หลายๆคนอาจจะคิดว่ากระแสเคร่งศาสนาสุดโต่งมีเฉพาะในหมู่ชาวมุสลิมหรือชาวคริสต์ แต่ล่าสุดในศรีลังกา กลับกำลังมีกระแส "พุทธสุดโต่ง" ที่รุนแรง และเป็นที่หวั่นเกรงว่าจะบานปลายจนกลายเป็นการสร้างความแตกแยกรอบใหม่ระหว่างคนต่างศาสนาในศรีลังกา
4 ปีที่แล้ว สงครามกลางเมืองในศรีลังการะหว่างฝ่ายกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลม ตัวแทนของชาวทมิฬผู้นับถือศาสนาฮินดู กับรัฐบาลพุทธเชื้อสายสิงหลซึ่งเป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่ในประเทศ ซึ่งดำเนินมาอย่างต่อเนื่องและนองเลือดนานหลายสิบปี ได้ยุติลงด้วยชัยชนะของฝ่ายรัฐบาลเหนือกองกำลังพยัคฆ์ทมิฬ ก็ดูเหมือนว่าความแตกแยกระหว่างศาสนาและเชื้อชาติในศรีลังกาจะจบลงได้ด้วยดี
แต่ในระยะไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ความสงบสุขที่ว่านี้ก็กลับมีทีท่าว่าจะยุติลงอีกครั้ง เมื่อเกิดการปลุกปั่นกระแสเคร่งศาสนาสุดโต่งขึ้นมาในหมู่ชาวพุทธในศรีลังกา จนเกิดเป็นขบวนการเคลื่อนไหวโจมตีศาสนาอื่นๆ เช่นเรียกร้องให้ครูสอนศาสนาชาวคริสต์และมุสลิมออกนอกประเทศ หรือแม้แต่ให้รัฐบาลยกเลิกระบบอาหารฮาลาล ซึ่งเป็นข้อบังคับทางศาสนาของชาวมุสลิม
การโจมตีไม่ได้เกิดขึ้นเพียงทางวาจาเท่านั้น แต่ยังบานปลายไปถึงขั้นการบุกเผาทำลายศาสนสถานคริสต์และอิสลาม รวมถึงอาคารร้านค้าของชนกลุ่มน้อยต่างศาสนา หรือแม้แต่โรงฆ่าสัตว์ที่ผลิตเนื้อตามกรรมวิธีฮาลาล นอกจากนี้ยังมีการรณรงค์ให้ชาวพุทธสิงหลคว่ำบาตรชาวมุสลิม โดยการไม่คบค้าสมาคม รวมถึงไม่ซื้อขายสินค้ากับชาวมุสลิม
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือ ผู้ที่เป็นแกนกลางในการปลุกเร้าความเกลียชังระหว่างศาสนาในครั้งนี้ก็คือพระสงฆ์ ซึ่งเป็นผู้มีสถานะสูงส่งในศรีลังกา ไม่ต่างจากสถานะของพระสงฆ์ในประเทศไทย โดยบรรดาพระชั้นผู้ใหญ่จำนวนมาก ต่างใช้วาทกรรมที่ว่าศาสนาอิสลาม เป็นภัยคุกคามต่อการคงอยู่ของศาสนาพุทธในศรีลังกา พร้อมทั้งยกตัวอย่างกรณีของอัฟกานิสถาน ปากีสถาน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ที่ล่วนเป็นประเทศพุทธมาก่อน แต่โดนอิสลาม "กลืนชาติ" ให้กลายเป็นชาติมุสลิมในปัจจุบัน
นักวิเคราะห์มองว่า ปรากฏการณ์พุทธสุดโต่งในศรีลังกา เป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ที่สืบเนื่องมากจากการสนับสนุนลัทธิชาตินิยม หลังจากชาวสิงหลได้ชัยชนะเหนือชาวทมิฬเมื่อ 4 ปีที่แล้ว การปราบปรามทมิฬทำให้ชาวพุทธในประเทศรู้สึกว่าตนเองเป็นศูนย์กลางของชาติอย่างเต็มตัว กลายเป็นความชาตินิยมที่นำไปสู่การกดขี่คนกลุ่มน้อยต่างศาสนา
และที่สำคัญ รัฐบาลของนายมหินทา ราชาปักษา ประธานาธิบดีศรีลังกา ก็สนับสนุนลัทธิชาตินิยมอย่างจริงจัง เนื่องจากต้องการเสียงสนับสนุนจากชาวสิงหล ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ด้วยเหตุนี้ กระแสพุทธสุดโต่งในศรีลังกาจึงไม่มีทีท่าว่าจะบรรเทาเบาบางลง จนหลายฝ่ายกังวลว่าปัญหานี้อาจทำให้ความแตกแยกระหว่างประชาชนร้าวลึกจนกลายเป็นสงครามกลางเมืองขึ้นมาได้อีก
http://news.voicetv.co.th/global/66211.html
จับกระแส 'พุทธสุดโต่ง' ในศรีลังกา
4 ปีที่แล้ว สงครามกลางเมืองในศรีลังการะหว่างฝ่ายกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลม ตัวแทนของชาวทมิฬผู้นับถือศาสนาฮินดู กับรัฐบาลพุทธเชื้อสายสิงหลซึ่งเป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่ในประเทศ ซึ่งดำเนินมาอย่างต่อเนื่องและนองเลือดนานหลายสิบปี ได้ยุติลงด้วยชัยชนะของฝ่ายรัฐบาลเหนือกองกำลังพยัคฆ์ทมิฬ ก็ดูเหมือนว่าความแตกแยกระหว่างศาสนาและเชื้อชาติในศรีลังกาจะจบลงได้ด้วยดี
แต่ในระยะไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ความสงบสุขที่ว่านี้ก็กลับมีทีท่าว่าจะยุติลงอีกครั้ง เมื่อเกิดการปลุกปั่นกระแสเคร่งศาสนาสุดโต่งขึ้นมาในหมู่ชาวพุทธในศรีลังกา จนเกิดเป็นขบวนการเคลื่อนไหวโจมตีศาสนาอื่นๆ เช่นเรียกร้องให้ครูสอนศาสนาชาวคริสต์และมุสลิมออกนอกประเทศ หรือแม้แต่ให้รัฐบาลยกเลิกระบบอาหารฮาลาล ซึ่งเป็นข้อบังคับทางศาสนาของชาวมุสลิม
การโจมตีไม่ได้เกิดขึ้นเพียงทางวาจาเท่านั้น แต่ยังบานปลายไปถึงขั้นการบุกเผาทำลายศาสนสถานคริสต์และอิสลาม รวมถึงอาคารร้านค้าของชนกลุ่มน้อยต่างศาสนา หรือแม้แต่โรงฆ่าสัตว์ที่ผลิตเนื้อตามกรรมวิธีฮาลาล นอกจากนี้ยังมีการรณรงค์ให้ชาวพุทธสิงหลคว่ำบาตรชาวมุสลิม โดยการไม่คบค้าสมาคม รวมถึงไม่ซื้อขายสินค้ากับชาวมุสลิม
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือ ผู้ที่เป็นแกนกลางในการปลุกเร้าความเกลียชังระหว่างศาสนาในครั้งนี้ก็คือพระสงฆ์ ซึ่งเป็นผู้มีสถานะสูงส่งในศรีลังกา ไม่ต่างจากสถานะของพระสงฆ์ในประเทศไทย โดยบรรดาพระชั้นผู้ใหญ่จำนวนมาก ต่างใช้วาทกรรมที่ว่าศาสนาอิสลาม เป็นภัยคุกคามต่อการคงอยู่ของศาสนาพุทธในศรีลังกา พร้อมทั้งยกตัวอย่างกรณีของอัฟกานิสถาน ปากีสถาน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ที่ล่วนเป็นประเทศพุทธมาก่อน แต่โดนอิสลาม "กลืนชาติ" ให้กลายเป็นชาติมุสลิมในปัจจุบัน
นักวิเคราะห์มองว่า ปรากฏการณ์พุทธสุดโต่งในศรีลังกา เป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ที่สืบเนื่องมากจากการสนับสนุนลัทธิชาตินิยม หลังจากชาวสิงหลได้ชัยชนะเหนือชาวทมิฬเมื่อ 4 ปีที่แล้ว การปราบปรามทมิฬทำให้ชาวพุทธในประเทศรู้สึกว่าตนเองเป็นศูนย์กลางของชาติอย่างเต็มตัว กลายเป็นความชาตินิยมที่นำไปสู่การกดขี่คนกลุ่มน้อยต่างศาสนา
และที่สำคัญ รัฐบาลของนายมหินทา ราชาปักษา ประธานาธิบดีศรีลังกา ก็สนับสนุนลัทธิชาตินิยมอย่างจริงจัง เนื่องจากต้องการเสียงสนับสนุนจากชาวสิงหล ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ด้วยเหตุนี้ กระแสพุทธสุดโต่งในศรีลังกาจึงไม่มีทีท่าว่าจะบรรเทาเบาบางลง จนหลายฝ่ายกังวลว่าปัญหานี้อาจทำให้ความแตกแยกระหว่างประชาชนร้าวลึกจนกลายเป็นสงครามกลางเมืองขึ้นมาได้อีก
http://news.voicetv.co.th/global/66211.html