ผมได้มีโอกาสสัมภาษณ์ พี่เรียว กิตติกร เลียวศิริกุล ผู้กำกับหนัง คู่กรรม 2013 ของทางค่าย m๓๙ ในมุมมองหลายๆด้านครับ
จึงขอนำบทสัมภาษณ์ที่จะลงในนิตยสาร มาแอบให้ชาวพันทิบได้อ่านกันครับ แบ่งเป็น 3 ส่วนนะครับ
1. วงการหนังไทย
2. คู่กรรม
3. ผลงานอื่นๆ
ป.ล. มีการเปิดเผยข้อมูลหนังเรื่องใหม่ของพี่เรียวถัดจากคู่กรรมด้วยนะครับ
วงการหนังไทย
ภาพรวมของวงการหนังไทยในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับในสมัยก่อน
- มันขึ้นแล้วมันก็ลง ตอนที่ผมทำหนังเรื่องแรก หนังไทยเปลี่ยนมือมาอยู่ในมือของผู้ลงทุนหน้าใหม่คือ Grammy กับ RS แล้วก็บูมขึ้นมาสักพักหนึ่ง แล้วก็ตกลงไปสุดๆ ในช่วงที่ผมทำ Goal Club เป็นช่วงที่หนังไทยเหลือ 6-8 เรื่องต่อปี แล้วก็กลับดีขึ้นมาอีกในยุคองค์บาก นเรศวร สุริโยทัย ในหนังสายประกวด ฟ้าทะลายโจร ก็ได้ไปเมืองคานส์
แล้วในปัจจุบันจากปีที่แล้วถึงปีนี้ล่ะครับ
- ผมว่ามันกำลังคาบเกี่ยว ปีที่แล้วเรามีหนัง 40 เรื่อง ปีนี้หลังจากที่คุยกับทุกๆค่ายน่าจะมีประมาณ 30 เรื่อง แต่เป็นหนังใหญ่ค่อนข้างเยอะ ตั้งแต่ นเรศวร 5 ต้มยำกุ้ง2 3D ปริมาณน้อยลงแต่หนังใหญ่มากขึ้น ผู้ผลิตรายใหญ่กำลังลองดูตลาดกัน แต่ผู้ผลิตหนังหน้าใหม่คงหมดแรง ดำเนินธุรกิจต่อไปไม่ไหว คงชะลอตัวกัน
หมายถึงรายเล็กหายไป รายใหญ่เพิ่มขนาด Production หนังมากขึ้น
- แนวโน้มนะครับ แต่น่าจะเป็นการทดลองตัวเลขกันมากกว่า อย่างเช่นของทางเสี่ย (เสี่ยเจียง สหมงคลฟิล์ม) ผลิตหนังในลักษณะและปริมาณแบบนี้อยู่แล้ว ส่วนทาง m๓๙ ขยับเพิ่มขึ้น พระนครฟิล์มปีที่แล้วหยุด ปีนี้กลับมา ผมว่าปีนี้เป็นปีแห่งการลองเชิง ภาพชัดเจนหน้าจะเป็นปีหน้ามากกว่า
ราคาตั๋วหนังที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีผลต่อการตัดสินใจเลือกดูหนังไทยหรือไม่
- เป็นส่วนที่ทำให้หนังไทยมีการขยายขนาด Production ขึ้น ผมเข้าใจนะ ต้นทุนเค้าสูงขึ้น บ้านเราไม่ได้แบ่งเรตราคา เป็นแบบ Flat Rate แล้วแต่คนทำโปรโมชั่น ในต่างประเทศหนังที่ฉายในสัปดาห์ที่ 4-5 ราคาจะถูกลง หรือราคาหนังรอบเช้าจะถูกกว่ารอบกลางคืน ผมมองว่าปริมาณผู้ชมต่อเรื่องต่อโรงน้อยลง แต่ปริมาณผู้ชมโดยรวมมากขึ้น เพราะมีโรงหนังใหม่เพิ่มขึ้น ทางเลือกของผู้ชมมากขึ้น
หรือเกิดจากการที่ผู้ชมไปหาชมจากวิธีอื่น
- ผมว่าแผ่นกำลังแย่ แผ่นทำให้คนไปดูหนังในโรงหนังน้อยลง แต่การหาซื้อง่าย ทำให้คนเสพเยอะๆ ก็เบื่อ เดี๋ยวนี้แผ่นผีทำได้ง่ายเพราะต้นฉบับเป็นดิจิตอล ทำ 3 รอบ ซูมมาก่อน มาสเตอร์ไม่มีภาษาไทยตามมา แล้วค่อยมีมาสเตอร์ภาษาไทย โดยรวมทำให้คนดูหนังมากขึ้น คาแรกเตอร์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไป โรงหนังก็ต้องปรับเปลี่ยนโปรโมชั่น ต่อไปหนังที่คุณภาพสูง จะได้ฉายในโรงนานขึ้น ผมว่าชั่วโมงนี้ยังตัดสินไม่ได้ แต่ทำอย่างไรได้อย่างนั้น ถ้าทำหนังดีขึ้นเรื่อยๆ ก็จะมีตลาดเพิ่มขึ้นเอง
แล้วในเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์ มีผลมากหรือน้อย
- เป็นธรรมชาติ มีอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะปรับตัวกับมันยังไง ไม่ได้ส่งเสริมให้มีผีนะ แต่ประเทศนี้ เป็นแบบนี้ ผมยอมรับมัน จะบอกว่าให้ไม่เกิดมีแผ่นผีเลย มันก็ได้นะ ต้องมีระบบป้องกันหรือปราบปราม แต่ผมว่าคำว่าลิขสิทธิ์มันซับซ้อน ผมเชื่อว่าในอนาคตจะมีรูปแบบการค้าขายที่เปลี่ยนไปด้วยระบบการดูทาง Internet แต่คนใน Gen X แบบผมยังดูหนังในโรง แต่ Gen Z ใช้แต่ Internet แต่ดูหนังทาง Internet ผมว่าไม่มันเท่าดูในโรง ผมว่าคนตั้งแต่ Gen X อีกมากที่ยังต้องการไปโรงหนังอยู่ น่าอีก 4-5 ปี ถึงจะเห็นผลกระทบ ผมไม่กลัวแผ่นผีหรือ Internet แต่ผมกลัวคนไม่ดูหนัง เหมือนสมัยหนึ่งคนเสพละครเวที แล้วก็เบื่อละครเวที แล้วก็กลับมาเสพใหม่ หรือมียุคหนึ่งมีคนไปดูคอนเสิร์ตกันทุกสัปดาห์ แล้วอีกยุคก็ไม่มีคนไปดูคอนเสิร์ต ตอนนี้กลับมาดูอีกแล้ว ส่วนหนังถึงแม้จะมีคนดูหนังด้วยแผ่นผี Internet แต่ถ้าหนังไม่ทำให้ตื่นตาตื่นใจ จะแย่กว่า ผมยังรู้สึกดีกว่าถ้าทำหนังแล้วมีคนรีบแย่งกันโหลดไปดู แต่ถ้าทำหนังแล้วไม่มีคนดู ไม่ว่าจะช่องทางไหนนี่จบเลย มีคนดูไม่ว่าจะช่องทางไหนยังดีกว่า เดี๋ยวค่อยไปหาช่องทางค้าขายกัน
แล้วระบบ 3 มิติ มีผลกระทบต่อหนังไทยอย่างไร
- 3มิติ มีตั้งแต่ผมยังเด็ก มาแล้วหายไป แล้วก็กลับมาใหม่ จริงๆเป็นสงคราม Format ชั่วคราว เพราะถ้าคุณเป็นหนัง 3 มิติ จะได้ฉายอย่างน้อย 4 โรง คือ 3D 2D Digital ฟิล์ม และภาคไทย ใน 1 Multiplex จะได้ 4 โรง ชิงพื้นที่การฉายได้เยอะ และโรงหนังที่ลงทุน 3D ไปแล้ว ก็ต้องการ source 3D ด้วย แต่ไม่ใช่ว่าหนังทุกเรื่องทุกแนว จะทำ 3D ได้ ดังนั้นคงตัดสินกันใน 4-5 ปีนี้ ว่าจะได้รับความนิยมมากน้อยแค่ไหน
พี่เรียวมีแผนจะทำหนัง 3D หรือไม่
- ผมไม่มีตัวเรื่องที่เป็น 3D แค่การทำหนังตามฝรั่งให้ทันก็เหนื่อยอยู่แล้ว จะจริงๆจะให้ไปทำ 3D ก็ทำได้นะ ต้องหัดใหม่ แต่อย่างพี่ปรัช (ปรัชญา ปิ่นแก้ว) เค้ามีประสบการณ์อยู่แล้ว
เห็นทางไฟว์สตาร์ เริ่มทำ 3D หลายเรื่องเหมือนกัน
- เค้ามีตลาดต่างประเทศ เพราะมีโรงหนังที่ทำเป็น 3D แล้วต้องการ source ไปฉาย ซึ่งทางเอเชียมีหนังผี 3D เยอะ ก็มาซื้อไปฉาย หนังฝรั่งปกติถ้าเป็น 3D จะเป็นหนังใหญ่ ส่วนทางเอเชียมีหนังผี 3D ที่น่าซื้อไปฉาย ปัญหาปัจจุบันน่าเป็นที่คนทำงานไม่พอ เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วมาก
ระบบการถ่ายทำและการฉายด้วยดิจิตอล มีผลกระทำอย่างไรกับการทำหนังของพี่เรียว
- การถ่ายทำไม่มีผล ทำให้ทำงานง่ายขึ้นด้วย แต่ในแง่การทำ Post Production การปรับตัวของคนทำงานไม่ง่าย เช่น ตัดต่อหนังด้วยฟิล์มมา 30 ปี จู่ๆเปลี่ยนเป็นดิจิตอล หลายคนเลิกทำไปเลยก็มี มีคนใหม่ๆ คนยุคใหม่เข้ามาทำแทน แต่ทักษะและความรู้เรื่องหนังก็ไม่เท่าคนยุคก่อน ผมก็ต้องปรับตัว ยุคหนึ่งต้องเปลี่ยนมาเขียนบทด้วยคอมพิวเตอร์ แรกๆ ผมก็ต้องให้ลูกเปิดคอมให้ แต่เดี๋ยวนี้ก็เปิดเองเป็นแล้ว
ระบบการฉายด้วยฟิล์มกับฉายด้วยดิจิตอล มีผลอย่างไร
- ดิจิตอลสะดวกกว่า แต่ระบบฉายยังต้องมี 2 ระบบไปพร้อมๆกัน ทั้งฟิล์มและดิจิตอล ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ทุกคนยอมรับได้ แต่ประเทศไทยไม่เคยมีนโยบายระยะยาว
ทางกลุ่มเมเจอร์เคยบอกว่ามีแผนจะเปลี่ยนระบบฉายเป็นดิจิตอลทั้งหมดใน 2-3 ปี แต่ต่างจังหวัดน่าจะยังใช้ฟิล์ม
- โรงหนังตามต่างจังหวัดฉายหนังมา 20-30 ปี ถ้าจะเปลี่ยนทั้งหมด จะเอาเงินที่ไหนลงทุน โรงหนังเหล่านี้ฉายเรื่องละ 1 สัปดาห์ โดนบังคับเหมาซื้อเกือบทุกเรื่อง หนังฝรั่งฉาย 7 ได้ 1 หนังไทยอาจจะ 4-5 ได้ 1 คนที่ซื้อไปฉายก็มีอยู่ 4-5 เจ้าเท่านั้นเอง จะให้เปลี่ยนทันทีคงไม่ได้
รางวัลหนังไทยมีมากมาย พี่เรียวมองว่ามีผลอย่างไร
- ไม่ต้องหนังไทย หนังฝรั่งก็มีเยอะ เรื่องไหนมีช่อมะกอก (รางวัล) ไม่เคยได้เงินเลย มันไม่เกี่ยวกับเยอะหรือน้อย หนังทุกคนก็ดี หนังไทยของทุกคนก็ดี ไม่มีขี้เหล่ คุณภาพดีขึ้น เมื่อก่อนหนังที่ฉายตามโรงชั้นหนึ่งกับชั้น 2 ต่างกัน แต่เดี๋ยวนี้ก็เท่าๆกันแล้ว กล้องมันดีขึ้น ใช้ 5D ถ่ายก็ดีมากแล้ว สิ่งที่ต่างกันคือคนหลังกล้องมากกว่า ส่วนเรื่องรางวัล ในประเทศไทยมี 4-5 รางวัล เมืองนอกมีเป็น 10 รางวัล
มีคนพูดว่าหนังไทยที่จะประสบความสำเร็จมีแค่ 3 แนวคือ ผี ตลก รัก พี่เรียวมองอย่างไร
- ชั่วโมงนี้ใช่ ชั่วโมงหน้าไม่รู้ มันเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่แค่ประเทศไทย ในโลกนี้ก็มีแค่นี้ แค่เพิ่มแอ็กชั่นเข้ามาอีกแนว หนังแนวอื่นๆก็มีพื้นฐานจาก 4 แนวนี้
โอกาสหนังไทยในการส่งออกไปต่างประเทศ ได้รับการยอมรับมากขึ้นหรือไม่
- มีการส่งออกอยู่แล้ว มีขึ้นลงเป็นธรรมชาติ ถ้าต่างชาติซื้อไปแล้วไม่มีคนดู เค้าก็จะเลิกซื้อหนังเรา เหมือนที่หนังจีนในประเทศไทยตอนนี้ ไม่ได้เงิน ส่วนหนังเกาหลีที่ช่วงแรกให้ฟรี ช่วงถัดมาก็ต้องซื้อกันเป็นแสนๆเหรียญ สิ่งที่สำคัญคือต้องทำให้ดี มีคนอยากดู แล้วจะขายได้เอง
(อ่านต่อความเห็นถัดไปครับ)
[บทสัมภาษณ์] จิบกาแฟแลหนังไทย - สัมภาษณ์ คุณเรียว กิตติกร เลียวศิริกุล ผู้กำกับหนัง คู่กรรม 2013
จึงขอนำบทสัมภาษณ์ที่จะลงในนิตยสาร มาแอบให้ชาวพันทิบได้อ่านกันครับ แบ่งเป็น 3 ส่วนนะครับ
1. วงการหนังไทย
2. คู่กรรม
3. ผลงานอื่นๆ
ป.ล. มีการเปิดเผยข้อมูลหนังเรื่องใหม่ของพี่เรียวถัดจากคู่กรรมด้วยนะครับ
วงการหนังไทย
ภาพรวมของวงการหนังไทยในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับในสมัยก่อน
- มันขึ้นแล้วมันก็ลง ตอนที่ผมทำหนังเรื่องแรก หนังไทยเปลี่ยนมือมาอยู่ในมือของผู้ลงทุนหน้าใหม่คือ Grammy กับ RS แล้วก็บูมขึ้นมาสักพักหนึ่ง แล้วก็ตกลงไปสุดๆ ในช่วงที่ผมทำ Goal Club เป็นช่วงที่หนังไทยเหลือ 6-8 เรื่องต่อปี แล้วก็กลับดีขึ้นมาอีกในยุคองค์บาก นเรศวร สุริโยทัย ในหนังสายประกวด ฟ้าทะลายโจร ก็ได้ไปเมืองคานส์
แล้วในปัจจุบันจากปีที่แล้วถึงปีนี้ล่ะครับ
- ผมว่ามันกำลังคาบเกี่ยว ปีที่แล้วเรามีหนัง 40 เรื่อง ปีนี้หลังจากที่คุยกับทุกๆค่ายน่าจะมีประมาณ 30 เรื่อง แต่เป็นหนังใหญ่ค่อนข้างเยอะ ตั้งแต่ นเรศวร 5 ต้มยำกุ้ง2 3D ปริมาณน้อยลงแต่หนังใหญ่มากขึ้น ผู้ผลิตรายใหญ่กำลังลองดูตลาดกัน แต่ผู้ผลิตหนังหน้าใหม่คงหมดแรง ดำเนินธุรกิจต่อไปไม่ไหว คงชะลอตัวกัน
หมายถึงรายเล็กหายไป รายใหญ่เพิ่มขนาด Production หนังมากขึ้น
- แนวโน้มนะครับ แต่น่าจะเป็นการทดลองตัวเลขกันมากกว่า อย่างเช่นของทางเสี่ย (เสี่ยเจียง สหมงคลฟิล์ม) ผลิตหนังในลักษณะและปริมาณแบบนี้อยู่แล้ว ส่วนทาง m๓๙ ขยับเพิ่มขึ้น พระนครฟิล์มปีที่แล้วหยุด ปีนี้กลับมา ผมว่าปีนี้เป็นปีแห่งการลองเชิง ภาพชัดเจนหน้าจะเป็นปีหน้ามากกว่า
ราคาตั๋วหนังที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีผลต่อการตัดสินใจเลือกดูหนังไทยหรือไม่
- เป็นส่วนที่ทำให้หนังไทยมีการขยายขนาด Production ขึ้น ผมเข้าใจนะ ต้นทุนเค้าสูงขึ้น บ้านเราไม่ได้แบ่งเรตราคา เป็นแบบ Flat Rate แล้วแต่คนทำโปรโมชั่น ในต่างประเทศหนังที่ฉายในสัปดาห์ที่ 4-5 ราคาจะถูกลง หรือราคาหนังรอบเช้าจะถูกกว่ารอบกลางคืน ผมมองว่าปริมาณผู้ชมต่อเรื่องต่อโรงน้อยลง แต่ปริมาณผู้ชมโดยรวมมากขึ้น เพราะมีโรงหนังใหม่เพิ่มขึ้น ทางเลือกของผู้ชมมากขึ้น
หรือเกิดจากการที่ผู้ชมไปหาชมจากวิธีอื่น
- ผมว่าแผ่นกำลังแย่ แผ่นทำให้คนไปดูหนังในโรงหนังน้อยลง แต่การหาซื้อง่าย ทำให้คนเสพเยอะๆ ก็เบื่อ เดี๋ยวนี้แผ่นผีทำได้ง่ายเพราะต้นฉบับเป็นดิจิตอล ทำ 3 รอบ ซูมมาก่อน มาสเตอร์ไม่มีภาษาไทยตามมา แล้วค่อยมีมาสเตอร์ภาษาไทย โดยรวมทำให้คนดูหนังมากขึ้น คาแรกเตอร์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไป โรงหนังก็ต้องปรับเปลี่ยนโปรโมชั่น ต่อไปหนังที่คุณภาพสูง จะได้ฉายในโรงนานขึ้น ผมว่าชั่วโมงนี้ยังตัดสินไม่ได้ แต่ทำอย่างไรได้อย่างนั้น ถ้าทำหนังดีขึ้นเรื่อยๆ ก็จะมีตลาดเพิ่มขึ้นเอง
แล้วในเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์ มีผลมากหรือน้อย
- เป็นธรรมชาติ มีอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะปรับตัวกับมันยังไง ไม่ได้ส่งเสริมให้มีผีนะ แต่ประเทศนี้ เป็นแบบนี้ ผมยอมรับมัน จะบอกว่าให้ไม่เกิดมีแผ่นผีเลย มันก็ได้นะ ต้องมีระบบป้องกันหรือปราบปราม แต่ผมว่าคำว่าลิขสิทธิ์มันซับซ้อน ผมเชื่อว่าในอนาคตจะมีรูปแบบการค้าขายที่เปลี่ยนไปด้วยระบบการดูทาง Internet แต่คนใน Gen X แบบผมยังดูหนังในโรง แต่ Gen Z ใช้แต่ Internet แต่ดูหนังทาง Internet ผมว่าไม่มันเท่าดูในโรง ผมว่าคนตั้งแต่ Gen X อีกมากที่ยังต้องการไปโรงหนังอยู่ น่าอีก 4-5 ปี ถึงจะเห็นผลกระทบ ผมไม่กลัวแผ่นผีหรือ Internet แต่ผมกลัวคนไม่ดูหนัง เหมือนสมัยหนึ่งคนเสพละครเวที แล้วก็เบื่อละครเวที แล้วก็กลับมาเสพใหม่ หรือมียุคหนึ่งมีคนไปดูคอนเสิร์ตกันทุกสัปดาห์ แล้วอีกยุคก็ไม่มีคนไปดูคอนเสิร์ต ตอนนี้กลับมาดูอีกแล้ว ส่วนหนังถึงแม้จะมีคนดูหนังด้วยแผ่นผี Internet แต่ถ้าหนังไม่ทำให้ตื่นตาตื่นใจ จะแย่กว่า ผมยังรู้สึกดีกว่าถ้าทำหนังแล้วมีคนรีบแย่งกันโหลดไปดู แต่ถ้าทำหนังแล้วไม่มีคนดู ไม่ว่าจะช่องทางไหนนี่จบเลย มีคนดูไม่ว่าจะช่องทางไหนยังดีกว่า เดี๋ยวค่อยไปหาช่องทางค้าขายกัน
แล้วระบบ 3 มิติ มีผลกระทบต่อหนังไทยอย่างไร
- 3มิติ มีตั้งแต่ผมยังเด็ก มาแล้วหายไป แล้วก็กลับมาใหม่ จริงๆเป็นสงคราม Format ชั่วคราว เพราะถ้าคุณเป็นหนัง 3 มิติ จะได้ฉายอย่างน้อย 4 โรง คือ 3D 2D Digital ฟิล์ม และภาคไทย ใน 1 Multiplex จะได้ 4 โรง ชิงพื้นที่การฉายได้เยอะ และโรงหนังที่ลงทุน 3D ไปแล้ว ก็ต้องการ source 3D ด้วย แต่ไม่ใช่ว่าหนังทุกเรื่องทุกแนว จะทำ 3D ได้ ดังนั้นคงตัดสินกันใน 4-5 ปีนี้ ว่าจะได้รับความนิยมมากน้อยแค่ไหน
พี่เรียวมีแผนจะทำหนัง 3D หรือไม่
- ผมไม่มีตัวเรื่องที่เป็น 3D แค่การทำหนังตามฝรั่งให้ทันก็เหนื่อยอยู่แล้ว จะจริงๆจะให้ไปทำ 3D ก็ทำได้นะ ต้องหัดใหม่ แต่อย่างพี่ปรัช (ปรัชญา ปิ่นแก้ว) เค้ามีประสบการณ์อยู่แล้ว
เห็นทางไฟว์สตาร์ เริ่มทำ 3D หลายเรื่องเหมือนกัน
- เค้ามีตลาดต่างประเทศ เพราะมีโรงหนังที่ทำเป็น 3D แล้วต้องการ source ไปฉาย ซึ่งทางเอเชียมีหนังผี 3D เยอะ ก็มาซื้อไปฉาย หนังฝรั่งปกติถ้าเป็น 3D จะเป็นหนังใหญ่ ส่วนทางเอเชียมีหนังผี 3D ที่น่าซื้อไปฉาย ปัญหาปัจจุบันน่าเป็นที่คนทำงานไม่พอ เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วมาก
ระบบการถ่ายทำและการฉายด้วยดิจิตอล มีผลกระทำอย่างไรกับการทำหนังของพี่เรียว
- การถ่ายทำไม่มีผล ทำให้ทำงานง่ายขึ้นด้วย แต่ในแง่การทำ Post Production การปรับตัวของคนทำงานไม่ง่าย เช่น ตัดต่อหนังด้วยฟิล์มมา 30 ปี จู่ๆเปลี่ยนเป็นดิจิตอล หลายคนเลิกทำไปเลยก็มี มีคนใหม่ๆ คนยุคใหม่เข้ามาทำแทน แต่ทักษะและความรู้เรื่องหนังก็ไม่เท่าคนยุคก่อน ผมก็ต้องปรับตัว ยุคหนึ่งต้องเปลี่ยนมาเขียนบทด้วยคอมพิวเตอร์ แรกๆ ผมก็ต้องให้ลูกเปิดคอมให้ แต่เดี๋ยวนี้ก็เปิดเองเป็นแล้ว
ระบบการฉายด้วยฟิล์มกับฉายด้วยดิจิตอล มีผลอย่างไร
- ดิจิตอลสะดวกกว่า แต่ระบบฉายยังต้องมี 2 ระบบไปพร้อมๆกัน ทั้งฟิล์มและดิจิตอล ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ทุกคนยอมรับได้ แต่ประเทศไทยไม่เคยมีนโยบายระยะยาว
ทางกลุ่มเมเจอร์เคยบอกว่ามีแผนจะเปลี่ยนระบบฉายเป็นดิจิตอลทั้งหมดใน 2-3 ปี แต่ต่างจังหวัดน่าจะยังใช้ฟิล์ม
- โรงหนังตามต่างจังหวัดฉายหนังมา 20-30 ปี ถ้าจะเปลี่ยนทั้งหมด จะเอาเงินที่ไหนลงทุน โรงหนังเหล่านี้ฉายเรื่องละ 1 สัปดาห์ โดนบังคับเหมาซื้อเกือบทุกเรื่อง หนังฝรั่งฉาย 7 ได้ 1 หนังไทยอาจจะ 4-5 ได้ 1 คนที่ซื้อไปฉายก็มีอยู่ 4-5 เจ้าเท่านั้นเอง จะให้เปลี่ยนทันทีคงไม่ได้
รางวัลหนังไทยมีมากมาย พี่เรียวมองว่ามีผลอย่างไร
- ไม่ต้องหนังไทย หนังฝรั่งก็มีเยอะ เรื่องไหนมีช่อมะกอก (รางวัล) ไม่เคยได้เงินเลย มันไม่เกี่ยวกับเยอะหรือน้อย หนังทุกคนก็ดี หนังไทยของทุกคนก็ดี ไม่มีขี้เหล่ คุณภาพดีขึ้น เมื่อก่อนหนังที่ฉายตามโรงชั้นหนึ่งกับชั้น 2 ต่างกัน แต่เดี๋ยวนี้ก็เท่าๆกันแล้ว กล้องมันดีขึ้น ใช้ 5D ถ่ายก็ดีมากแล้ว สิ่งที่ต่างกันคือคนหลังกล้องมากกว่า ส่วนเรื่องรางวัล ในประเทศไทยมี 4-5 รางวัล เมืองนอกมีเป็น 10 รางวัล
มีคนพูดว่าหนังไทยที่จะประสบความสำเร็จมีแค่ 3 แนวคือ ผี ตลก รัก พี่เรียวมองอย่างไร
- ชั่วโมงนี้ใช่ ชั่วโมงหน้าไม่รู้ มันเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่แค่ประเทศไทย ในโลกนี้ก็มีแค่นี้ แค่เพิ่มแอ็กชั่นเข้ามาอีกแนว หนังแนวอื่นๆก็มีพื้นฐานจาก 4 แนวนี้
โอกาสหนังไทยในการส่งออกไปต่างประเทศ ได้รับการยอมรับมากขึ้นหรือไม่
- มีการส่งออกอยู่แล้ว มีขึ้นลงเป็นธรรมชาติ ถ้าต่างชาติซื้อไปแล้วไม่มีคนดู เค้าก็จะเลิกซื้อหนังเรา เหมือนที่หนังจีนในประเทศไทยตอนนี้ ไม่ได้เงิน ส่วนหนังเกาหลีที่ช่วงแรกให้ฟรี ช่วงถัดมาก็ต้องซื้อกันเป็นแสนๆเหรียญ สิ่งที่สำคัญคือต้องทำให้ดี มีคนอยากดู แล้วจะขายได้เอง
(อ่านต่อความเห็นถัดไปครับ)