......................ผู้เชี่ยวชาญโรคติดต่อเตือนทั่วโลกอยู่ห่างจากค้างคาว หลังพบเด็กชายวัย 8 ขวบ เสียชีวิตจากไวรัสค้างคาวเป็นรายที่ 3 ของออสเตรเลีย
นายแพทย์โจชัว ฟรานซิส และแพทย์หญิงแคลร์ นูร์ส จากโรงพยาบาลเด็กเมเทอร์ ในเมืองบริสเบน ออสเตรเลีย กล่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมโรคติดต่อว่า เด็กชายคนดังกล่าวเสียชีวิตเมื่อเดือนที่แล้ว ด้วยการติดเชื้อลิสซาไวรัสค้างคาวออสเตรเลีย หรือ เอบีแอลวี ซึ่งยังไม่มีวิธีรักษา
นายแพทย์ฟรานซิส ระบุว่า เด็กชายรายดังกล่าว ถูกค้างคาวกัดระหว่างไปพักผ่อนกับครอบครัวในรัฐควีนส์แลนด์ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว แต่ไม่ได้บอกพ่อแม่ให้รับทราบ หลังจากนั้น 3 สัปดาห์ เด็กชายก็เริ่มมีอาการปวดบริเวณท้องน้อยอย่างหนัก และเป็นไข้ ตามมาด้วยอาการทางสมอง และมีอาการเข้าขั้นโคม่า ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นายแพทย์รายนี้ กล่าวด้วยว่า การออกคำเตือนให้หลีกเลี่ยงค้างคาวทั่วโลกนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะอันตรายจากสัตว์ชนิดนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะ แม้จะอยู่ห่างไกลจากค้างคาว ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้จากคนสู่คน ผ่านการสัมผัสน้ำลาย หรือเนื้อเยื่อของผู้ติดเชื้อ
จนถึงขณะนี้ ผู้ติดเชื้อเอบีแอลวีเสียชีวิตทุกราย จึงจำเป็นต้องเพิ่มความระวังในความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสค้างคาว โดยที่ผ่านมามีการตรวจพบเชื้อนี้เป็นครั้งแรกในค้างคาวออสเตรเลีย และจิ้งจอกบิน ส่วนการติดเชื้อแบบคนสู่คนนั้นเกิดขึ้นได้ยากมาก
นอกจากนี้ ยังพบลิสซาไวรัสสายพันธุ์อื่นๆ ในค้างคาวในสหรัฐ และยุโรป ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่า คำเตือนที่ออกมาครอบคลุมถึงทุกสถานที่ที่มีสัตว์ประเภทค้างคาว และจิ้งจอกบินอาศัยอยู่
ที่มา
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/world/20130322/496415/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A7.html
เตือนทั่วโลกระวังไวรัสค้างคาว
นายแพทย์โจชัว ฟรานซิส และแพทย์หญิงแคลร์ นูร์ส จากโรงพยาบาลเด็กเมเทอร์ ในเมืองบริสเบน ออสเตรเลีย กล่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมโรคติดต่อว่า เด็กชายคนดังกล่าวเสียชีวิตเมื่อเดือนที่แล้ว ด้วยการติดเชื้อลิสซาไวรัสค้างคาวออสเตรเลีย หรือ เอบีแอลวี ซึ่งยังไม่มีวิธีรักษา
นายแพทย์ฟรานซิส ระบุว่า เด็กชายรายดังกล่าว ถูกค้างคาวกัดระหว่างไปพักผ่อนกับครอบครัวในรัฐควีนส์แลนด์ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว แต่ไม่ได้บอกพ่อแม่ให้รับทราบ หลังจากนั้น 3 สัปดาห์ เด็กชายก็เริ่มมีอาการปวดบริเวณท้องน้อยอย่างหนัก และเป็นไข้ ตามมาด้วยอาการทางสมอง และมีอาการเข้าขั้นโคม่า ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นายแพทย์รายนี้ กล่าวด้วยว่า การออกคำเตือนให้หลีกเลี่ยงค้างคาวทั่วโลกนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะอันตรายจากสัตว์ชนิดนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะ แม้จะอยู่ห่างไกลจากค้างคาว ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้จากคนสู่คน ผ่านการสัมผัสน้ำลาย หรือเนื้อเยื่อของผู้ติดเชื้อ
จนถึงขณะนี้ ผู้ติดเชื้อเอบีแอลวีเสียชีวิตทุกราย จึงจำเป็นต้องเพิ่มความระวังในความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสค้างคาว โดยที่ผ่านมามีการตรวจพบเชื้อนี้เป็นครั้งแรกในค้างคาวออสเตรเลีย และจิ้งจอกบิน ส่วนการติดเชื้อแบบคนสู่คนนั้นเกิดขึ้นได้ยากมาก
นอกจากนี้ ยังพบลิสซาไวรัสสายพันธุ์อื่นๆ ในค้างคาวในสหรัฐ และยุโรป ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่า คำเตือนที่ออกมาครอบคลุมถึงทุกสถานที่ที่มีสัตว์ประเภทค้างคาว และจิ้งจอกบินอาศัยอยู่
ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/world/20130322/496415/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A7.html