คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ผมว่า เราเข้าใจกันผิดไปหมดแล้วนะครับ จริงๆแล้ว ตัว Adapter เอง เขาจะบอกเอาไว้ว่า Voltage เท่าไหร่ Amperage เท่าไหร่
หลักการจำง่ายๆเลยคือ
Voltage จะเป็นการ "ผลัก" ซึ่งจะถูกผลักหรือส่ง ออกมาจากตัว adapter จ่ายไฟ ให้ค่าที่ออกมาคงที่ ในกรณีของมือถือปัจจุบัน ก็จะอยู่ที่ 5V
Amperage จะเป็นการ "ดึง" ซึ่งจะถูกดึงหรือดูด จากตัวอุปกรณ์ที่เอามาต่อเชื่อม ถ้าอุปกรณ์ที่เอามาต่อ ไม่ต้องการกระแสมาก ก็จะดึงเอาไปเท่าที่จำเป็น เช่น Adapter จ่ายไฟของเรา กำหนด Maximum Amperage หรือ ค่าความสามารถในการจ่ายกระแสสูงสุดเอาไว้ที่ 2A เราเอามือถือที่ปกติต้องการไฟ 1A ในการชาร์ตไปต่อ มันก็จะดึงกระแสไปแค่ 1A เท่านั้น แต่ถ้าขณะที่เราชาร์ตไปด้วย เล่นเกมหนักๆไปด้วย มันอาจดึงไฟไปถึง 1.5A ซึ่งข้อดีคือ สามารถชาร์ตไฟไปด้วย เล่นเกมไปด้วยได้ (แต่ตัวเครื่องก้จะร้อนมาก) ขณะที่ถ้าเราใช้ตัวชาร์ตแบบ 0.5A หรือ 1A เราอาจต้องปิดหน้าจอหรือปิดเครื่อง เพื่อให้ไฟมันชาร์ตเข้า
ดังนั้นถ้าจะซื้อที่ชาร์ตไฟ ต้องเอาแบบให้เท่าหรือมากกว่าเท่านั้น เพราะถ้าเราเอาตัวชาร์ตแบบ 1A ไปต่อกับอุปกรณ์ที่ต้องการไฟ 1.5A เราอาจต้องปิดเครื่องเพื่อชาร์ตไฟ และจะเป็นภาระให้กับตัวชาร์ตด้วย เพราะมันจะถูกดึงไฟไปมากกว่าความสามารถสูงสุดของมัน ผลคือจะทำให้ตัว adapter ร้อนมาก อาจไหม้หรือพังได้ และก็ไม่อยากจะคิดถ้ามันพังขณะที่กำลังชาร์ตอยู่ มือถือที่ต่ออาจได้รับความเสียหายไปด้วยได้
หลักการจำง่ายๆเลยคือ
Voltage จะเป็นการ "ผลัก" ซึ่งจะถูกผลักหรือส่ง ออกมาจากตัว adapter จ่ายไฟ ให้ค่าที่ออกมาคงที่ ในกรณีของมือถือปัจจุบัน ก็จะอยู่ที่ 5V
Amperage จะเป็นการ "ดึง" ซึ่งจะถูกดึงหรือดูด จากตัวอุปกรณ์ที่เอามาต่อเชื่อม ถ้าอุปกรณ์ที่เอามาต่อ ไม่ต้องการกระแสมาก ก็จะดึงเอาไปเท่าที่จำเป็น เช่น Adapter จ่ายไฟของเรา กำหนด Maximum Amperage หรือ ค่าความสามารถในการจ่ายกระแสสูงสุดเอาไว้ที่ 2A เราเอามือถือที่ปกติต้องการไฟ 1A ในการชาร์ตไปต่อ มันก็จะดึงกระแสไปแค่ 1A เท่านั้น แต่ถ้าขณะที่เราชาร์ตไปด้วย เล่นเกมหนักๆไปด้วย มันอาจดึงไฟไปถึง 1.5A ซึ่งข้อดีคือ สามารถชาร์ตไฟไปด้วย เล่นเกมไปด้วยได้ (แต่ตัวเครื่องก้จะร้อนมาก) ขณะที่ถ้าเราใช้ตัวชาร์ตแบบ 0.5A หรือ 1A เราอาจต้องปิดหน้าจอหรือปิดเครื่อง เพื่อให้ไฟมันชาร์ตเข้า
ดังนั้นถ้าจะซื้อที่ชาร์ตไฟ ต้องเอาแบบให้เท่าหรือมากกว่าเท่านั้น เพราะถ้าเราเอาตัวชาร์ตแบบ 1A ไปต่อกับอุปกรณ์ที่ต้องการไฟ 1.5A เราอาจต้องปิดเครื่องเพื่อชาร์ตไฟ และจะเป็นภาระให้กับตัวชาร์ตด้วย เพราะมันจะถูกดึงไฟไปมากกว่าความสามารถสูงสุดของมัน ผลคือจะทำให้ตัว adapter ร้อนมาก อาจไหม้หรือพังได้ และก็ไม่อยากจะคิดถ้ามันพังขณะที่กำลังชาร์ตอยู่ มือถือที่ต่ออาจได้รับความเสียหายไปด้วยได้
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
สมาร์ทโฟน
Sony Smartphone
xperiaZ ปกติชาร์จไฟ 1.5A ถ้าจะซื้อที่ชาร์จควรซื้อแบบ 1A หรือ 2.1A ดีครับ (แบบ1.5Aหาไม่ได้)
แต่หลังจากได้ xperiaZ มาก็เกิดปัญหาใหญ่อย่างนึงคือ เรื่องที่ชาร์จครับ
เนื่องจากที่ชาร์จของ XZ เป็นแบบ output 1.5 A (ชาวบ้านชาวช่องเขามีแต่ 1 A กับ 2.1 A)
ผมออกตามหา เท่าไหร่ก็ไม่เจอ ครับ (ขี้เกียจซื้อของ sony เองด้วย ศูนย์ก็หาไม่เจออ่ะ)
เลยลองไปถามร้าน เพื่อหา output แบบ 1A เพราะความเข้าใจผมคือ ถ้าเอาแบบ 2.1 A มาใช้ เดี๋ยวแบตจะร้อนและเสื่อม
กลายเป็นว่า ร้านแนะนำ ว่าให้ใช้แบบ 2.1 A บอกว่า ถ้าใช้แบบ 1 A ตัวหัวชาร์จจะระเบิดได้ เครื่องเราอาจจะเสียตามไปด้วย
ต้องใช้แบบ 2.1
ผมก็เชื่อร้านครับ ซื้อตาม(หูโครสเบาครับ เพราะไม่เคยได้ยินเรื่องพรรค์นี้มาก่อนเลย) ทั้งที่ชาร์จรถยนต์และไฟบ้าน
ตอนนี้เลยอยากถามว่า เรื่องที่ร้านบอกมันจริงมั้ยครับ (เจือกไม่ถามก่อนซื้อ ๕๕๕)