ขอแชร์ด้วยค่ะ เผื่อเป็นประโยชน์กับผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน ดิฉันเป็นมาตั้งแต่กลางธ.ค.60 อาการจะมาหลังทานอาหารได้สัก  45 นาที-1 ชม.อาการจึงจะมา หลังทานเสร็จใหม่ๆยังไม่มีอาการ  โดยอาการคือแน่นๆจุกๆเสียดๆ ใต้คอหอยลงมาสัก 4-5 นิ้ว แน่นมาก บางครั้งคล้ายเจ็บหน้าอก หรือคล้ายหายใจไม่สะดวก ไม่มีโรคหัวใจใดๆค่ะ ช่วงแรกที่เป็นกรดก็หลั่งเยอะ  แสบท้องบ่อยๆ จนตอนนี้ ก.ย.61 แล้ว เริ่มจับทางได้บ้าง เมื่อรู้สึกไม่หายขาด(แต่ก็เบาลงกว่าเดิมมากกรดที่หลั่งเยอะ  แสบท้องบ่อยๆ หายไปเหลือแต่แน่นๆจุกๆเสียดๆ ใต้คอหอยแต่ก็เบาลงเยอะ ) เดิมก็ใช้หลักว่าทานอาหารย่อยง่าย เช่น ก๋วยเตี๋ยว ข้าวต้มปลา ราดหน้า แกงจืด ทานน้อยแต่บ่อยๆ  แต่อาการจุกแน่นยังคงอยู่ให้รำคาญ มาคิดดู กระเพาะเราคงยังไม่โอเคกับอาหารประเภทนี้ วันหนึ่งหักดิบไม่กินยาอะไรเลยเพราะกลัวเกิดผลเสียต่อระบบในร่างกาย ปรากฎว่ากินยากับไม่กินยาก็ไม่ต่างกันอาการก็ทรงๆ แต่ผ่านไปสัก 7 วัน อาการจะหนักขึ้น ต้องกลับมากินยาอีก พร้อมกับsearch หาข้อมูลอีก ไปเจอ keyword ว่า" วิธีรักษาภาวะกระเพาะอาหารบีบตัวช้าโดยไม่พึ่งยา วิกิฮาว" เลยลองปฏิบัติตามดูในประเด็น อาหารพูเร่ คือมีลักษณะข้นเนียน ที่นึกได้แล้วใกล้เคียงเลยทำเมนู 1.ต้มโจ๊กให้ละเอียด ใส่ผักซอยละเอียดๆ ขิงใช้ขิงอ่อนๆซอยเล็กๆ ใส่เนื้อปลาดอรี่สับเล็กๆ ตอกไข่หลายฟอง เรียกว่าคุณประโยชน์ครบ 2.ไข่ เน้นไข่ตุ๋น ( ไม่เอาไข่ดาว ไข่เจียว จะย่อยยาก) ซื้อน้ำซุปปลาแห้งของญี่ปุ่นมาเติม รสชาติเยี่ยม ทานแล้วไม่เลี่ยน ได้รสชาดเดียวกับของยาโยอิเลยค่ะ เพราะต้องทานแบบนี้ทุกวัน 3.นำ้ปั่นผักผลไม้ ได้แก่ ผักกาดหอม กวางตุ้ง คึ่นช่าย ปั่นรวมกับสัปปะรด แอปเปิ้ล ชิมดูค่ะ มักจะหวานพอดี หรือเติมนำ้ตาลเล็กน้อย 4. นมและโยเกิร์ต ปล.ข้อ1 และข้อ3 ทำเยอะๆแล้วแช่ตู้เย็นไว้ทานได้หลายๆวันค่ะ คราวนี้ข้อปฏิบัติคือ 1.ทานครั้งละนิด ช่วงแรกอาการหนักๆ ก็ทานประมาณเท่ากับถ้วยน้ำซุปตามร้านข้าวมันไก่ล่ะค่ะ อย่าเพิ่งเยอะกว่านี้เพราะถ้าสังเกตดูจะพบว่าระหว่างที่ทานจะยังไม่มีอาการ แต่หลังทานอาหารได้สัก 45 นาที -1 ชม.อาการจึงจะมา แล้วพยายามอย่าทานน้ำตามหลังทานอาหารทันที ต้องตระหนักว่า น้ำก็จะเข้าไปเพิ่มปริมาตรในกระเพาะเราด้วย ทำให้แรงดันในกระเพาะเพิ่มขึ้นอีก กรดก็จะไหลย้อนดันกลับขึ้นมาในหลอดอาหารได้ อาการก็จะมากขึ้น ถ้าอดไม่ไหวก็จิบๆเอาเล็กน้อย ผ่านไปสักเกือบชม.ค่อยมาทานน้ำตามในปริมาณที่พอเหมาะ 2.ไม่ว่าจะทานอะไรต้องคิดคำนวณน้ำที่ทานพร้อมกันด้วย เพราะน้ำจะเข้าไปเพิ่มปริมาตรในกระเพาะเราด้วย ทำให้แรงดันในกระเพาะเพิ่มขึ้นอีก อาการก็จะมากขึ้น 3.เคร่งครัดเรื่องปริมาตรและลักษณะเนื้ออาหาร พร้อมทั้งทานยาลดกรดเช่น โอมีพราโซล จนอาการค่อยยังชั่ว  แล้วค่อยเพิ่มปริมาณอาหารทีละนิด(ถ้ากินแค่นั้นแล้วอิ่ม อยู่ได้ ไม่หิวก็ไม่ต้องไปเพิ่มล่ะค่ะ) พร้อมคอยสังเกตว่ากระเพาะเราสามารถรับอาหารได้แค่ไหน ถึงจะไม่ทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนอีก อาจจะเริ่มทานอาหารชนิดอื่นได้บ้างแต่ให้ระวังพิจารณาเองนะคะ  4.แบ่งทานครั้งละนิด แต่ทานบ่อยๆ เช่น ทุก 2ชม. สุดที่ 6โมงเย็น หลังจากนี้ถ้าหิว ทานของเหลวเช่นนม นำ้ผลไม้ ลองซักครึ่งกล่องก่อน ดีสุด หรือผลไม้นิ่มๆเช่นมะละกอ แตงโม กล้วยสุกๆ  3-4 คำ พอให้มีอะไรลงท้อง ถ้าพออยู่ท้องก็หยุดค่ะ เพราะใกล้เวลานอนแล้วเค๊าให้เว้น 3ชม. ไม่ให้ทานอะไร 5.เนื่องจากทานยามา 9 เดือนแล้ว พอหยุดยาทันที อาการมักกลับมาใหม่   ถ้าอาการกลับมาอีกก็หันมาทานอาหารแบบเดิม โดยเฉพาะมื้อเย็นควรเป็นอาหารเหลวๆ แล้วเริ่มทานยาใหม่ พอดีขึ้นก็เลยลองค่อยๆลดยา แบบทานยา 2 วันเว้นไม่ทานยา 1วัน แล้วเขยิบเป็นทาน 1วันแล้วเว้น 1 วัน กะว่าถ้าไหวจะเขยิบเป็น ทาน 1 วัน เว้น 2 เว้น 3 เว้น 4 ......ไปเรื่อย หวังว่าสักวันคงจะหยุดยาได้ กำลังลุ้นค่ะ ทุกวันนี้ถ้าทานอาหารเช่นในข้อ1-4 แล้วทำตามข้อ 1-5 อาการหายขาดเลยค่ะ แต่กำลังหาวิธีถอยยาอยู่ค่ะ หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับผู้ที่เข้ามาอ่านเจอบ้างนะคะ