เขาคิชกุฏ ครั้งแรก และครั้งเดียวในชีวิต กับความผิดหวัง

ขอออกตัวก่อนนะครับว่าผมไม่ได้เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญด้านพุทธศานาอะไรมากมาย หากบทความที่เขียนขัดกับความคิดเพื่อนๆก็ติติงและมาพูดคุยกันได้ครับ

ผมได้มีโอกาสเดินทางไปเขาคิชกุฏเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา จากคำบอกเล่าหลายๆคนบอกว่าข้างบนนั้นค่อนข้างศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนต่างขึ้นเขากันด้วยแรงศรัทธา อันตัวผมก็เลยอยากจะขึ้นเขาคิชกุฏโดยคาดหวังว่าอาจจะมีการเทศน์ การปฎิบัติธรรม หรือระหว่างทางขึ้นเขาจะทำให้เราเกิดสมาธิ หรือความศรัทธาใดๆ รวมไปถึงอาจจะเข้าถึงพุทธศาสนาได้อีกสักเล็กน้อยก็ยังดี

แต่หลังจากขึ้นรถมหาสนุก (ต้องขอบอกว่าการขึ้นรถไปบนเขาสนุกจริงๆครับ ราวกับไปเที่ยวสวนสนุกทีเดียวเชียว) เขาคิชกุฏก็ทำให้ผมค่อนข้างผิดหวังมากๆ ตลอดทางขึ้นเขาเต็มไปด้วยตู้บริจาค เต็มไปด้วยคนปาเหรียญใส่บาตรพระด้วยความสนุกสนาน เต็มไปด้วยผู้คนนำธูปไปดัดๆงอๆให้ติดอยู่บนก้อนหิน และที่สำคัญที่สุดคือเต็มไปด้วยเสียงของมัคทายก หรืออาจจะจากพระสงฆ์ก็ตาม ส่วนใหญ่เกือบ 100% เน้นการทำบุญเพื่อให้ได้มาซึ่ง "เงินทอง" และ "ลาภยศ"

"บริจาค 100 ได้ร้อยล้าน"

"บริจาค 200 ได้สองร้อยล้าน"

"ทำบุญวันนี้ เทวดาจะดลใจให้ซื้อล็อตเตอรี่ถูกรางวัลที่หนึ่ง"

"ทำบุญวันนี้ ปลดหนี้ เป็นเศรษฐี...."

พยายามจะไม่คิดอคติ ไม่คิดอะไรที่เลวร้าย เพราะในใจลึกๆก็เชื่อว่าอย่างน้อยเงินก็ทำให้ศาสนาดำรงอยู่ได้ แต่ด้วยวิธีการแบบนี้มันถูกต้องแล้วหรือ แต่ก็ไม่เป็นไร ในใจขอให้ได้เดินทางไปถึงรอยพระพุทธบาท เพื่อไปนมัสการ และสวดมนต์ บริเวณหน้ารอยพระพุทธบาทผู้คนเนืองแน่นหลักเป็นพันๆคน เข้าคิวเพื่อไปกราบไหว้พระพุทธบาท แต่แล้วเสียงมัคทายกก็ดังขึ้นประกอบ (อาจจะไม่ตรงตามนี้ แต่ใจความประมาณนี้)

"เอ้า เศรษฐีใหม่เข้ามาแล้ว (หมายถึงคนที่รอจะเข้าไปกราบไหว้รอยพระพุทธบาท) เศรษฐีเก่าเตรียมตัวออก (หมายถึงคนที่เข้าไปกราบไหว้รอยพระพุทธบาทแล้ว) มากราบไหว้พระพุทธบาทต้องมีธูป 3 ดอก ต้องมีดอกไม้ 3 ดอกขึ้นไป คนนั้นไม่มีขอคนข้างๆได้ไหม คนที่จะออกคนนั้นขอพรหรือยัง เอ้า คนนั้นยังไม่มีธูป ไม่มีดอกไม้ ขอคนข้างๆเลย เดี๋ยวขอพรท่านไม่ได้ (น่าจะหมายถึงองค์พระพุทธเจ้า)"

ผมมีแค่ธูปเท่านั้น และไม่ได้ขอดอกไม้จากใครเพิ่ม ศาสนามีไว้เพื่อขอพร หรือจำเป็นต้องใช้ "วัตถุ" ถึงเพียงนี้เชียวหรือ แต่ผมก็คิดในใจ ไม่เป็นไร เดี๋ยวรอมัคทายกนำสวดมนต์ แต่ทว่าท่ามกลางคนนับพันที่ถือธูปพนมมือ สวดมนต์ตามมัคทายก ผมกลับลดมือลง และวางธูปไว้บนตัก และรู้สึกเศร้าใจกับสิ่งที่มัคทายกได้นำสวด เป็นใจความประมาณว่า

" [นำสวดบทสวดมนต์ประมาณ 1 บท] ขอให้ข้าพเจ้าเป็นเศรษฐี ร่ำรวย มีเงินทอง ไม่มีหนี้ เกิดมาชาติหน้าก็ร่ำรวยเป็นเศรษฐี......."

พอมัคทายกนำสวดเสร็จ ผมก็ยกมือขึ้นไหว้รอยพระบาทเพียงเงียบๆคนเดียว

ระหว่างเดินทางลงมาสู่ตีนเขา เกิดคำถามขึ้นในใจมากมาย "ผู้คนที่มาด้วยแรงศรัทธา" คืออะไร เป้าหมายของศาสนาพุทธคืออะไร คนพุทธเข้าใจว่าการทำบุญคืออะไร คนพุทธเข้าใจศาสนาพุทธขนาดไหน แล้วพระที่อยู่บนเขาท่านเข้าใจศาสนาเพียงใดกันแน่

แต่อย่างไรก็ตาม การไปเขาคิชกุฎครั้งแรก และครั้งเดียวในชีวิตของผมนี้ ก็นับว่าเป็นประโยชน์กับผมมาก ผมอยากจะรู้จักศาสนามากขึ้น อยากจะหาความรู้ อยากจะศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า มาบอกกล่าว มาพูดคุย ให้กับคนที่รู้จัก เพื่อให้เขาได้รู้จัก "แก่นแท้" ของศาสนา ถึงแม้ผมจะเป็นคนพุทธที่อาจจะไม่ได้รู้จักคำสอน ศีล หรือศาสนาพุทธมากมายเท่าใดนัก แต่รู้สึกเศร้าใจและเป็นห่วงศาสนาพุทธของไทยในอนาคตจริงๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่