คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
อืมม...ก็อยากจะแชร์ประสบการณ์กันน๊ะครับ ผมจบนิเทศมากว่ายี่สิบปีแล้ว ต่อโทMBA. แล้วไปจบการจัดการด้านวิศวกรรม อีกหนึ่งแขนง ...ผ่านงานมาทั้งสองด้าน คือด้านนิเทศ และงานสายวิศวกรรม อย่างแรกที่อยากจะบอกน้องก็คือ นิเทศเป็นคณะที่เรียนไม่ยาก(แต่ก็ไม่ง่ายน๊ะ ) แต่จบมาทำงานยากกว่าเรียนหลายเท่า, วิศวะเรียนยากแต่จบมาหางานง่ายและมั่นคงกว่า
เหตผลที่ทำให้เด็กๆแห่เรียนนิเทศกันก็เพราะ ชิ้นงานของคณะนิเทศมันอยู่รอบตัวเรา จับต้องได้ มีอารมณ์ร่วม เสพแล้วมีจินตนาการมีความสุข ก็เหมือนเหตผลที่น้องยกมาแหละครับ เพราะนิเทศเป็นวิชาที่ว่าด้วยการสื่อสาร ไม่มีผิดถูกร้อยเปอร์เซนต์ ใช้จินตนาการให้สัมพันธ์กับหลักวิชาพื้นฐานให้ได้เป็นหลัก ซึ่งจะเกี่ยวพันกับหลักการตลาดโดยตรงเพื่อผลของการทำนายพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำและต้องตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้ในแง่ยอดขายเป็นหลัก ในปัจจุบันเราจึงจะเห็นทฤษฎีใหม่ๆว่าด้วยการตลาดและการสื่อสารออกมาตลอดเวลา และอีกเหตุผลที่สำคัญก็คืองานนิเทศส่วนใหญ่จะมีไอดอลในสังคมไง ทำให้วัยรุ่นซึมซับความคิด ความสำเร็จได้อย่างชัดเจน
ส่วนงานด้านวิศว เน้นเหตุผล ผิดถูก เป็นหลัก เน้นการคิดที่เป็นระบบ เพื่อไปเอาชนะหรือแก้ไขปัญหาในอุตสาหกรรมต่างๆที่จะเกิดขึ้นเมื่อจบไป มองทุกอย่างในมิติของความจริง ไม่มีสีสันอะไรมากมาย ไม่มีวิศวกรเท่ๆให้สาวๆกรี๊ด พี่ว่าวิศวเป็นคณะวิชาที่คนเรียนต้องมั่นคง มุ่งมั่น ไม่ฉาบฉวยจึงจะจบมาเป็นวิศวกรที่ดีได้
โดยส่วนตัวพี่ผ่านงานนิเทศมาก่อนรู้สึกรักและชอบน๊ะ แต่มีเหตุการณ์ที่ต้องทำให้ชีวิตต้องเปลี่ยนแปลงมาเดินงานสายวิศว เมื่อก่อนไม่ชอบเลย แอนตี้ตลอดเหมือนอยู่คนละโลก แต่เมื่อต้องทำก็คือต้องทำ คิดว่าไม่ได้ทำในสิ่งที่ชอบก็จะต้องชอบในสิ่งที่ทำ(ให้ได้). สุดท้ายก็เริ่มเข้าใจและชอบไปกับมัน อยากจะบอกน้องว่า ก่อนจะเลือกตัดสินใจต้องถามตัวเองให้ชัดๆและหลายๆครั้ง ถ้าคิดจะเดินไปในอาชีพใดแล้วต้องเล่นกับมันให้สุด ต้องมุ่งมั่นกับมันมากๆ แต่ถ้าจะให้แนะนำจากประสบการณ์ตรงของพี่น๊ะ เป็นพี่จะเรียนวิศวต่อให้จบก่อน ส่วนนิเทศถ้ายังชอบจริงยังไม่ทิ้งเรียนเพิ่มได้ภายหลัง มีเปิดสอนแทบทุกสถาบัน
ก็ไม่รู้จะเป็นประโยชนรึปล่าว แต่ขอให้โชคดีครับ เอาใจช่วย
เหตผลที่ทำให้เด็กๆแห่เรียนนิเทศกันก็เพราะ ชิ้นงานของคณะนิเทศมันอยู่รอบตัวเรา จับต้องได้ มีอารมณ์ร่วม เสพแล้วมีจินตนาการมีความสุข ก็เหมือนเหตผลที่น้องยกมาแหละครับ เพราะนิเทศเป็นวิชาที่ว่าด้วยการสื่อสาร ไม่มีผิดถูกร้อยเปอร์เซนต์ ใช้จินตนาการให้สัมพันธ์กับหลักวิชาพื้นฐานให้ได้เป็นหลัก ซึ่งจะเกี่ยวพันกับหลักการตลาดโดยตรงเพื่อผลของการทำนายพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำและต้องตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้ในแง่ยอดขายเป็นหลัก ในปัจจุบันเราจึงจะเห็นทฤษฎีใหม่ๆว่าด้วยการตลาดและการสื่อสารออกมาตลอดเวลา และอีกเหตุผลที่สำคัญก็คืองานนิเทศส่วนใหญ่จะมีไอดอลในสังคมไง ทำให้วัยรุ่นซึมซับความคิด ความสำเร็จได้อย่างชัดเจน
ส่วนงานด้านวิศว เน้นเหตุผล ผิดถูก เป็นหลัก เน้นการคิดที่เป็นระบบ เพื่อไปเอาชนะหรือแก้ไขปัญหาในอุตสาหกรรมต่างๆที่จะเกิดขึ้นเมื่อจบไป มองทุกอย่างในมิติของความจริง ไม่มีสีสันอะไรมากมาย ไม่มีวิศวกรเท่ๆให้สาวๆกรี๊ด พี่ว่าวิศวเป็นคณะวิชาที่คนเรียนต้องมั่นคง มุ่งมั่น ไม่ฉาบฉวยจึงจะจบมาเป็นวิศวกรที่ดีได้
โดยส่วนตัวพี่ผ่านงานนิเทศมาก่อนรู้สึกรักและชอบน๊ะ แต่มีเหตุการณ์ที่ต้องทำให้ชีวิตต้องเปลี่ยนแปลงมาเดินงานสายวิศว เมื่อก่อนไม่ชอบเลย แอนตี้ตลอดเหมือนอยู่คนละโลก แต่เมื่อต้องทำก็คือต้องทำ คิดว่าไม่ได้ทำในสิ่งที่ชอบก็จะต้องชอบในสิ่งที่ทำ(ให้ได้). สุดท้ายก็เริ่มเข้าใจและชอบไปกับมัน อยากจะบอกน้องว่า ก่อนจะเลือกตัดสินใจต้องถามตัวเองให้ชัดๆและหลายๆครั้ง ถ้าคิดจะเดินไปในอาชีพใดแล้วต้องเล่นกับมันให้สุด ต้องมุ่งมั่นกับมันมากๆ แต่ถ้าจะให้แนะนำจากประสบการณ์ตรงของพี่น๊ะ เป็นพี่จะเรียนวิศวต่อให้จบก่อน ส่วนนิเทศถ้ายังชอบจริงยังไม่ทิ้งเรียนเพิ่มได้ภายหลัง มีเปิดสอนแทบทุกสถาบัน
ก็ไม่รู้จะเป็นประโยชนรึปล่าว แต่ขอให้โชคดีครับ เอาใจช่วย
สมาชิกหมายเลข 7043745 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 6489498 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2914477 ถูกใจ, NiGht pRincE ถูกใจ, mottokung ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 780688 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น
เส้นทางชีวิตหลังเรียนจบ นิเทศ เอกภาพยนตร์/โฆษณา เป็นยังไงครับ ?? มาแชร์ประสบการณ์ก็ได้นะครับ
คิดว่าถ้าให้เรียนก็เรียนได้ แต่ไม่ค่อยโอเคกับมันเท่าไหร่
ผมถามตัวเองมาหลายครั้ง จนเริ่มแน่ใจว่า สิ่งที่อยากเรียนคือ "นิเทศ" นี่แหละ !! และอยากเรียนภาพยนตร์หรือไม่ก็โฆษณาครับ
เหตุผลที่อยากเรียน"ภาพยนตร์" เพราะอยากเป็นผู้กำกับ อยากสร้างหนังดีๆ หรือไม่ก็อยากเขียนบทให้ได้แบบที่คนดูต้องร้องว่า "เฮ้ย คิดมาได้ไง" ไม่ก็อยากเป็นพวกตัดต่อ จัดลำดับฉาก อะไรทำนองนี้
เหตุผลที่อยากเรียน"โฆษณา" เพราะคิดว่าเอกโฆษณาเข้าใกล้คำว่าธุรกิจมากที่สุด อยากคิดโฆษณาเจ๋งๆไปตีตลาดคู่ต่อสู้ได้ แล้วทำให้สินค้าบูมด้วยโฆษณาของเราเอง
แต่ความฝันก็ต้องสะดุดกับหลายๆอย่าง จนทำให้ผมไม่แน่ใจว่า ควรจะทิ้งวิศวะไปนิเทศดีรึเปล่า
- ผมเข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง บางทีก็ประหม่าเวลาอยู่กับคนเยอะๆแล้วเราต้องเป็นจุดสนใจ (แต่ก็ทำกิจกรรมนะครับ ถึงจะไม่ค่อยเป็นตัวหลัก)
- หน้าตาก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น โอกาสทำงานหน้ากล้องคงจะยาก อิอิ
- หัวไม่ค่อยครีเอทีฟ คิดอะไรนอกกรอบไม่ค่อยจะได้ (เรื่องแบบนี้มันพัฒนาได้รึเปล่าครับ หรือว่าเป็นพรสวรรค์??)
- กลัวว่านิเทศจะไม่มั่นคง ตอนเรียนอาจจะชอบ แต่จบไปคงต้องคิดหนักเรื่องเงิน กลัวว่า เรียนนิเทศไปแล้วจะนึกเสียดายว่า ทำไมไม่เรียนวิศวะต่อ เพราะวิศวะดูจะมั่นคงกว่ามาก (อันนี้ต้องดาวไว้เลย เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ผมลังเล)
สิ่งที่ผมหวังว่าจะทำให้ผมอยู่รอดในคณะนี้ได้คงจะเป็นภาษาอังกฤษ (ผมคิดว่าค่อนข้างโอเค)
นิสัยที่คิดว่าอาจจะเกี่ยวกับคณะนี้ ... (อันไหนที่ส่งผลต่อคณะนี้ พี่ๆแนะนำมาได้เลยครับ)
- ผมชอบดูหนัง ดูเกือบหมดทุกเรื่องยกเว้นหนังผี ชอบอ่านนิยายไทยบ้างอังกฤษบ้าง ฟังแต่เพลงสากล ชอบเขียน ชอบจินตนาการ ตัดต่อวิดิโอพอได้ แต่อาจจะลำดับภาพไม่เก่ง
- ผมวาดรูปไม่สวย ไม่ชอบดูทีวี ไม่ค่อยสนใจวงการบันเทิง ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ ไม่ยุ่งเรื่องการเมืองเลย
สิ่งที่อยากรู้มากๆคือ .... พี่ๆคิดว่า อย่างผมจะเรียนนิเทศได้มั้ย แล้วนิเทศมั่นคงแค่ไหน โอกาสเติบโตมีมากแค่ไหน ถ้าเปิด AEC นิเทศจะเป็นยังไง ปกติเรียนจบนิเทศแล้วต่อโทอะไรกัน ถ้าต่อบริหารจะเวิร์คมั้ย
อยากให้พี่ๆช่วยแชร์ประสบการณ์ อยากฟังความเห็นจากคนหลายๆแบบ หลายๆแนวคิด ถ้าพี่คนไหนจบนิเทศมาก็ช่วยระบุไว้ด้วยนะครับ :]
ปล. คิดว่าคงติดนิเทศจุฬาฯครับ