ตลอดหลายวันที่ผ่านมา กุนซือใหญ่ทัพ 'ช้างศึก' วินฟรีด เชเฟอร์ ได้ตกเป็นข่าวอยู่ตามสื่อต่างๆ มากมายเกี่ยวกับประเด็นร้อนๆ ไม่ว่าจะเป็นกรณีสัญชาติของชาริล ชาปปุยส์ที่ผิดข้อบังคับของเอเอฟซี หรือ อนาคตของเขากับตำแหน่งกุนซือทีมชาติ
และเมื่อมีโอกาส ทางทีมงาน HIKICKER จึงติดต่อขอสัมภาษณ์ 'วินนี่' เพื่อสอบถามถึงประเด็นต่างๆ ที่หลายคนสงสัย และเรารู้สึกเป็นเกียรติมากกับการตอบรับจาก 'คนดังระดับประเทศ' ในครั้งนี้ เพื่อตอบข้อสงสัยในทุกประเด็น
"ก่อนอื่นเลย ผมต้องขอขอโทษแฟนบอลชาวไทยทุกท่าน ที่ไม่สามารถนำชัยชนะกลับบ้านมาให้ได้ เนื่องจากการไปเยือนกรุงเบรุตครั้งนี้ เราติดปัญหาอยู่หลายอย่าง ทั้งเรื่องผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บ ทำให้เราต้องดึงแข้งดาวรุ่งเข้ามาเสริมทัพ อีกทั้งสภาพสนามและภูมิอากาศที่ค่อนข้างแย่ แต่นักเตะเองก็พยายามกันอย่างสุดความสามารถ แต่มันอาจยังไม่ดีพอสำหรับเกมในวันนั้น" วินนี่กล่าว
ด้านกรณีชาริล ชาปปุยส์ มิดฟิลด์เลือดผสม ไทย-สวิส แข้งตัวจี๊ดของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ต้องชวดลงสนามให้กับทีมชาติไทย เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ถูกแฟนบอลจับตามอง และกล่าวถึงเป็นอย่างมาก ดูเหมือนกรณีนี้จะเป็นปัญหาที่บานปลายระหว่าง 'วินนี่' และทางสโมสรอีกด้วย วินนี่จึงได้เปิดเผยเรื่องนี้กับเราว่า...
"เหตุผลที่ผมไม่ส่งตัว 'ชาปปุยส์' กลับไปยังสโมสรต้นสังกัด และยังพาไป เลบานอนด้วยนั้น ก็เพราะว่าเขายังมีโอกาสที่จะลงเล่นให้กับทีมได้ต่างหากล่ะ ผมกับทีมงานก็พยายามดำเนินเรื่องนี้กับฟีฟ่าอย่างเต็มที่ ผมติดต่อพูดคุยกับฟีฟ่าวันละ 3-4 ครั้ง จนกระทั่งฟีฟ่าได้ทำเอกสารรับรองให้กับนักเตะ และได้ส่งเอกสารรับรองนี้ไปยังสมาคมฟุตบอลฯ และทางเอเอฟซี เพื่อทำเรื่องแจ้งไปยังแมตช์คอมมิชชั่นเนอร์ แต่แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันล่าช้าตรงไหน"
"มันน่าเสียดายมากนะ เพราะ 'ชาปปุยส์' เองมีสิทธิ์ที่จะลงเล่นให้กับทีมชาติไทยได้แล้ว ณ ชั่วโมงนั้น 'ชาปปุยส์' เป็นนักเตะที่ฝีเท้าดีและมากไปด้วยประสบการณ์ ถ้ามีเขาเล่น ผมเชื่อว่าผลการแข่งขันจะไม่ออกมาเป็นเช่นนี้"
ส่วนเรื่อง อนาคตของ 'วินนี่' กับทีมชาติไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนอยากทราบกันมากว่า ผลมันจะออกมาอย่างไรหลังจากจบเกมที่ เลบานอน ในศึกเอเชี่ยนคัพ 2015 รอบคัดเลือกนี้ 'วินนี่' ได้ตอบเกี่ยวกับเรื่องสัญญาว่า...
"ผมยังมีสัญญาอยู่กับทางสมาคมอยู่ และเราก็ยังไม่หมดหวังในการเข้ารอบสุดท้ายของเอเชี่ยนคัพ และหาก อิหร่าน สามารถเอาชนะ คูเวต ได้ โอกาสของเราก็จะยิ่งเปิดกว้างมากขึ้น ซึ่งในหัวของผมในตอนนี้คิดถึงแต่เรื่องการแข่งขันนัดหน้ากับ อิหร่านเท่านั้น และผมก็ได้วางแผนเตรียมทีมเอาไว้แล้วด้วย โดยผมจะค่อยๆ สร้างทีมขึ้นมาใหม่ และในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ เราจะมีเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติจีนในบ้าน รวมถึงบรรดาสโมสรระดับโลกที่จะมาเยือนไทยอีก เชื่อว่าด้วยการเตรียมทีมที่ดี จะทำให้เราได้ผลการแข่งขันที่ดีในนัดเจอ อิหร่าน"
และอีกประเด็นหนึ่งที่หลายคนออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับแผนการเล่น '4-2-3-1' ว่ามันเหมาะสมกับทีมชาติไทยจริงหรือ? 'วินนี่' ได้อธิบายถึงแผนการเล่นดังนี้...
"คุณคิดว่าผลงานในอาเซี่ยน ซูซูกิ คัพ ที่ผ่านมา ตอนปลายปี และเกมที่อุ่นเครื่องกับกาตาร์ เราเล่นกันดีไหมล่ะ? ( 'วินนี่' หันมาถามทีมงาน HIKICKER) เพียงแต่เกมที่เราพบกับ เลบานอน เราเสียประตูกันเร็วเกินไป ทำให้เราไม่สามารถเล่นตามแผนที่วางไว้ เพราะเราต้องเปิดเกมรุกเพื่อทวงประตูคืน ผมได้วางแผนการเล่นนี้ไว้แล้ว คือ ผมจะให้แต่ละตำแหน่งมีนักเตะตัวหลัก ซึ่งเปรียบเสมือน 'กระดูกสันหลัง' ของทีม ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตู เซ็นเตอร์แบ็ก กองกลาง เพลย์เมกเกอร์ และกองหน้า ตอนนี้ในทีมเรามี 'ใหม่' ภานุพงศ์ วงศ์ษา ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก มี 'ชาปปุยส์' ในตำแหน่งแดนกลาง และ 'มุ้ย' ธีรศิลป์ แดงดา ในแดนหน้า ซึ่งหากเรามีตำแหน่งที่พูดถึงครบทั้งหมด เราจะเป็นทีมที่อันตรายมาก"
ในกลุ่มแฟนบอลชาวไทยบางส่วน ได้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับนักเตะที่ดูทุ่มเทให้กับทีมชาติน้อยกว่าสโมสรต้นสังกัด โดย 'วินนี่' ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า...
"ผมไม่คิดว่านักเตะไม่มีใจที่จะลงเล่นในนามทีทีมชาตินะ เพราะหลังจากจบเกมที่เราเจอกับ เลบานอน มีนักเตะ 2 คน ที่ร้องไห้เสียใจกับความพ่ายแพ้ครั้งนี้ แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมอยากให้เรามีการแข่งขันเพื่อแย่งตำแหน่งภายในทีมชาติกันมากกว่านี้ คุณดูอย่างทีมชาติเยอรมันสิ แม้ว่าพวกเขาจะเจอกับทีมที่ศักยภาพด้อยกว่า แต่บรรดานักเตะก็จะขับเคี่ยวกันที่จะโชว์ฟอร์มในสนาม เพื่อให้ถูกเรียกติดทีมชาติ มันเป็นเกียรติและความภูมิใจของพวกเขาเลยนะ"
'วินนี่' ยังกล่าวต่อไปอีกว่า "นอกจากนี้แล้ว ผมหวังว่าสโมสรต่างๆ จะให้โอกาสนักเตะได้ลงเล่นมากกว่านี้ ทั้งตัวจริง ตัวสำรอง หรือแม้แต่ 'ดาวรุ่ง' ก็ตาม มันจะเป็นการให้นักเตะได้พัฒนาฝีเท้า และรวมไปถึงเรื่องความฟิต ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เพื่อประโยชน์ของทีมชาติ แต่ทีมสโมสรเองก็ได้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน"
ทางทีมงาน HIKICKER ยังได้ถามถึงความคิดเห็นของ 'วินนี่' เกี่ยวกับข่าวที่ 'เคลตัน ซิลวา' ศูนย์หน้าตัวเก่งของสโมสรบีอีซี เทโรฯ ที่สื่อประโคมข่าวว่า เขาอาจมีสิทธิ์โอนสัญชาติมาเป็นคนไทย เพื่อรับใช้ทีมชาติไทย 'วินนี่' ตอบกับเราว่า...
"มันคงเป็นเรื่องที่ดีมาก หากเป็นเช่นนั้น 'เคลตัน' ก็เป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง และมันจะส่งผลดีต่อทีมชาติไทยมาก นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย เพราะเรื่องแบบนี้มันก็เคยเกิดกับนักเตะระดับโลก อาทิเช่น ซีเนอดีน ซีดาน, ลูคัส โพลพอลสกี้, เมซุต โอซิล และอีกหลายๆ คน มาแล้ว"
ก่อนจบการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ เราได้แอบหยดคำถามสุดท้าย ที่พูดถึง 'เป้าหมาย' การทำทีมชาติไทยของ 'วินนี่' โดย เขาได้กล่าวสั้นๆ กับเราว่า...
"ผมต้องการให้ทำทีมชาติไทยเป็นทีมอันดับหนึ่งของทวีปเอเชีย ด้วยทรัพยากรนักเตะภายในทีม และดาวรุ่งที่กำลังจะขึ้นมา ผมเชื่อว่าเราสามาไปถึงจุดนั้น"
และทั้งหมดนี้ คือ การสัมภาษณ์สุดพิเศษกับ 'คนดังระดับประเทศ' อย่าง วินฟรีด เชเฟอร์ ทางทีมงาน HIKICKER หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะไขข้อสงสัย หรือ ข้องใจให้กับแฟนบอลชาวไทยไม่มากก็น้อย
เครดิต
http://www.hikicker.com/footballthai/news/articles/8788.html
สัมภาษณ์พิเศษ : เปิดใจหลังศึกเอเชี่ยนคัพฯ กับ 'วินฟรีด เชเฟอร์'
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา กุนซือใหญ่ทัพ 'ช้างศึก' วินฟรีด เชเฟอร์ ได้ตกเป็นข่าวอยู่ตามสื่อต่างๆ มากมายเกี่ยวกับประเด็นร้อนๆ ไม่ว่าจะเป็นกรณีสัญชาติของชาริล ชาปปุยส์ที่ผิดข้อบังคับของเอเอฟซี หรือ อนาคตของเขากับตำแหน่งกุนซือทีมชาติ
และเมื่อมีโอกาส ทางทีมงาน HIKICKER จึงติดต่อขอสัมภาษณ์ 'วินนี่' เพื่อสอบถามถึงประเด็นต่างๆ ที่หลายคนสงสัย และเรารู้สึกเป็นเกียรติมากกับการตอบรับจาก 'คนดังระดับประเทศ' ในครั้งนี้ เพื่อตอบข้อสงสัยในทุกประเด็น
"ก่อนอื่นเลย ผมต้องขอขอโทษแฟนบอลชาวไทยทุกท่าน ที่ไม่สามารถนำชัยชนะกลับบ้านมาให้ได้ เนื่องจากการไปเยือนกรุงเบรุตครั้งนี้ เราติดปัญหาอยู่หลายอย่าง ทั้งเรื่องผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บ ทำให้เราต้องดึงแข้งดาวรุ่งเข้ามาเสริมทัพ อีกทั้งสภาพสนามและภูมิอากาศที่ค่อนข้างแย่ แต่นักเตะเองก็พยายามกันอย่างสุดความสามารถ แต่มันอาจยังไม่ดีพอสำหรับเกมในวันนั้น" วินนี่กล่าว
ด้านกรณีชาริล ชาปปุยส์ มิดฟิลด์เลือดผสม ไทย-สวิส แข้งตัวจี๊ดของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ต้องชวดลงสนามให้กับทีมชาติไทย เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ถูกแฟนบอลจับตามอง และกล่าวถึงเป็นอย่างมาก ดูเหมือนกรณีนี้จะเป็นปัญหาที่บานปลายระหว่าง 'วินนี่' และทางสโมสรอีกด้วย วินนี่จึงได้เปิดเผยเรื่องนี้กับเราว่า...
"เหตุผลที่ผมไม่ส่งตัว 'ชาปปุยส์' กลับไปยังสโมสรต้นสังกัด และยังพาไป เลบานอนด้วยนั้น ก็เพราะว่าเขายังมีโอกาสที่จะลงเล่นให้กับทีมได้ต่างหากล่ะ ผมกับทีมงานก็พยายามดำเนินเรื่องนี้กับฟีฟ่าอย่างเต็มที่ ผมติดต่อพูดคุยกับฟีฟ่าวันละ 3-4 ครั้ง จนกระทั่งฟีฟ่าได้ทำเอกสารรับรองให้กับนักเตะ และได้ส่งเอกสารรับรองนี้ไปยังสมาคมฟุตบอลฯ และทางเอเอฟซี เพื่อทำเรื่องแจ้งไปยังแมตช์คอมมิชชั่นเนอร์ แต่แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันล่าช้าตรงไหน"
"มันน่าเสียดายมากนะ เพราะ 'ชาปปุยส์' เองมีสิทธิ์ที่จะลงเล่นให้กับทีมชาติไทยได้แล้ว ณ ชั่วโมงนั้น 'ชาปปุยส์' เป็นนักเตะที่ฝีเท้าดีและมากไปด้วยประสบการณ์ ถ้ามีเขาเล่น ผมเชื่อว่าผลการแข่งขันจะไม่ออกมาเป็นเช่นนี้"
ส่วนเรื่อง อนาคตของ 'วินนี่' กับทีมชาติไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนอยากทราบกันมากว่า ผลมันจะออกมาอย่างไรหลังจากจบเกมที่ เลบานอน ในศึกเอเชี่ยนคัพ 2015 รอบคัดเลือกนี้ 'วินนี่' ได้ตอบเกี่ยวกับเรื่องสัญญาว่า...
"ผมยังมีสัญญาอยู่กับทางสมาคมอยู่ และเราก็ยังไม่หมดหวังในการเข้ารอบสุดท้ายของเอเชี่ยนคัพ และหาก อิหร่าน สามารถเอาชนะ คูเวต ได้ โอกาสของเราก็จะยิ่งเปิดกว้างมากขึ้น ซึ่งในหัวของผมในตอนนี้คิดถึงแต่เรื่องการแข่งขันนัดหน้ากับ อิหร่านเท่านั้น และผมก็ได้วางแผนเตรียมทีมเอาไว้แล้วด้วย โดยผมจะค่อยๆ สร้างทีมขึ้นมาใหม่ และในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ เราจะมีเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติจีนในบ้าน รวมถึงบรรดาสโมสรระดับโลกที่จะมาเยือนไทยอีก เชื่อว่าด้วยการเตรียมทีมที่ดี จะทำให้เราได้ผลการแข่งขันที่ดีในนัดเจอ อิหร่าน"
และอีกประเด็นหนึ่งที่หลายคนออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับแผนการเล่น '4-2-3-1' ว่ามันเหมาะสมกับทีมชาติไทยจริงหรือ? 'วินนี่' ได้อธิบายถึงแผนการเล่นดังนี้...
"คุณคิดว่าผลงานในอาเซี่ยน ซูซูกิ คัพ ที่ผ่านมา ตอนปลายปี และเกมที่อุ่นเครื่องกับกาตาร์ เราเล่นกันดีไหมล่ะ? ( 'วินนี่' หันมาถามทีมงาน HIKICKER) เพียงแต่เกมที่เราพบกับ เลบานอน เราเสียประตูกันเร็วเกินไป ทำให้เราไม่สามารถเล่นตามแผนที่วางไว้ เพราะเราต้องเปิดเกมรุกเพื่อทวงประตูคืน ผมได้วางแผนการเล่นนี้ไว้แล้ว คือ ผมจะให้แต่ละตำแหน่งมีนักเตะตัวหลัก ซึ่งเปรียบเสมือน 'กระดูกสันหลัง' ของทีม ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตู เซ็นเตอร์แบ็ก กองกลาง เพลย์เมกเกอร์ และกองหน้า ตอนนี้ในทีมเรามี 'ใหม่' ภานุพงศ์ วงศ์ษา ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก มี 'ชาปปุยส์' ในตำแหน่งแดนกลาง และ 'มุ้ย' ธีรศิลป์ แดงดา ในแดนหน้า ซึ่งหากเรามีตำแหน่งที่พูดถึงครบทั้งหมด เราจะเป็นทีมที่อันตรายมาก"
ในกลุ่มแฟนบอลชาวไทยบางส่วน ได้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับนักเตะที่ดูทุ่มเทให้กับทีมชาติน้อยกว่าสโมสรต้นสังกัด โดย 'วินนี่' ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า...
"ผมไม่คิดว่านักเตะไม่มีใจที่จะลงเล่นในนามทีทีมชาตินะ เพราะหลังจากจบเกมที่เราเจอกับ เลบานอน มีนักเตะ 2 คน ที่ร้องไห้เสียใจกับความพ่ายแพ้ครั้งนี้ แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมอยากให้เรามีการแข่งขันเพื่อแย่งตำแหน่งภายในทีมชาติกันมากกว่านี้ คุณดูอย่างทีมชาติเยอรมันสิ แม้ว่าพวกเขาจะเจอกับทีมที่ศักยภาพด้อยกว่า แต่บรรดานักเตะก็จะขับเคี่ยวกันที่จะโชว์ฟอร์มในสนาม เพื่อให้ถูกเรียกติดทีมชาติ มันเป็นเกียรติและความภูมิใจของพวกเขาเลยนะ"
'วินนี่' ยังกล่าวต่อไปอีกว่า "นอกจากนี้แล้ว ผมหวังว่าสโมสรต่างๆ จะให้โอกาสนักเตะได้ลงเล่นมากกว่านี้ ทั้งตัวจริง ตัวสำรอง หรือแม้แต่ 'ดาวรุ่ง' ก็ตาม มันจะเป็นการให้นักเตะได้พัฒนาฝีเท้า และรวมไปถึงเรื่องความฟิต ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เพื่อประโยชน์ของทีมชาติ แต่ทีมสโมสรเองก็ได้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน"
ทางทีมงาน HIKICKER ยังได้ถามถึงความคิดเห็นของ 'วินนี่' เกี่ยวกับข่าวที่ 'เคลตัน ซิลวา' ศูนย์หน้าตัวเก่งของสโมสรบีอีซี เทโรฯ ที่สื่อประโคมข่าวว่า เขาอาจมีสิทธิ์โอนสัญชาติมาเป็นคนไทย เพื่อรับใช้ทีมชาติไทย 'วินนี่' ตอบกับเราว่า...
"มันคงเป็นเรื่องที่ดีมาก หากเป็นเช่นนั้น 'เคลตัน' ก็เป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง และมันจะส่งผลดีต่อทีมชาติไทยมาก นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย เพราะเรื่องแบบนี้มันก็เคยเกิดกับนักเตะระดับโลก อาทิเช่น ซีเนอดีน ซีดาน, ลูคัส โพลพอลสกี้, เมซุต โอซิล และอีกหลายๆ คน มาแล้ว"
ก่อนจบการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ เราได้แอบหยดคำถามสุดท้าย ที่พูดถึง 'เป้าหมาย' การทำทีมชาติไทยของ 'วินนี่' โดย เขาได้กล่าวสั้นๆ กับเราว่า...
"ผมต้องการให้ทำทีมชาติไทยเป็นทีมอันดับหนึ่งของทวีปเอเชีย ด้วยทรัพยากรนักเตะภายในทีม และดาวรุ่งที่กำลังจะขึ้นมา ผมเชื่อว่าเราสามาไปถึงจุดนั้น"
และทั้งหมดนี้ คือ การสัมภาษณ์สุดพิเศษกับ 'คนดังระดับประเทศ' อย่าง วินฟรีด เชเฟอร์ ทางทีมงาน HIKICKER หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะไขข้อสงสัย หรือ ข้องใจให้กับแฟนบอลชาวไทยไม่มากก็น้อย
เครดิต http://www.hikicker.com/footballthai/news/articles/8788.html