมันเท่านั้นถึงจะรู้ ยกตัวอย่างง่ายๆ การเดินระบบบำบัดน้ำเสีย หาก Sludge ลอยอืดที่ถังตกตะกอน เกิดจากสาเหตุอะไรและ คุณจะแก้ไขปัญหาอย่างไร แต่ชีวิตจริงปัญหาการเดินระบบมันมากกว่านั้น และอีกอย่าง งานสิ่งแวดล้อมไม่ได้มีแค่ระบบบำบัดน้ำเสีย มันมีระบบบำบัดมลพิษอากาศ / ระบบการบริหารจัดการ Waste / ISO 14001 / Monitoring / งานมวลชนสัมพันธ์ / Lab ฯลฯ
อันนี้แนะนำเพิ่มเติมครับ
1. กรณีที่คุณจบใหม่ควรมุ่งสมัครงานบริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งในเมืองไทยผุดขึ้นยังกับดอกเห็ด แล้วช่วงที่ทำงานก็เก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติให้ได้มากที่สุด เช่น EIA / GIS/ Lab /กฏหมาย / EMS / ISO ฯลฯ ซึ่งในบริษัทที่ปรึกษานั้นความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมแทบจะครอบจักรวาลแล้ว (หากคุณได้เทรนเนอร์หรือองค์กรที่ไม่หวงวิชา) ถ้าเจอพวกหวงก็อยู่ที่ตัวคุณเองแล้ว
2. การสอบใบอนุญาตเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นบุคลากรด้านสิ่งแวดล้อมประจำโรงงานนั้น เป็นเรื่องที่ดีครับ ถือว่าเป็นใบเบิกทางในการหางานที่ดีกว่า แต่แนะนำว่าสอบเอามาเก็บไว้ก่อนครับ อย่าเพิ่งเอาไปใช้ซ่าส์ โบยบินในดงอุตสาหกรรม เพราะทุกวันนี้พวกที่สอบผ่านนั้นมีแต่อ่านแนวข้อสอบไปสอบ (ซึ่งก้สอบผ่านซะส่วนใหญ่ และพวกอย่างว่ามีเยอะ) เพราะข้อสอบทุกวันนี้ง่ายมาก และก็อปๆข้อสอบเก่ามาออกทั้งนั้น ไม่เหมือนสมัยก่อนยากมาก ทำให้พวกอย่างว่าพอทำงานหรือเอาเข้าจริง ที่ต้องแก้ไขปัญหา กลับทำห่านไรไม่ได้เลย ทำได้แค่เซนต์ รว. ส่งกรมเท่านั้นเอง ถ้าบริษัทที่เค้าจ้างคุณรู้ว่าคุณทำได้แค่นี้ คุณจะได้เกิดไหมถามหน่อย (น่าอายไหม) หรือมีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมขึ้นมา มีคนมาปรึกษาคุณ แต่คุณตอบไม่ได้ มันน่าอายไหม เพราะจบตั้ง ป.โท ดังนั้นแนะนำให้ไปทำบริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมก่อนจะดีที่สุด ทำไปเรื่อยๆจนกว่าไม่มีอะไรที่คุณต้องเรียนรู้อีกแล้ว แล้วค่อยมาโบยบินในดงอุตสาหกรรม
3. ทำงานด้านนี้ไปเรื่อยๆ พยายามเข้ากลุ่มหรือเครือข่ายด้านสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด Present ความรู้ความสามารถของตัวเองให้ผู้บริหารของแต่ละสถานประกอบการให้เค้าเห็น แล้วงานจะหลั่งไหลมาหาคุณเอง เพราะวงการหรือแวดวงนี้ส่วนใหญ่ผู้บริหารเค้าจะมาเอง ถ้าคุณฉายแววให้เค้าเห็นได้ เค้าจะติดต่อคุณเอง
4. สามารถทำงานได้หลายที่ ทำงานประจำ และฟรีเลนท์ หรือเป็นที่ปรึกษาให้กับโรงงานอื่นได้ หรือขึ้นทะเบียนเป็นผู้ควบคุมให้กับโรงงานอื่น ( 1 คนเซนต์ได้ไม่จำกัด ) ข้อดีมันอยู่ตรงนี้ ไม่เหมือน จปว. ที่ 1 คนเซนต์ได้แค่ 1 ที่
5. แนะนำให้เรียน จป. เพิ่มไปด้วย ซึ่งถ้าจบมา คุณจะเป็นคนพิเศษ ที่สามารถเซนต์เอกสารได้ทั้ง สิ่งแวดล้อม และ ความปลอดภัย ถ้าถึงเวลานั้นเงินเดือนก้ไม่ขอพูดถึง
สงสัยอะไรเพิ่มเติม หลังไมค์ได้ครับ เพราะผมทำด้านด้านนี้มา 9 ปีกว่าแล้ว (จบมาใหม่ๆ อยู่บริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม 3 ปี แล้วจึงโบยบินในดงอุตสาหกรรม) และปัจจุบันก้เป็นพนักงานของโรงงานแห่งหนึ่ง และเป็นที่ปรึกษาให้กับโรงงานอีกโรงงานหนึ่ง (ทำเฉพาะวันหยุด) และเซนต์เอกสารด้านสิ่งแวดล้อมให้ที่อื่นหลายที่พอสมควร ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนร่วมวิชาชีพครับ
แสดงความคิดเห็น
เรตเงินเดือน วท.ม.(วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม) อยู่ที่เท่าไรคะ
1.เบื้องต้นควรเรียกเงินเดือนเท่าไรได้คะ แล้วใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการตั้งเงินเดือนบ้าง
2.บริษัทที่รับวุฒินี้มีบริษัทแนวไหนบ้างคะ
3.ข้อคำแนะนำในการทำให้ประวัติตัวเองน่าสนใจมากขึ้นด้วยค่ะ เช่น ระดับภาษา หรืออื่นๆ
ปล.กระทู้แรกค่ะ ขอคำแนะนำด้วยนะคะ