BTP บัวหลวงทศพล กับอาการหุ้นบางตัวในวันนี้

เนื่องจาก ผมสังเกตุ การลงทุนของ BTP บัวหลวงทศพล มาระยะนึงแล้ว  ส่วนตัวไม่ได้ซื้อกองทุน เล่นเอง
แต่เห็นว่าน่าศึกษา ว่าทำไม BTP ถึงเป็นกองทุนหุ้น ที่บวกเยอะสุดในปีที่แล้ว  วันนี้เห็นสัญญาณบางอย่าง เลยเอามาแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน

1.ในรอบ 3 เดืิอน ที่ผ่านมา กองทุน มีสินทรัพย์ใต้การบริหาร (AUM) เพิ่มขึ้น เกิน 1 เท่าตัว  และ รอบ 1 ปี AUM โตประมาณ 20 เท่าตัว
ซึ่ง สาเหตุหลักๆ มาจาก ผู้คนแห่มาซื้อกองทุนเยอะขึ้น ข้อมูลมาจาก http://bblam.co.th/web2/fund_nav.php?id=15&langsel=th
แล้วผมมาใส่ Excel อีกที



2. บัวหลวงทศพล  BTP เป็นกองทุนที่ลงทุนหุ้นกระจุกตัว  โดยตาม จม. ของ ผจก. ลงทุนในหุ้นเพียง 10 ตัวเท่านั้น
อ้างอิงจาก http://bblam.co.th/web2/articleDetail.php?artID=500&langsel=th


อ้่างอิงจาก http://www.bblam.co.th/detail_port/



เหตุการณ์วันนี้ คือ NAV ของกองทุนเป็นบวก  แต่การเป็นว่า AUM กลับหายไป เกือบๆ 500 ล้านบาท  แปลว่ามีผู้ถือหน่วยลงทุนมาไุถ่ถอนหน่วยกองทุนของ BTP    หุ้นหลายๆ ตัวที่เป็นหุ้นขึ้นมา ร้อนแรง ในช่วง 2-3 เดือนนี้  วันนี้กลับไม่บวกตาม SET เท่าไหร่  เช่น CPALL , AAV   โดยเฉพาะ AAV นั้นกองทุนทุกๆกอง ของบัวหลวง ถือรวมกัน เกิน 10% ของหุ้นทั้งหมด ของบริษัทเลยทีเดียว  

เห็นอย่างนี้แล้วก็เห็นใจว่า การบริหารกองทุน BTP ก็อาจจะลำบาก เพราะว่าจู่ๆในรอบปีที่ผ่านมา มี AUM เพิ่มขึ้น 20 เท่า  นโยบายที่ซื้อหุ้นเพียง 10 ตัว  ก็แปลว่าจะถือหุ้นตัวนึง หนักขึ้นๆ ไปอีก   เวลา่คนแห่มาไถ่ถอน เนื่องจาก กองทุนมีเงินสดน้อย ก็อาจจะต้องขายหุ้นในพอร์ตที่มีมาคืนเงินให้ผู้ไถ่ถอนไป

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
จริงๆ ที่เขียนแชร์ไป จบแล้วครับ เรื่อง กองทุนทศพล

แต่พูดถึง แถมเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย อีกหน่อย   คือธุรกิจ กองทุนรวม(Mutual Fund)  เป็น ระบบการลงทุนที่ทำผลตอบแทน ชนะตลาดเป็นเวลานานๆ ได้ยาก   เหตุผลเพราะว่า "เงิน"  ที่เข้าๆ ออกๆ กองทุนรวม อย่างรวดเร็ว  ดังนั้น ที่อเมริกาคนเก่งๆ ถึงนิยมเปิดเป็น HedgeFund โดยออกกฎเลย ว่า ซื้อกองทุนแล้ว ห้ามถอนภายใน 1 ปี  หรือว่า 3 ปี

Warren Buffett เมื่อตอนอยู่ในวัยกลางคน ก็ไม่ได้รับจ้างบริหารเงิน  แต่เป็นการไปซื้อบริษัทประกัน แล้วเอาเงินทุนประกัน(Float)ไปลงทุนต่อ ซึ่ง Buffett กล่าวว่า ดีกว่าการบริหารเงินคนอื่นและการกู้ Margin เพราะเงินประกันโดยเรียกคืนได้ยาก


สำหรับคนที่นิยมลงทุนผ่านทางกองทุนรวม ผมแนะนำง่ายๆว่าอย่างนี้ครับ
- อย่าดูผลตอบแทนที่ผ่านมาอย่างเดียว  ให้ดูมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ(AUM) ด้วย  ถ้า  AUM อยู่ๆ โตขึ้นมากๆ จากคนมาแห่ซื้อหน่วยของกองทุน ระวัง ผจก. กองทุนบริหารไม่ทัน  (ซึ่งไปโทษเค้าก็ไม่ได้ เพราะเค้าต้องซื้อหุ้น  พอเงินสดเข้ามา ก็ต้องไปซื้อหุ้นเกือบจะทันที ไม่งั้นมูลค่า NAV ก็จะลด)  
- ถ้าดูขยันหน่อย อ่านนโยบายการลงทุนของเค้า  และดูหุ้นในพอร์ตการลงทุน ย้อนๆไป ว่าทำตามนั้นจริงไหม?  กองทุนบางกอง ตั้งชื่อกองว่า "หุ้นปันผล xxxx"  แต่หุ้นที่ไปซื้อ กลับมีนโยบายบอกว่าไม่ปันผล
- Trigger Fund หลีกเลี่ยงทุกกรณี   เพราะจำกัดกำไร  แต่กลับไม่จำกัดขาดทุน
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  หุ้น การออมเงิน การลงทุน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่