ลูกกำลังจะ Summer 1-4-56 นี้แล้วกังวลมากหลายอย่าง คิดมากทุกวันกลัวสารพัดอย่าง

กระทู้คำถาม
- เนื่องจากลูกเป็นออทิสติกค่ะ
- เราสองคนแม่ลูกไม่เคยห่างกันแม้แต่วันเดียว
- ลูกอยู่ในโครงการเด็กพิเศษที่สาธิตราม ยิ่งกังวลเพราะกลัวลูกไม่มีเพื่อนมาก ๆ เหมือนเราที่มีเพื่อนมากและช่วยเหลือกันดีตลอด
- ลูกยังฟ้องไม่เป็น กลัวโดนเพื่อนแกล้งแล้วไม่บอก
- กลัวลูกจะไม่ได้วิ่งเล่นสนุกสุดเหวี่ยงกับเพื่อนๆ กลัวครูบังคับจนลูกสติแตก
- เมื่อลูกออกสังคมแล้วกลัวว่า ลูกจะคิดว่าคนอื่นไม่เข้าใจเขา กลัวเขาจะซึมเศร้า
- ใจจริงอยากให้ลูกเข้า ป. 1 เลยเพราะเราเองก็ไม่เคยเรียนอนุบาล และเราไม่เคยมีปัญหาเรื่องเรียน เลยคิดว่ามันไม่จำเป็นเลยอนุบาล (พ่อแม่เอาไปทิ้งไว้กับตายาย ไม่มีเงิน) แต่คุณพ่อเค้าไม่ยอม บอกว่าอยู่กับแม่ก็ติดกันจนแกะไม่ออกแล้ว และกลัวว่าเข้า ป.1 จะไม่ทันเด็กที่เคยเรียนอนุบาลมาก่อนทั้งวิชาการและการปรับตัวเข้าสังคม ทั้งที่คุณพ่อเองก็เริ่มเรียนที่ ป.1 เหมือนกัน และยังเถียงอีกว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้วนะเธอ
- ดิฉันเป็นประสาทหรือเปล่าคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เรื่องอย่างนี้มันแน่นะครับ ที่คุณแม่จะต้องกลัวเป็นธรรดา ก็นะครับถ้าที่นี่คือประเทศไทยก็น่ากลัวจริงๆนั่นแหละ ผมจะตอบแต่ละประเด็นนะครับ
- เนื่องจากลูกเป็นออทิสติกค่ะ
  ครับ ผมก็เป็นออทิสติก แต่อาจจะอ่อนกว่าน้องเค้าหน่อยเพราะโตแล้ว ซึ่งถามว่าตอนนี้ ผมมีปัญหามั่ย ตอบเลยมีกระจุยกระจาย เพียบนึกปัญหาของผม 3 วันก็ยังไม่จบ

- เราสองคนแม่ลูกไม่เคยห่างกันแม้แต่วันเดียว
   ก็ถ้ากังวน ก็ลองไปแอบดูก็ได้นะครับ อย่าให้น้องเห็น แม่ผมไปแอบดูผมเรียนเกือบทุกวันเลยตอนประถม เพราะเป็นห่วงกลัวไปอาละวาดใส่ใครเค้าอีก

- ลูกอยู่ในโครงการเด็กพิเศษที่สาธิตราม ยิ่งกังวลเพราะกลัวลูกไม่มีเพื่อนมาก ๆ เหมือนเราที่มีเพื่อนมากและช่วยเหลือกันดีตลอด
   ปกติแล้วเด็กออทิสติกจะไม่ค่อยมีเพื่อนอยู่แล้วเพราะคุยกับใครเค้าไม่รู้เรื่อง เรื่องรู้คุณแม่อาจจะต้องบอกเพื่อนให้เข้าใจนะครับ ให้คบน้องเป็นเพื่อนหน่อยน่าจะช่วยได้นะครับ แล้วก็บอกครูให้สอนเพื่อนว่าการอยู่ร่วมกับเด็กออทิสติกต้องทำอย่างไรนะครับ

- ลูกยังฟ้องไม่เป็น กลัวโดนเพื่อนแกล้งแล้วไม่บอก
   อันนี้ต้องให้ครูช่วยดูแลให้นะครับ โดยปกติแล้วถ้าเด็กออทิสติกโดนแกล้งจะแสดงออกทางอารมณ์นะครับ ดูไม่ยากหรอก ถามเค้าว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น เป็นการช่วยฝึกพัฒนาการด้านภาษาด้วยนะครับ

- กลัวลูกจะไม่ได้วิ่งเล่นสนุกสุดเหวี่ยงกับเพื่อนๆ กลัวครูบังคับจนลูกสติแตก
  ไม่หรอก ถ้าอยู๋โครงการนี้แล้วก็ไม่ได้จะมีปัญหามากหรอกครับ ยกเว้นว่า น้องมีอาการต่างจากเด็กออทิสติกทั่วไปอย่างมากจนครูตามไม่ทัน

- เมื่อลูกออกสังคมแล้วกลัวว่า ลูกจะคิดว่าคนอื่นไม่เข้าใจเขา กลัวเขาจะซึมเศร้า
  โดยปกติแล้วเด็กออทิสติกมีปัญหาในเรื่องการเข้าใจความรู้สึก อย่างผมทุกวันนี้ ยังไม่เข้าใจใครเลย หาเหตุผลไม่เป็นเกี่ยวกับความรู้สึก ก็เลยเข้ากับใครไม่ได้ กลายเป็นโรคซึมเศร้าซะงั้น ทุกวันต้องหาคนระบายให้ฟังนะครับ แนะนำว่าน้องควรฝึกการระบายความรู้สึกตัวเองให้ได้ จะช่วยคลายความทุกข์ใจได้นะครับ

- ใจจริงอยากให้ลูกเข้า ป. 1 เลยเพราะเราเองก็ไม่เคยเรียนอนุบาล และเราไม่เคยมีปัญหาเรื่องเรียน เลยคิดว่ามันไม่จำเป็นเลยอนุบาล (พ่อแม่เอาไปทิ้งไว้กับตายาย ไม่มีเงิน) แต่คุณพ่อเค้าไม่ยอม บอกว่าอยู่กับแม่ก็ติดกันจนแกะไม่ออกแล้ว และกลัวว่าเข้า ป.1 จะไม่ทันเด็กที่เคยเรียนอนุบาลมาก่อนทั้งวิชาการและการปรับตัวเข้าสังคม ทั้งที่คุณพ่อเองก็เริ่มเรียนที่ ป.1 เหมือนกัน และยังเถียงอีกว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้วนะเธอ
  ต้องดูก่อนว่าน้องเค้าความสามารถระดับไหน สื่อสารรู้เรื่องบ้างหรือเปล่า ขนาดผมเองต้องเรียนอนุบาลเลยนะครับ ถึงช้าก็ไม่เป็นไรนะครับ มีเด็กออทิสติกตั้งหลายคนเรียนช้ากว่าคนอื่น แต่รับรองว่ามันเป็นผลดีแน่นอนนะครับ

- ดิฉันเป็นประสาทหรือเปล่าคะ
  ไม่หรอกครับ แม่ผมเองก็เครียดไม่เว้นแต่ละวันเพราะผมก่อเรื่องอยู่ตลอดเวลา เช่น ผมไปบีบคอเพื่อน ผมโดนแกล้ง ผมโดนชกต่อย เอาหมากฝรั่งติดหัว(ล้างไม่ออก) โดนเอากระเป๋าโยนทิ้งน้ำ ผมทำลายข้าวของ เล่นน้ำลาย เอาส้อมแทงน้องสาว และอีกสารพัด ที่ผมจะสร้างปัญหาได้ ถ้าแม่ไม่อดทนก็คงเลี้ยงผมจนอายุ21 ปีไม่ได้หรอก ซึ่งปัจจุบันแม่ก็เครียดต่อไปอีก(ฟังจากคนอื่นเล่ามา) จะทำงานอะไรเนี้ย ทำอะไรก็ไม่เป็นซะอย่าง ขายของก็คงโดนหลอก ทำโน้นนี่ก็ไม่ได้ ยาวมาก เอาเป็นว่าไม่แปลกที่คุณแม่จะประสาทนะครับ เพราะจากนี้ไปถ้าคุณแม่รับเรื่องแค่นี้ไม่ได้ ต่อไปก็คงไม่ไหวนะครับ ผมเองก็นะครับ ไม่ได้อยากทำ แต่คุมตัวเองไม่ได้

- กลัวลูกไม่กินข้าว เพราะเขากินยากมาก ๆ ๆ
  โดยปกติแล้วเด็กออทิสติกเป็นคนกินยากอยู่แล้วนะครับ จะกินไม่หลากหลายเท่าเด็กทั่วไป อย่างผม ลูกอม ขนมหวาม น้ำอัดลม ชาเขียว กาแฟ และอีกหลายๆอย่างไม่แตะเลย คือเด็กออทิสติกจะยึดแต่ของเดิมๆ เช่น ผมชอบกินผัดกะเพราะ อยู่ที่ไหนก็จะกินแต่ผัดกะเพราะประมาณนี้ละครับ กินอย่างอื่นได้มั่ย ถ้าสถานการณ์บังคับก็กินได้บางอย่าง แต่ถ้าเลือกได้ก็อย่างเดิมนะครับ วิธีแก้ ต้องรู้ก่อนว่าน้องเค้าชอบรสชาติแบบไหน อย่างเช่น หวานเป็นหลัก ก็ต้องลองขนายรสชาติทีละนิดนะครับ น่าจะช่วยได้นะผมว่า

ลองอ่านเรื่องของผมดู เผื่อจะได้มีกำลังใจนะครับ สู้ๆนะครับhttp://www.bloggang.com/mainblog.php?id=chaochaostory
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  โรงเรียนอนุบาล
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่