แตกประเด็นจาก
http://ppantip.com/topic/30259965 "ด้วยรักจากใจคนรือเสาะ ถึงท่านรองฯ จักรกฤษณ์ วงศ์พรหมเมศร์"
และ
http://ppantip.com/topic/30279136 ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกันส่งต่อเรื่องราวของท่านรองฯชุมแพจนสร้างความแตกต่างได้+หนังสือที่ระลึกงานศพท่านรอง
(รูปสุดท้ายของท่านรองฯชุมแพก่อนเสียชีวิต 5 นาที)
หลังจากที่ผมและชาวบ้านชาวรือเสาะได้ร่วมแรงกันผลักดันแนวคิด เรื่องการสร้างอนุสรณ์สถานเพื่อรำลึกถึงการจากไปของท่านรองชุมแพหรือท่านจักรกฤษณ์ วงศ์พรหมเมศร์ เรื่องราวก็เหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี ประชาชนในพื้นที่อ.รือเสาะเอง รวมถึงอ.ศรีสาครที่ท่านรองฯเคยรับราชการอยู่ ต่างก็พร้อมใจกัน ผลักดันประเด็นดังกล่าวทั้ง ปากต่อปาก สื่อออนไลน์ จนไปถึงช่องข่าวชั้นนำ เรื่องราวมาถึงตอนนี้ ผมและชาวบบ้านต่างก็คิดว่า อะไรๆ มันจะราบรื่นอยู่แล้ว จนกระทั่งตอนนี้มาถึงขั้นตอนการคัดสรรบุคคลากรเพื่อมาเป็นแกนนำในการสร้างอนุสรณ์สถานแล้ว
ผมเองก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการทำงานดังกล่าวด้วย โดยเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ชาวบ้านจำนวนราว 40-50 คนได้มาชุมนุมกันเพื่อหารือกันเป็นครั้งแรกเรื่องสร้างอนุสรณสถานของท่านรองฯแพ
วาระแรกที่ได้ประชุมนั้น คือ เรื่องการจะสร้างหรือไม่ ซึ่งประเด็นก็ผ่านไปได้เลยทันที เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ชาวบ้านทุกคนเองเองก็ต้องการอยู่แล้ว
วาระที่สองนี่แหละที่เป็นปัญหา นั่นคือเรื่องที่ตั้งของอนุสรณ์สถานดังกล่าว
สรุปโดยย่นย่อ เสียงแตกออกเป็นสองเสียง คือ
1. อยากให้ตั้งภายในสวนสาธารณะ เพราะเป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับทั้งไทยพุทธ และอิสลาม เนื่องจากท่านรองฯเองก็เป็นที่เคารพของชาวบ้านผู้นับถือศาสนาอิสลามเช่นกัน แต่บางเสียงก็คัดค้ายด้วยเหตุผลว่า ช่วงหลังสวนสาธารณะ เป็นแหล่งของวับรุ่นเป็นหลัก คนทั่วๆไป เด็ก และผู้ใหญ่จะไม่ได้เข้าไปข้างใน แม้ว่าช่วงหลังการชุมนุมของพวกวัยรุ่นในลักษณะแก็งค์จะลดลงเพราะท่านรองฯชุมแพกวดขัน แต่ชาวบ้านทั่วไปก็ยังไม่อยากเข้าใกล้เท่าไหร่อยู่ดี
2. ตั้งที่สภ.อ.รือเสาะ เพื่อจะได้เป็นการรำลึกถึงตำรวจคนกล้า และจะได้เป็นแบบอย่างให้กับตำรวจรุ่นหลัง เพื่อจะได้เจริญรอยตามท่านรองฯชุมแพ ซึ่งเป็นตำรวจทที่ทำงานอุทิศตนเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ไม่มีการรังแกประชาชน และไม่ยอมให้ลูกน้องรังแกประชาชนด้วย บางส่วนก็ได้คัดค้านว่า การตั้งที่โรงพักนั้นจำเป็นต้องดำเนินการหลายส่วนเพื่อขออนุญาตไม่ใช่ว่าจะตั้งก็ตั้งได้ อีกอย่าง โรงพักเองก็ไม่ใช่ที่ประชาชนส่วนใหญ่จะเข้าไปเพื่อเคารพอนุสรฯสถานได้
แต่มีเรื่องหนึ่งที่กลุ่มแกนหลักไม่ได้บอกกับชาวบ้านไปวันนั้นคือ การตั้งอนุสรณ์สถานที่โรงพักนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย
ความจริงคือ ท่านรองฯชุมแพเป็นที่รัก เป็นบุคคลที่ประชาชนรักและหวงแหน เพราะท่านเป็นตำรวจตงฉินแบบสุดกู่ และอุทิศตนเองให้กับการทำงานรับใช้ประชาชน ชนิดที่ว่าบอกได้เลยว่า มีแต่โจรเท่านั้นแหละที่ไม่ชอบท่านรองฯชุมแพ
แต่ว่า ในความเป็นจริงแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเสียใจกับการจากไปของท่านรองฯชุมแพ เพราะว่าในหลายๆ นัยยะ การเข้ามาของท่านรองฯชุมแพก็ทำให้ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทำงานหนักมากๆ คนไหนที่ไม่สามารถทำตัวให้อยู่ในกรอบอันควรได้ ท่านรองฯชุมแพแกก็สั่งย้ายออกไปนักต่อนักแล้ว นอกจากนี้ ในมุมมองของประชาชนการสร้างอนุสรณ์สถานให้ท่านรองฯชุมแพเพื่อรำลึกถึงความดีในช่วงที่แกยังมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องเหมาะสมที่สุดแล้ว แต่เมื่อมองลงไปลึกๆ ในทางกลับการ การสร้างอนุสรณ์สถานให้ตำรวจคนใดคนหนึ่งแล้วบอกว่า
"คนนี้น่ะดี" ก็เท่ากับเป็นการบอกนัยๆ ว่า "ไม่มีตำรวจคนไหนดี" ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเรื่องจริง แต่การไปสร้างอนุสรณ์สถานแล้วไปตั้งที่โรงพักเท่ากับว่าเป็นการหักหน้าตำรวจทุกคน โดยเฉพาะตำรวจระดับที่สูงกว่าชัดๆ และลืมไปได้เลยเรื่องที่จะหวังให้ตำรวจที่ยศสูงกว่า มาทำความเคารพรูปสลักของตำรวจชั้นผู้น้อย
ด้วยเหตุที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อป้องกันแรงแอนตี้จากภาคราชการ และตำรวจ กลุ่มแกนนำที่ได้รับการเลือกจึงได้หารือกันเป็นการภายใน เพื่อปรับอนุสรณ์สถานจากที่จะเป็นรูปท่านรองฯชุมแพเดี่ยวๆ เป็นรูปให้ลักษณะของกลุ่มเจ้าหน้าที่ โดยหน้าตาไม่ได้บ่งบอกถึงท่านรองฯชุมแพโดยตรง โดยให้รูปสลักอยู่ในลักษณะของแอ็คชั่นต่างๆ เช่น ถือธง ถือปืน ถือวิทยุ เป็นต้น แล้วตั้งชื่ออนุสาวรีย์ว่า "อนุสาวรีย์วีรบุรุษชุมแพ" โดยจะมีการแกะสลักชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สามจังหวัด เพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณความดีของตำรวจทุกคน
นับเป็นแนวคิดเพื่อประนีประนอมโดยแท้ แต่มันเป็นเรื่องยากจริงๆ ที่จะอธิบายให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจได้อย่างไร ถึงเหตุผลเบื้องหลังแบบนี้ เพราะโดยตัวของประชาชนทุกคนนั้น ต้องการอนุสาวรีย์ของท่านชุมแพโดยเฉพาะ คำพูดที่ได้จากผู้ร่วมประชาชนคนหนึ่งกล่าวว่า
"ไม่เคยเจอตำรวจอย่างท่านชุมแพ และชาตินี้คงไม่มีบุญได้เจออีกแล้ว" นี่คือความรู้สึกแบบสรุปรวมของชาวรือเสาะทั้งหมดเลยก็ว่าได้
การทำงานแบบประนีประนอมทั้งสองฝ่าย แบบวิน-วินพบกันครึ่งทางเป็นเรื่องยากจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าการจะเชิดชูคนดี จะยากเย็นขนาดนี้
นำมาฝากครับนี่คือ ภาพจากงานศพของท่ารองชุมแพฯ
สาบานเลยว่าไม่เคยไปงานศพตำรวจท่านไหนที่มีประชาชนมาเคารพศพเยอะขนาดนี้ นี่คือประชาชนชาวรือเสาะ ศรีสาคร รวมถึงบุคคลจากที่อื่นๆ ที่อยากมาร่ำลาท่านเป็นครั้งสุดท้าย นี่คือข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุดเลยว่าท่านเป็นตำรวจที่ดีแค่ไหน
ที่พำนักแห่งสุดท้าย
ท่านเหมาะสมกับเครื่องแบบที่สุดแล้ว
มวลชนจากหลายๆที่ทาง ต่างสถานะ ที่อุตส่าเดินทางมาเคารพ่านรองฯเป็นครั้งสุดท้าย
Photos by
https://www.facebook.com/tana.akaramas
ทำไมการจะเชิดชูคนดี-ท่านรองฯชุมแพ(ท่านจักรกฤษณ์ วงศ์พรหมเมศร์) ถึงยากเย็นเข็ญใจนัก
และ http://ppantip.com/topic/30279136 ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกันส่งต่อเรื่องราวของท่านรองฯชุมแพจนสร้างความแตกต่างได้+หนังสือที่ระลึกงานศพท่านรอง
(รูปสุดท้ายของท่านรองฯชุมแพก่อนเสียชีวิต 5 นาที)
หลังจากที่ผมและชาวบ้านชาวรือเสาะได้ร่วมแรงกันผลักดันแนวคิด เรื่องการสร้างอนุสรณ์สถานเพื่อรำลึกถึงการจากไปของท่านรองชุมแพหรือท่านจักรกฤษณ์ วงศ์พรหมเมศร์ เรื่องราวก็เหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี ประชาชนในพื้นที่อ.รือเสาะเอง รวมถึงอ.ศรีสาครที่ท่านรองฯเคยรับราชการอยู่ ต่างก็พร้อมใจกัน ผลักดันประเด็นดังกล่าวทั้ง ปากต่อปาก สื่อออนไลน์ จนไปถึงช่องข่าวชั้นนำ เรื่องราวมาถึงตอนนี้ ผมและชาวบบ้านต่างก็คิดว่า อะไรๆ มันจะราบรื่นอยู่แล้ว จนกระทั่งตอนนี้มาถึงขั้นตอนการคัดสรรบุคคลากรเพื่อมาเป็นแกนนำในการสร้างอนุสรณ์สถานแล้ว
ผมเองก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการทำงานดังกล่าวด้วย โดยเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ชาวบ้านจำนวนราว 40-50 คนได้มาชุมนุมกันเพื่อหารือกันเป็นครั้งแรกเรื่องสร้างอนุสรณสถานของท่านรองฯแพ
วาระแรกที่ได้ประชุมนั้น คือ เรื่องการจะสร้างหรือไม่ ซึ่งประเด็นก็ผ่านไปได้เลยทันที เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ชาวบ้านทุกคนเองเองก็ต้องการอยู่แล้ว
วาระที่สองนี่แหละที่เป็นปัญหา นั่นคือเรื่องที่ตั้งของอนุสรณ์สถานดังกล่าว
สรุปโดยย่นย่อ เสียงแตกออกเป็นสองเสียง คือ
1. อยากให้ตั้งภายในสวนสาธารณะ เพราะเป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับทั้งไทยพุทธ และอิสลาม เนื่องจากท่านรองฯเองก็เป็นที่เคารพของชาวบ้านผู้นับถือศาสนาอิสลามเช่นกัน แต่บางเสียงก็คัดค้ายด้วยเหตุผลว่า ช่วงหลังสวนสาธารณะ เป็นแหล่งของวับรุ่นเป็นหลัก คนทั่วๆไป เด็ก และผู้ใหญ่จะไม่ได้เข้าไปข้างใน แม้ว่าช่วงหลังการชุมนุมของพวกวัยรุ่นในลักษณะแก็งค์จะลดลงเพราะท่านรองฯชุมแพกวดขัน แต่ชาวบ้านทั่วไปก็ยังไม่อยากเข้าใกล้เท่าไหร่อยู่ดี
2. ตั้งที่สภ.อ.รือเสาะ เพื่อจะได้เป็นการรำลึกถึงตำรวจคนกล้า และจะได้เป็นแบบอย่างให้กับตำรวจรุ่นหลัง เพื่อจะได้เจริญรอยตามท่านรองฯชุมแพ ซึ่งเป็นตำรวจทที่ทำงานอุทิศตนเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ไม่มีการรังแกประชาชน และไม่ยอมให้ลูกน้องรังแกประชาชนด้วย บางส่วนก็ได้คัดค้านว่า การตั้งที่โรงพักนั้นจำเป็นต้องดำเนินการหลายส่วนเพื่อขออนุญาตไม่ใช่ว่าจะตั้งก็ตั้งได้ อีกอย่าง โรงพักเองก็ไม่ใช่ที่ประชาชนส่วนใหญ่จะเข้าไปเพื่อเคารพอนุสรฯสถานได้
แต่มีเรื่องหนึ่งที่กลุ่มแกนหลักไม่ได้บอกกับชาวบ้านไปวันนั้นคือ การตั้งอนุสรณ์สถานที่โรงพักนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย
ความจริงคือ ท่านรองฯชุมแพเป็นที่รัก เป็นบุคคลที่ประชาชนรักและหวงแหน เพราะท่านเป็นตำรวจตงฉินแบบสุดกู่ และอุทิศตนเองให้กับการทำงานรับใช้ประชาชน ชนิดที่ว่าบอกได้เลยว่า มีแต่โจรเท่านั้นแหละที่ไม่ชอบท่านรองฯชุมแพ
แต่ว่า ในความเป็นจริงแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเสียใจกับการจากไปของท่านรองฯชุมแพ เพราะว่าในหลายๆ นัยยะ การเข้ามาของท่านรองฯชุมแพก็ทำให้ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทำงานหนักมากๆ คนไหนที่ไม่สามารถทำตัวให้อยู่ในกรอบอันควรได้ ท่านรองฯชุมแพแกก็สั่งย้ายออกไปนักต่อนักแล้ว นอกจากนี้ ในมุมมองของประชาชนการสร้างอนุสรณ์สถานให้ท่านรองฯชุมแพเพื่อรำลึกถึงความดีในช่วงที่แกยังมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องเหมาะสมที่สุดแล้ว แต่เมื่อมองลงไปลึกๆ ในทางกลับการ การสร้างอนุสรณ์สถานให้ตำรวจคนใดคนหนึ่งแล้วบอกว่า "คนนี้น่ะดี" ก็เท่ากับเป็นการบอกนัยๆ ว่า "ไม่มีตำรวจคนไหนดี" ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเรื่องจริง แต่การไปสร้างอนุสรณ์สถานแล้วไปตั้งที่โรงพักเท่ากับว่าเป็นการหักหน้าตำรวจทุกคน โดยเฉพาะตำรวจระดับที่สูงกว่าชัดๆ และลืมไปได้เลยเรื่องที่จะหวังให้ตำรวจที่ยศสูงกว่า มาทำความเคารพรูปสลักของตำรวจชั้นผู้น้อย
ด้วยเหตุที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อป้องกันแรงแอนตี้จากภาคราชการ และตำรวจ กลุ่มแกนนำที่ได้รับการเลือกจึงได้หารือกันเป็นการภายใน เพื่อปรับอนุสรณ์สถานจากที่จะเป็นรูปท่านรองฯชุมแพเดี่ยวๆ เป็นรูปให้ลักษณะของกลุ่มเจ้าหน้าที่ โดยหน้าตาไม่ได้บ่งบอกถึงท่านรองฯชุมแพโดยตรง โดยให้รูปสลักอยู่ในลักษณะของแอ็คชั่นต่างๆ เช่น ถือธง ถือปืน ถือวิทยุ เป็นต้น แล้วตั้งชื่ออนุสาวรีย์ว่า "อนุสาวรีย์วีรบุรุษชุมแพ" โดยจะมีการแกะสลักชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สามจังหวัด เพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณความดีของตำรวจทุกคน
นับเป็นแนวคิดเพื่อประนีประนอมโดยแท้ แต่มันเป็นเรื่องยากจริงๆ ที่จะอธิบายให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจได้อย่างไร ถึงเหตุผลเบื้องหลังแบบนี้ เพราะโดยตัวของประชาชนทุกคนนั้น ต้องการอนุสาวรีย์ของท่านชุมแพโดยเฉพาะ คำพูดที่ได้จากผู้ร่วมประชาชนคนหนึ่งกล่าวว่า
"ไม่เคยเจอตำรวจอย่างท่านชุมแพ และชาตินี้คงไม่มีบุญได้เจออีกแล้ว" นี่คือความรู้สึกแบบสรุปรวมของชาวรือเสาะทั้งหมดเลยก็ว่าได้
การทำงานแบบประนีประนอมทั้งสองฝ่าย แบบวิน-วินพบกันครึ่งทางเป็นเรื่องยากจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าการจะเชิดชูคนดี จะยากเย็นขนาดนี้
นำมาฝากครับนี่คือ ภาพจากงานศพของท่ารองชุมแพฯ
สาบานเลยว่าไม่เคยไปงานศพตำรวจท่านไหนที่มีประชาชนมาเคารพศพเยอะขนาดนี้ นี่คือประชาชนชาวรือเสาะ ศรีสาคร รวมถึงบุคคลจากที่อื่นๆ ที่อยากมาร่ำลาท่านเป็นครั้งสุดท้าย นี่คือข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุดเลยว่าท่านเป็นตำรวจที่ดีแค่ไหน
ที่พำนักแห่งสุดท้าย
ท่านเหมาะสมกับเครื่องแบบที่สุดแล้ว
มวลชนจากหลายๆที่ทาง ต่างสถานะ ที่อุตส่าเดินทางมาเคารพ่านรองฯเป็นครั้งสุดท้าย
Photos by https://www.facebook.com/tana.akaramas