เรื่องเอกสาร อย่างงี้ผ่าน อย่างงี้ไม่ผ่าน ผมไม่มีความรู้พอจะแนะนำ
เอาเป็นว่าขอมาแนะนำเรื่องทั่วๆไปสำหรับคนทำวีซ่าไปเยอรมันก็แล้วกันครับ
- ต้องโทรนัดก่อน แล้วก็ไม่ต้องไปก่อนเวลามาก สักชั่วโมงถึงชั่วโมงครึ่งก็พอ เพราะยังไงก็ได้เข้าไปสัมภาษณ์ตามเวลาที่นัดครับ แล้วขั้นตอนตั้งแต่หน้าสถานฑูตจนไปนั่งรอสัมภาษณ์ก็กินเวลาไม่นานครับ (ยกเว้นคิวแรกๆของวัน ต้องรีบมาต่อแถวครับ เพราะแถวตอนเช้ายาวมาก)
- ถ้ามาจากต่างจังหวัด หาทางขึ้น MRT มาลงสถานีลุมพินี (ถ้าผมจำไม่ผิดนะ) เดินมาตามถนนสาทร สถานฑูตห่างสถานีประมาณ 300 เมตรครับ
- ด่านแรกคือตรวจร่างกายกับกระเป๋า กระเป๋าที่ผ่านการตรวจแล้วเอาเข้าไปได้ครับ แต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดต้องฝากไว้
- ด่านสองนี่แหละครับ ที่คนบ่นกันเยอะที่สุด เป็นพี่ผู้ชายที่รับเลขจองคิว กับแจกบัตรคิวครับ โคตะระดุครับ ยิ่งผู้หญิงแต่งตัวเปรี้ยวๆยิ่งโดนหนัก ทางที่ดีคือ จดเลขจองที่ได้รับใส่กระดาษตัวโตๆแลวทาบกระจกให้แกเห็นนั่นแหละครับ เดี๋ยวแกก็เขียนคิวให้เราเอง แล้วก็ไม่ต้องไปต่อล้อต่อเถียงอะไรกับแกทั้งนั้น ที่สำคัญ ไม่ต้องถามอะไรแกทั้งนั้น ข้างในยังมีเข้าหน้าที่ให้ถามอีกเยอะครับ
- ไม่มีเลขจองคิว ไม่รับบัตรคิวกับพี่ดุข้างหน้า จะไม่ได้รับการดำเนินการใดๆต่อทั้งสิ้นนะครับ
- รับบัตรคิวแล้ว เอามาให้เจ้าหน้าที่ตรงทางขึ้นบันไดดูครับ เพื่อที่เขาจะได้เช็คว่าเรามาแล้ว แล้วก็จะแจ้งเวลาสัมภาษณ์ให้กับเรา
- จากนั้นก็นั่งรอ ระหว่างรอก็มองรอบๆไปด้วย สังเกตเรื่องราวต่างๆมาเล่าให้คนอื่นฟัง (555)
- ถึงเวลาแล้ว ถ้าเป็นเชงเกนเขาจะเรียกคนรอบเวลานั้นๆให้ขึ้นไปได้ครับ แต่ถ้าเป็นระยะยาวต้องจำเวลาเอาเอง
- เมื่อได้เดินขึ้นบันไดเข้าไปโซนด้านในแล้ว เอาบัตรคิวไปจ่อมที่ช่องที่เราจะสัมภาษณ์ ย้ำ!!!! นะครับ เอาไปจ่อม ไม่ใช่ถือไว้กับตัว มิเช่นนั้นรอจนเย็น เจ้าหน้าที่สัมภาษณ์เขาก็ไม่เรียกครับ เพราะเขาไม่รู้ว่าคุณมาแล้ว
- บริเวณด้านในจะมีเจ้าหน้าที่ผู้ชายฮาๆ คนนึงแกจะชวนเล่นมุขไปเรื่อยครับ คลายเครียดได้ดีทีเดียว สงสัยอะไรก็ถามแกได้
- ตอนสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่คนไทย แต่ต้องระลึกไว้เสมอว่า เขามีหน้าที่แค่ตรวจเอกสาร ส่วนผู้อนุมัติคือทางการของเยอรมัน สำหรับใครที่เขาตีเอกสารกลับ คือถึงเขาส่งเรื่องขึ้นไป วีซ่าก็ไม่ผ่านแน่นอน ดังนั้นถ้าถูกปฏิเสธการรับเอกสาร แทนที่จะโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง สอบถามเขาดีๆดีกว่าครับ ว่าต้องทำอะไรเพิ่มเติมบ้าง
- เอกสารไม่ครบ เรียงเอกสารไม่เรียบร้อย เหตุผลไม่ชัดเจน ตอบตะกุกตะกัก โดนดุหนักแน่นอนครับ
- ผู้หญิง 20 - 40 เดินทางคนเดียว มาขอวีซ่าจะโดนเพ่งเล็งเป็นพิเศษครับ ทำใจล่วงหน้าได้เลย
- เตรียมเงินไป 3000 ต่อคนครับ แบงค์พันสองใบ ที่เหลือแบงค์ร้อย เผื่อถ่ายรูปซ่อม(ด้านในมีบริการ) กับจ่ายค่าวีซ่า ค่าส่งวีซ่า แล้วก็ข้างในไม่ค่อยมีเงินทอนนะครับ ผมเห็นมาขอแลกตังค์กันวุ่นไปหมด
- เตรียมเหรียญไปเผื่อถ่ายเอกสารด้านในด้วยครับ
- ถ้ากังวลใจสุดๆ จ้างบริษัทเอเยนซี่ทัวร์ให้ดำเนินการเตรียมการให้ได้ครับ จองตั๋วเครื่องบินกับเขาด้วยเลยก็ได้ เขาจะดำเนินการตรวจเอกสารเบื้องต้น กับทำประกันให้ อย่างไรก็ตาม เราต้องไปทำวีซ่าเองอยู่ดี ซึ่งบางทัวร์ที่ดีๆ เขาตามไปไกด์ให้เราถึงในสถานฑูตเลยครับ
- สายการบินไปเยอรมันที่ผมสำรวจมา (ผมมาเบอร์ลินครับ) แล้วราคาพอสู้ไหวคือ Lufhansa, Egypt Air, Jet Airways และ Turkish Airline ครับ เปลี่ยนเครื่องหนึ่งครั้งหมด ยกเว้น Jet Airways เปลี่ยนสองครั้ง (ที่มุมไบครั้งนึงซะด้วย)
ไว้นึกอะไรออกจะมาเพิ่มให้อีกครับ
แนะนำสำหรับคนทำวีซ่าไปเยอรมัน
เอาเป็นว่าขอมาแนะนำเรื่องทั่วๆไปสำหรับคนทำวีซ่าไปเยอรมันก็แล้วกันครับ
- ต้องโทรนัดก่อน แล้วก็ไม่ต้องไปก่อนเวลามาก สักชั่วโมงถึงชั่วโมงครึ่งก็พอ เพราะยังไงก็ได้เข้าไปสัมภาษณ์ตามเวลาที่นัดครับ แล้วขั้นตอนตั้งแต่หน้าสถานฑูตจนไปนั่งรอสัมภาษณ์ก็กินเวลาไม่นานครับ (ยกเว้นคิวแรกๆของวัน ต้องรีบมาต่อแถวครับ เพราะแถวตอนเช้ายาวมาก)
- ถ้ามาจากต่างจังหวัด หาทางขึ้น MRT มาลงสถานีลุมพินี (ถ้าผมจำไม่ผิดนะ) เดินมาตามถนนสาทร สถานฑูตห่างสถานีประมาณ 300 เมตรครับ
- ด่านแรกคือตรวจร่างกายกับกระเป๋า กระเป๋าที่ผ่านการตรวจแล้วเอาเข้าไปได้ครับ แต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดต้องฝากไว้
- ด่านสองนี่แหละครับ ที่คนบ่นกันเยอะที่สุด เป็นพี่ผู้ชายที่รับเลขจองคิว กับแจกบัตรคิวครับ โคตะระดุครับ ยิ่งผู้หญิงแต่งตัวเปรี้ยวๆยิ่งโดนหนัก ทางที่ดีคือ จดเลขจองที่ได้รับใส่กระดาษตัวโตๆแลวทาบกระจกให้แกเห็นนั่นแหละครับ เดี๋ยวแกก็เขียนคิวให้เราเอง แล้วก็ไม่ต้องไปต่อล้อต่อเถียงอะไรกับแกทั้งนั้น ที่สำคัญ ไม่ต้องถามอะไรแกทั้งนั้น ข้างในยังมีเข้าหน้าที่ให้ถามอีกเยอะครับ
- ไม่มีเลขจองคิว ไม่รับบัตรคิวกับพี่ดุข้างหน้า จะไม่ได้รับการดำเนินการใดๆต่อทั้งสิ้นนะครับ
- รับบัตรคิวแล้ว เอามาให้เจ้าหน้าที่ตรงทางขึ้นบันไดดูครับ เพื่อที่เขาจะได้เช็คว่าเรามาแล้ว แล้วก็จะแจ้งเวลาสัมภาษณ์ให้กับเรา
- จากนั้นก็นั่งรอ ระหว่างรอก็มองรอบๆไปด้วย สังเกตเรื่องราวต่างๆมาเล่าให้คนอื่นฟัง (555)
- ถึงเวลาแล้ว ถ้าเป็นเชงเกนเขาจะเรียกคนรอบเวลานั้นๆให้ขึ้นไปได้ครับ แต่ถ้าเป็นระยะยาวต้องจำเวลาเอาเอง
- เมื่อได้เดินขึ้นบันไดเข้าไปโซนด้านในแล้ว เอาบัตรคิวไปจ่อมที่ช่องที่เราจะสัมภาษณ์ ย้ำ!!!! นะครับ เอาไปจ่อม ไม่ใช่ถือไว้กับตัว มิเช่นนั้นรอจนเย็น เจ้าหน้าที่สัมภาษณ์เขาก็ไม่เรียกครับ เพราะเขาไม่รู้ว่าคุณมาแล้ว
- บริเวณด้านในจะมีเจ้าหน้าที่ผู้ชายฮาๆ คนนึงแกจะชวนเล่นมุขไปเรื่อยครับ คลายเครียดได้ดีทีเดียว สงสัยอะไรก็ถามแกได้
- ตอนสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่คนไทย แต่ต้องระลึกไว้เสมอว่า เขามีหน้าที่แค่ตรวจเอกสาร ส่วนผู้อนุมัติคือทางการของเยอรมัน สำหรับใครที่เขาตีเอกสารกลับ คือถึงเขาส่งเรื่องขึ้นไป วีซ่าก็ไม่ผ่านแน่นอน ดังนั้นถ้าถูกปฏิเสธการรับเอกสาร แทนที่จะโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง สอบถามเขาดีๆดีกว่าครับ ว่าต้องทำอะไรเพิ่มเติมบ้าง
- เอกสารไม่ครบ เรียงเอกสารไม่เรียบร้อย เหตุผลไม่ชัดเจน ตอบตะกุกตะกัก โดนดุหนักแน่นอนครับ
- ผู้หญิง 20 - 40 เดินทางคนเดียว มาขอวีซ่าจะโดนเพ่งเล็งเป็นพิเศษครับ ทำใจล่วงหน้าได้เลย
- เตรียมเงินไป 3000 ต่อคนครับ แบงค์พันสองใบ ที่เหลือแบงค์ร้อย เผื่อถ่ายรูปซ่อม(ด้านในมีบริการ) กับจ่ายค่าวีซ่า ค่าส่งวีซ่า แล้วก็ข้างในไม่ค่อยมีเงินทอนนะครับ ผมเห็นมาขอแลกตังค์กันวุ่นไปหมด
- เตรียมเหรียญไปเผื่อถ่ายเอกสารด้านในด้วยครับ
- ถ้ากังวลใจสุดๆ จ้างบริษัทเอเยนซี่ทัวร์ให้ดำเนินการเตรียมการให้ได้ครับ จองตั๋วเครื่องบินกับเขาด้วยเลยก็ได้ เขาจะดำเนินการตรวจเอกสารเบื้องต้น กับทำประกันให้ อย่างไรก็ตาม เราต้องไปทำวีซ่าเองอยู่ดี ซึ่งบางทัวร์ที่ดีๆ เขาตามไปไกด์ให้เราถึงในสถานฑูตเลยครับ
- สายการบินไปเยอรมันที่ผมสำรวจมา (ผมมาเบอร์ลินครับ) แล้วราคาพอสู้ไหวคือ Lufhansa, Egypt Air, Jet Airways และ Turkish Airline ครับ เปลี่ยนเครื่องหนึ่งครั้งหมด ยกเว้น Jet Airways เปลี่ยนสองครั้ง (ที่มุมไบครั้งนึงซะด้วย)
ไว้นึกอะไรออกจะมาเพิ่มให้อีกครับ