ผมเคยตั้งกระทู้ถึงร้านถูกใจ ไปหลายครั้ง แต่ลองย้อนไปหาที่ยังเหลืออยู่ ก็มีอันเดียว คือ ร้านถูกใจ : เด็กเล่นขายของ
http://ppantip.com/topic/30150430
ก็นำเสนอว่า การทำโครงการร้านถูกใจ ทำแบบไม่ใช่มืออาชีพ ทำการผลาญงบให้หมด ๆ ไปแค่นั้น ไม่ได้ผลอะไรอย่างที่วางเป้าไว้
ซึ่งจะหมดโครงการในสิ้นเดือนนี้ พร้อมกับเงินที่หมดแล้ว
ซึ่งตอนแรกร้านถูกใจ ใช้งบประมาณที่ได้ส่วนหนึ่ง เป็นการจัดส่งสินค้าให้กับร้านถูกใจ โดยผู้ผลิตสินค้าส่งสินค้ามาให้ทางกรมฯ แล้วกรมก็ไปจ้างให้แมคโคร กับบริษัทขนส่งเอกชน เป็นคนส่งของไปยังร้านถูกใจ โดยค่าขนส่ง เป็นค่าใช้จ่ายของรัฐ
หลังจากหมดโครงการแล้ว ในตอนแรก กรมการค้าภายในก็วางแผน จะให้ผู้ผลิตมาช่วยเรื่องการจัดส่งสินค้า ให้กับร้านถูกใจ เช่นถ้าร้านไหน สั่งปลากระป๋อง ก็ให้โรงงานปลากระป๋อง เป็นคนส่งไปให้ร้านถูกใจโดยตรง
แต่คิดว่า ทางผู้ผลิตคงไม่เล่นด้วย เพราะทำแบบนี้ มันคงไม่คุ้มค่าดำเนินการแน่ ๆ สุดท้าย ก็เลยต้องล้มแผนนี้ไป
หลังจากนั้น สัปดาห์ก่อน ก็มีแผนใหม่ เนื่องจากเห็นว่า จริง ๆ แล้ว อคส.เป็นผู้ผลิตข้าวถุง ที่ขายในร้านถูกใจ (ที่ขายถูก แต่อคส.กำไรดี) ซึ่งเป็นสินค้าที่ขายดี น่าจะเป็นสินค้าที่มียอดขายมากกว่า 70% ของยอดขายรวมของร้านถูกใจ ดังนั้น ก็เลยโยนภาระส่งของ ไปให้อคส.รับไป เพราะคงคิดว่า ไหน ๆ อคส.ต้องขนข้าวไปให้ร้านถูกใจที่สั่งอยู่แล้ว ก็พ่วงสินค้าอื่นไปด้วย น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
แต่คิดว่า พออคส.ได้รับมรดกอันนี้ ก็คงตกใจ ที่อยู่ ๆ ได้รับโชคหลายชั้นแบบนี้ เพราะจากที่เมื่อก่อน ทำข้าวถุงขายร้านถูกใจ ต้นทุนข้าวก็ถูก ค่าทำข้าวสารบรรจุถุงก็เบิกได้ แล้วยังไม่ต้องขนไปส่งเองด้วย
มาแบบนี้ นอกจากต้นทุนที่อาจจะเท่าเดิม แต่ค่าบรรจุถุงคงเบิกไม่ได้แล้ว และยังต้องมีหน้าที่ขนไปส่งให้ตามร้านถูกใจอีก
แล้วอยู่ ๆ กรมการค้าภายใน ยังจะมาโยนภาระการส่งสินค้าชนิดอื่น ๆ มาให้เป็นภาระค่าใช้จ่ายของอคส.อีก
ดังนั้นก็คงรีบเอาไปคืน ไม่กล้ารับเอาไว้
ก็ทำให้กรมการค้าภายใน ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร สุดท้ายก็เล่นง่าย ๆ โยนไปหาแมคโคร ให้ร้านถูกใจสั่งซื้อสินค้าผ่านแมคโครโดยตรง
ซึ่งตรงนี้ ถ้าอ่านข่าวดู ก็จะเข้าใจว่า สั่งแมคโคร แล้วแมคโครจะไปส่งให้ แต่ถ้าอ่านให้ครบประโยค จะมีประโยคต่อท้ายอีกนิด
"แต่ให้เปลี่ยนระบบการส่งสินค้า ให้สมาชิกที่มีความเข้มแข็ง ไปสั่งซื้อกับห้างแมคโคทุกสาขาได้โดยตรง ขณะที่ร้านค้าถูกใจส่วนที่เหลือ ที่ไม่สามารถเข้าไปซื้อได้ รัฐบาลจะเข้าไปช่วยด้านบริหารจัดการและให้คำแนะนำต่อไป"
ก็คงหมายความว่า สั่งที่แมคโคร แล้วต้องไปรับของที่แมคโครเองด้วย ถ้าไปไม่ได้ รัฐบาลจะเข้าไปช่วย ด้านบริหารจัดการ (ก็ไม่รู้จะมีอะไรให้บริหารจัดการอีก) และให้คำแนะนำต่อไป (คือไม่มีเงิน ก็ให้ได้แค่กำลังใจแล้ว)
ก็แบบนี้ ไม่รู้ว่า เป็นการโยนทิ้งให้พ้นมือไปเฉย ๆ หรือป่าว แล้วก็ให้แมคโครรับลูกค้าไป ประมาณว่า ถ้าเป็นร้านถูกใจ ต้องไปซื้อของที่แมคโครมาขาย (ผมว่าปกติร้านพวกนี้ ก็คงไปซื้ออยุ่แล้ว และบางแห่งก็คงไปซื้อที่บิ๊กซี โลตัส ที่ใกล้บ้าน แล้วแต่กรณี)
ซึ่งคิดว่าคงทำเป็นข้อตกลง แต่ก็ไม่แน่ใจว่า ร้านถูกใจจะได้อะไรที่พิเศษกว่า ลุกค้าแมคโครปกติ เพราะถ้ามีอะไรพิเศษกว่า ส่วนที่พิเศษนั้น จะมาจากไหน เพราะแมคโครคงไม่จ่ายออกมาแน่ ๆ ซึ่งเมื่อไม่มีคนจ่าย มันคงเป็นไปได้ยากที่จะมีอะไรพิเศษกว่าลูกค้าทั่วไป
มันก็จะเหลืออีกประเด็น ซึ่งหมายถึงสินค้าขายดี สามรายการ คือ ข้าว น้ำมันพืช และน้ำตาลทราย ที่กระทรวงพาณิชย์ ใช้เส้น นำสินค้าในสต๊อกของรัฐ ออกมาทำขายให้ประชาชน ผ่านร้านถูกใจ ในราคาถูกกว่าตลาด เพื่อทำให้ร้านถูกใจเดินหน้ามาได้
แต่พอมาถึงจุดนี้ สินค้าพวกนี้ จะมีเส้นทางการค้าแบบไหน ให้อคส.รับผิดชอบเหมือนเดิม แต่ต้องเพิ่มกระบวนการจัดส่งสินค้าไปด้วย (อคส.กำไรลด หรือไม่ก็ รัฐบาลต้องขายสินค้าให้อคส.ถูกลงไปอีก เพื่อเป็นค่าขนส่ง) หรือว่า จะให้อคส. ส่งไปให้แมคโครช่วยกระจายแทน
ถ้าเป็นกรณีหลัง ผมว่า ยิ่งกว่าโยนลูกค้าให้แมคโคร แค่นั้น มันจะเป็นการช่วยแมคโครเพิ่มยอดขายอีก และนอกจากนั้น ยังเพิ่มสินค้าที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง ให้กับแมคโคร ดึงลูกค้าอื่น ให้เข้าแมคโครมากขึ้น
ดังนั้น ถ้าหากรัฐคิดว่า ไม่มีความสามารถในการทำร้านถูกใจลักษณะนี้ต่อไป แต่ยังอยากขายข้าวในราคาถูกต่อไป ก็น่าที่จะเปิดให้เป็นการขายเสรี ระบายผ่านโมเดิร์นเทรดทั้งหมดไปเลย ไม่ใช่เจาจงเฉพาะแมคโคร เพราะไหน ๆ ก็ต้องไปรับของเอง ก็ให้ร้านค้าถูกใจไปซื้อที่ร้านใกล้บ้าน น่าจะสะดวกกว่า
และการเปิดแบบนี้ โชว์ห่วยที่จะกลายเป็นโชว์สวย ก็จะได้รับประโยชน์ด้วย ไม่ใช่ปิดกั้นให้เฉพาะกลุ่มแบบนี้ เพื่อรักษาชื่อร้านถูกใจ ให้ยังอยู่ต่อไปแค่นั้น
ร้านถูกใจ กลายเป็นหาลูกค้าให้แมคโครซะแล้ว
http://ppantip.com/topic/30150430
ก็นำเสนอว่า การทำโครงการร้านถูกใจ ทำแบบไม่ใช่มืออาชีพ ทำการผลาญงบให้หมด ๆ ไปแค่นั้น ไม่ได้ผลอะไรอย่างที่วางเป้าไว้
ซึ่งจะหมดโครงการในสิ้นเดือนนี้ พร้อมกับเงินที่หมดแล้ว
ซึ่งตอนแรกร้านถูกใจ ใช้งบประมาณที่ได้ส่วนหนึ่ง เป็นการจัดส่งสินค้าให้กับร้านถูกใจ โดยผู้ผลิตสินค้าส่งสินค้ามาให้ทางกรมฯ แล้วกรมก็ไปจ้างให้แมคโคร กับบริษัทขนส่งเอกชน เป็นคนส่งของไปยังร้านถูกใจ โดยค่าขนส่ง เป็นค่าใช้จ่ายของรัฐ
หลังจากหมดโครงการแล้ว ในตอนแรก กรมการค้าภายในก็วางแผน จะให้ผู้ผลิตมาช่วยเรื่องการจัดส่งสินค้า ให้กับร้านถูกใจ เช่นถ้าร้านไหน สั่งปลากระป๋อง ก็ให้โรงงานปลากระป๋อง เป็นคนส่งไปให้ร้านถูกใจโดยตรง
แต่คิดว่า ทางผู้ผลิตคงไม่เล่นด้วย เพราะทำแบบนี้ มันคงไม่คุ้มค่าดำเนินการแน่ ๆ สุดท้าย ก็เลยต้องล้มแผนนี้ไป
หลังจากนั้น สัปดาห์ก่อน ก็มีแผนใหม่ เนื่องจากเห็นว่า จริง ๆ แล้ว อคส.เป็นผู้ผลิตข้าวถุง ที่ขายในร้านถูกใจ (ที่ขายถูก แต่อคส.กำไรดี) ซึ่งเป็นสินค้าที่ขายดี น่าจะเป็นสินค้าที่มียอดขายมากกว่า 70% ของยอดขายรวมของร้านถูกใจ ดังนั้น ก็เลยโยนภาระส่งของ ไปให้อคส.รับไป เพราะคงคิดว่า ไหน ๆ อคส.ต้องขนข้าวไปให้ร้านถูกใจที่สั่งอยู่แล้ว ก็พ่วงสินค้าอื่นไปด้วย น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
แต่คิดว่า พออคส.ได้รับมรดกอันนี้ ก็คงตกใจ ที่อยู่ ๆ ได้รับโชคหลายชั้นแบบนี้ เพราะจากที่เมื่อก่อน ทำข้าวถุงขายร้านถูกใจ ต้นทุนข้าวก็ถูก ค่าทำข้าวสารบรรจุถุงก็เบิกได้ แล้วยังไม่ต้องขนไปส่งเองด้วย
มาแบบนี้ นอกจากต้นทุนที่อาจจะเท่าเดิม แต่ค่าบรรจุถุงคงเบิกไม่ได้แล้ว และยังต้องมีหน้าที่ขนไปส่งให้ตามร้านถูกใจอีก
แล้วอยู่ ๆ กรมการค้าภายใน ยังจะมาโยนภาระการส่งสินค้าชนิดอื่น ๆ มาให้เป็นภาระค่าใช้จ่ายของอคส.อีก
ดังนั้นก็คงรีบเอาไปคืน ไม่กล้ารับเอาไว้
ก็ทำให้กรมการค้าภายใน ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร สุดท้ายก็เล่นง่าย ๆ โยนไปหาแมคโคร ให้ร้านถูกใจสั่งซื้อสินค้าผ่านแมคโครโดยตรง
ซึ่งตรงนี้ ถ้าอ่านข่าวดู ก็จะเข้าใจว่า สั่งแมคโคร แล้วแมคโครจะไปส่งให้ แต่ถ้าอ่านให้ครบประโยค จะมีประโยคต่อท้ายอีกนิด
"แต่ให้เปลี่ยนระบบการส่งสินค้า ให้สมาชิกที่มีความเข้มแข็ง ไปสั่งซื้อกับห้างแมคโคทุกสาขาได้โดยตรง ขณะที่ร้านค้าถูกใจส่วนที่เหลือ ที่ไม่สามารถเข้าไปซื้อได้ รัฐบาลจะเข้าไปช่วยด้านบริหารจัดการและให้คำแนะนำต่อไป"
ก็คงหมายความว่า สั่งที่แมคโคร แล้วต้องไปรับของที่แมคโครเองด้วย ถ้าไปไม่ได้ รัฐบาลจะเข้าไปช่วย ด้านบริหารจัดการ (ก็ไม่รู้จะมีอะไรให้บริหารจัดการอีก) และให้คำแนะนำต่อไป (คือไม่มีเงิน ก็ให้ได้แค่กำลังใจแล้ว)
ก็แบบนี้ ไม่รู้ว่า เป็นการโยนทิ้งให้พ้นมือไปเฉย ๆ หรือป่าว แล้วก็ให้แมคโครรับลูกค้าไป ประมาณว่า ถ้าเป็นร้านถูกใจ ต้องไปซื้อของที่แมคโครมาขาย (ผมว่าปกติร้านพวกนี้ ก็คงไปซื้ออยุ่แล้ว และบางแห่งก็คงไปซื้อที่บิ๊กซี โลตัส ที่ใกล้บ้าน แล้วแต่กรณี)
ซึ่งคิดว่าคงทำเป็นข้อตกลง แต่ก็ไม่แน่ใจว่า ร้านถูกใจจะได้อะไรที่พิเศษกว่า ลุกค้าแมคโครปกติ เพราะถ้ามีอะไรพิเศษกว่า ส่วนที่พิเศษนั้น จะมาจากไหน เพราะแมคโครคงไม่จ่ายออกมาแน่ ๆ ซึ่งเมื่อไม่มีคนจ่าย มันคงเป็นไปได้ยากที่จะมีอะไรพิเศษกว่าลูกค้าทั่วไป
มันก็จะเหลืออีกประเด็น ซึ่งหมายถึงสินค้าขายดี สามรายการ คือ ข้าว น้ำมันพืช และน้ำตาลทราย ที่กระทรวงพาณิชย์ ใช้เส้น นำสินค้าในสต๊อกของรัฐ ออกมาทำขายให้ประชาชน ผ่านร้านถูกใจ ในราคาถูกกว่าตลาด เพื่อทำให้ร้านถูกใจเดินหน้ามาได้
แต่พอมาถึงจุดนี้ สินค้าพวกนี้ จะมีเส้นทางการค้าแบบไหน ให้อคส.รับผิดชอบเหมือนเดิม แต่ต้องเพิ่มกระบวนการจัดส่งสินค้าไปด้วย (อคส.กำไรลด หรือไม่ก็ รัฐบาลต้องขายสินค้าให้อคส.ถูกลงไปอีก เพื่อเป็นค่าขนส่ง) หรือว่า จะให้อคส. ส่งไปให้แมคโครช่วยกระจายแทน
ถ้าเป็นกรณีหลัง ผมว่า ยิ่งกว่าโยนลูกค้าให้แมคโคร แค่นั้น มันจะเป็นการช่วยแมคโครเพิ่มยอดขายอีก และนอกจากนั้น ยังเพิ่มสินค้าที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง ให้กับแมคโคร ดึงลูกค้าอื่น ให้เข้าแมคโครมากขึ้น
ดังนั้น ถ้าหากรัฐคิดว่า ไม่มีความสามารถในการทำร้านถูกใจลักษณะนี้ต่อไป แต่ยังอยากขายข้าวในราคาถูกต่อไป ก็น่าที่จะเปิดให้เป็นการขายเสรี ระบายผ่านโมเดิร์นเทรดทั้งหมดไปเลย ไม่ใช่เจาจงเฉพาะแมคโคร เพราะไหน ๆ ก็ต้องไปรับของเอง ก็ให้ร้านค้าถูกใจไปซื้อที่ร้านใกล้บ้าน น่าจะสะดวกกว่า
และการเปิดแบบนี้ โชว์ห่วยที่จะกลายเป็นโชว์สวย ก็จะได้รับประโยชน์ด้วย ไม่ใช่ปิดกั้นให้เฉพาะกลุ่มแบบนี้ เพื่อรักษาชื่อร้านถูกใจ ให้ยังอยู่ต่อไปแค่นั้น