** ไอ้หนูมหัศจรรย์ "ไมเคิล โอเว่น" ประกาศแขวนสตั๊ดแล้ว *** ขอบคุณครับ ไมเคิล โอเว่น กับความทรงจำดีๆที่มีให้แฟน

กระทู้สนทนา
***ขอลงข่าวก่อนนะครับ***

"ขอขอบคุณเครดิตของเนื้อหาข่าวทั้งหมดจากเว็บไซต์ M-Thai มา ณ ที่นี้ด้วยครับ"

ไมเคิล โอเว่น (Michael Owen) อดีตดาวดังทีมชาติอังกฤษที่ปัจจุบันค้าแข้งกับ สโต๊ค ซิตี้ ประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการหลังจบฤดูกาลนี้ ด้วยวัยเพียง 33 ปี ซึ่งเรื่องนี้เจ้าตัวได้กล่าวว่า

“ผมขอประกาศเจตนารมณ์ของผมว่า ผมจะเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพหลังจบฤดูกาลนี้ จากย่างก้าวในวงการฟุตบอลที่เป็นเยาวชนของลิเวอร์พูล และประเดิมสนามนัดแรกด้วยวัย 17 ปี ก่อนที่ผมจะย้ายไปอยู่เรอัล มาดริด, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และสโต็ค ซิตี้ ซึ่งยังไม่นับรวมการลงเล่นให้ทีมชาติอีก 89 เกมของผม ผมรู้สึกว่า นี่คือเวลาอันเหมาะสมที่จะอำลาอาชีพการค้าแข้งของตัวเอง”

“ผมโชคดีมากที่อาชีพของผมได้พาผมเดินทางมาไกลอย่างที่นักเตะดาวรุ่งหลายๆคนใฝ่ฝัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้น หากไม่มีการสนับสนุนที่ยอดเยี่ยมจากผู้จัดการทีม, โค้ช, สตาฟฟ์ รวมถึงแฟนบอล และสปอนเซอร์ส่วนตัวของผม ซึ่งผมอยากขอบคุณทุกคนกับหน้าที่ของพวกเขาสำหรับความช่วยเหลือที่ผมได้รับ และทำให้ผมได้อยู่บนจุดสูงสุดในอาชีพ”



นอกจากนี้ ผมอยากขอบคุณครอบครัวของผม หลุยส์ ภรรยาที่น่ารักของผมกับการสนับสนุนที่ไม่มีวันหมดของเธอ ตลอดเวลาในช่วงที่ดีและย่ำแย่ พร้อมกับของขวัญล้ำค่าที่สุดที่เธอมอบให้นั่นคือลูกๆ ส่วนคุณแม่ของผม ที่มักได้รับฟังเรื่องความผิดหวังของผม แต่นั่นก็ทำให้ครอบครัวของพวกเราสนิทกัน ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ได้สร้างรากฐานให้กับความสำเร็จของผม”

สำหรับ โอเว่น ที่เริ่มต้นค้าแข้งจากการเป็นดาวรุ่ง ลิเวอร์พูล (1996-2004) สร้างชื่อได้อย่างรวดเร็วกับต้นสังกัด ก่อนจะก้าวไปติดทีมชาติอังกฤษในปี 1998 ก่อนที่ในปี 2001 ชื่อของ โอเว่น ได้ถูกบันทึกให้เป็นนักเตะบัลลงดอร์ จากผลงาน 3 แชมป์ในซีซั่น 2000/01 (เอฟเอคัพ, ลีกคัพ, ยูฟ่าคัพ) รวมถึงการคว้าถาดคอมมูนิตี้ ชิลด์ และยูฟ่า ซูเปอร์คัพ ได้อีกในปีนั้น

อย่างไรก็ตาม ในปี 2004 เจ้าตัวได้ย้ายไปร่วมทีมเรอัล มาดริด แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ และย้ายมาร่วมทีม นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แต่ฟอร์มก็ไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนเดิม ก่อนจะอยู่จนครบสัญญาในปี 2009 และเป็นนักเตะฟรีเอเยนต์ จนกระทั่งนักเตะอดีตเจ้าของฉายา “เบบี้โกล์” ได้ตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอยู่กับ “ปีศาจแดง” 3 ซีซั่น และได้แชมป์ลีกคัพ, คอมมูนิตี้ ชิลด์ รวมถึงแชมป์ พรีเมียร์ลีก ที่เจ้าตัวปรารถนาในฤดูกาล 2010/11  แต่ด้วยวัยที่โรยรา สุดท้ายเจ้าตัวได้ถูก แมนยูไนเต็ด แยกทาง ก่อนจะเลือกเซ็นสัญญากับ สโต๊ค ซิตี้ สโมสรที่เป็นเส้นทางอาชีพค้าแข้งสุดท้ายในที่สุด



**ส่งท้าย**

     ถึงช่วงหลายปีหลังมานี้ผมจะไม่ค่อยชอบ "โอเว่น" จากกรณีการย้ายออกจากลิเวอร์พูลและนิวคาสเซิลแบบขัดใจแฟนบอล  แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในช่วงเวลาหนึ่ง "โอเว่น" คือคนที่ทำให้วงการฟุตบอลอังกฤษทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติมีสีสันขึ้นมาอย่างน่าประทับใจ  นี่ถ้าเจ้าตัวไม่ติดปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บเรื้อรังผมเชื่อขนมยายแม้วกินเลยว่า "โอเว่น" คงไปได้ไกลในอาชีพค้าแข้งมากกว่าที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันมาก  และถึงแม้หลายคนจะไม่ชอบ "โอเว่น" จากการกระทำที่ออกแนว "เพลงดังจากวงฟลาย" ของเขาที่มีต่อสโมสรลิเวอร์พูลและนิวคาสเซิล  

     แต่ "โอเว่น" ก็ถือเป็นนักฟุตบอลระดับตำนานคนหนึ่งที่โลดแล่นอยู่ในวงการพร้อมฝากชื่อเสียงและวีรกรรมต่างๆเอาไว้อย่างมากมาย  และสำหรับแฟนบอลที่มีอายุตั้งแต่25-30กว่าๆขึ้นไปผมเชื่อว่าแทบทั้งหมดล้วนเติบโตขึ้นมาพร้อมๆกับการก้าวย่างไปในอาชีพค้าแข้งของไอ้หนูมหัศจรรย์คนนี้  ดังนั้น "โอเว่น" จึงเปรียบเสทมือนตำนานบทหนึ่งในหน้าชีวิตของแฟนบอลหลายๆคนเช่นกัน  หวังว่าชีวิตหลังการแขวนสตั๊ดของไอ้หนูมหัศจรรย์คนนี้จะพบพาแต่ความสงบสุขและเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นตลอดไป  ขอบใจ "ไมเคิล โอเว่น" จริงๆที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ชีวิตของผมและใครต่อใครอีกหลายคนในช่วงเวลา15ปีที่ผ่านมา  

..ขอบคุณครับ..

(May the Spoil be with you)
ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่