เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ตั้งกระทู้ทีไรก็ดรามากันไม่รู้จบ
ประเภทที่พอคุยกันได้ก้คือ คนที่เดินสายกลาง
ทั้งที่นับถือและไม่นับถือศาสนา

ว่ากันตามจริง
คนที่นับถือศาสนา เมื่อถึงที่สุด เช่น พุทธศาสนาท่านก็บอกให้ทิ้งแพคือศาสนาไปเสีย
เพราะเป็นตัวขัดขวางและภาระถ่วงหนักที่จะก้าวเดินให้สูงต่อไป
แต่สิ่งที่ท่านไม่ให้ทิ้งเลยก็คือธรรมะหรือคุณงามความดีนั่นเอง
ซึ่งก็ตรงกันกับคนที่ไม่นับถือศาสนานั่นเอง
สิ่งที่คนไม่นับถือศาสนาเขาทำได้ก่อน ก็คือทิ้งยี่ห้อทิ้งสัญลักษณ์หรือแพได้ก่อน
แล้วตรงเข้าหาธรรมเลย...

แต่ที่ยังระแวงกันอยู่
ก็คือคนนับถือศาสนา เกรงว่า คนไม่นับถือศาสนาก็คือพวกที่ไม่เอาความดีอะไรแล้ว ปล่อยตัวปล่อยใจตามกิเลส เอาความมันส์สะใจเข้าว่า
คนที่ไม่นับถือศาสนา ก็เชื่อว่า คนที่นับถือนั้น เป็นพวกงมงายกับพิธีกรรมปัญญาอ่อน ยังพึ่งตนเองไม่ได้ และที่สำคัญ คลั่งศาสนา
ซึ่งภาพความเชื่อเหล่านี้ ลบยาก

แต่ถ้าหากเปิดใจ
เราจะได้พบส่วนดีของก้นและกันอยู่
ภาพครอบครัวที่นับถือศาสนาจูงมือกันไปทำบุญ ภาพนี้ภาพเดียวก็สะเทือนถึงดวงดาว เพราะมีความงดงามปรากฏอยู๋
ภาพครอบครัวที่ไม่นับถือศาสนา จูงมือกันไปพัฒนาที่สาธารณะ ก็เช่นกัน
ผมจึงไม่เคยเถียงเรื่องเหล่านี้ ไม่อยากเสียเวลาเถียงด้วย
ขอเพียงเรามองกัน ด้วยความเป็นกัลยาณมิตร
เท่านั้นเอง....

เราละเกลี๊ยดเกลียดพวกที่ชอบมองคนไม่มีศาสนาในแง่ไม่ดี หรือบางคนก็มองในแง่สมเพชเวทนามั่งละ คิดว่าสิ่งที่ตัวเองนับถือกันอยู่มันดีที่สุดในโลกแล้วหรือไง ที่ใครๆจะต้องทำตาม จะต้องเห็นด้วยว่ามันดี ใครที่มองไม่เห็นว่ามันดีนี่คือชีวิตเขาพลาดแล้ว ชีวิตแย่แล้ว ชีวิตล่องลอยไร้จุดหมาย ตลกสิ้นดีเลย

บางคนคิดแค่ว่าอยากทำตามใจตัวเองให้มากที่สุด ไม่ต้องใส่ใจศาสนา ขอทำดีแค่เท่าที่มันจะไม่ผิดกฎหมายบ้านเมือง แต่เรื่องอื่นนอกนั้นขอทำตามใจ ถ้ามันจะผิดทำนองคลองธรรมบ้าง ทำให้ใครเสียหาย ปวดใจบ้าง แต่กฎหมายว่าไม่ผิด เขาไม่แครฺ์ คนแบบนี้เราก็ไม่โทษเขานะ ไม่เคยคิดว่าเขาเลวด้วย อาจจะเพราะบางทีเราก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ไม่รู้สิ ชีวิตนี้เราเกิดมาเพื่อเสพสุขให้เต็มที่ ชีวิตหลังจากนี้จะมีหรือไม่มีเราไม่สนหรอก เพราะมันพิสูจน์ไม่ไ้ด้ สมมติมีคนสองคนมาบอกเราว่าจะให้เงินก้อนใหญ่ คนแรกบอกเอาไปเลยสดๆตอนนี้ล้านนึง หอบเงินมาเต็มกระเป๋าให้เห็นคาตาเลย แต่อีกคนมาตัวเปล่าแล้วบอกว่าต้องรอไปก่อนอีกสามปีนะ เขาจะให้สามล้านเลย แต่ห้ามรับเงินล้านนึงของคนแรก ซึ่งไม่มีหลักประกันเลยว่าสามปีหลังจากนี้เขาจะกลับมาให้เงินเราจริงๆ มีแค่เสียงลือเสียงเล่าอ้างจากคนรอบตัวเท่านั้นว่ามีคนเคยได้ และคนพวกนั้นที่ได้เงินก็ล้มหายตายจากไปกันหมดแล้ว มีแต่ญาติและเพื่อนที่ร่ำลือกัน ไม่เคยมีรูปถ่ายหรือข่าวอะไรเป็นหลักฐานแสดงการรับเงินนั้นว่าเกิดขึ้นจริง เราคงไม่เพ้อนั่งรอเงินที่คิดว่าน่าจะได้มากกว่าจากใครก็ไม่รู้ที่ไม่รู้ว่าจะให้จริงหรือเปล่าหรอก

การที่เราและใครอีกหลายๆคนเลือกความสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันน่าสมเพชในสายตาหลายๆคนมากนักเหรอ ถ้าอย่างงั้นเราก็ขอบอกว่าคนที่เลือกที่จะไม่ได้ทำอะไรตามใจตัวเองเต็มที่ในตอนนี้ เพื่อหวังผลกับอะไรก็ไม่รู้ที่ยังมาไม่ถึง มองไม่เห็น ไม่รู้ว่าจะมีจริงมั้ย แค่ฟังๆคนเขาพูดเขาสอนกันมาว่ามันมีจริง เป็นยังงั้นยังงี้ เป็นคนน่าสมเพชไม่ต่างกันหรอก

คนไม่มีศาสนาไม่ได้หมายความว่าจะสุดโต่ง ห่าม ขวางโลก   ต้องทำอะไรผิดศีลธรรม  บางคนคิดมากเรื่องศีลธรรมด้วยซ้ำ
มีหลายรูปแบบ  มีหลายความเชื่อ  แล้วไม่ได้วิทยาศาตร์ทุกคน บางคนแนวเพ้อจิตวิญญาณด้วยซ้ำ
ก็เหมือนศาสนายังมีหลายนิกาย  คนไม่สังกัดศาสนาก็มีหลายแนวความคิด  ต่างคนก็ต่างมีความคิดของตัวเอง "ศาสนาของตัวเอง"  
มีแนวคิดมากมายเกิดขึ้นบนโลกนี้ แตกสาขาไปเรื่อย  มันไม่เคยหยุดนิ่ง  มนุษย์เราก็แค่แสวงหากันไปจนกว่าจะเจอตัวเอง
บางคนเชื่อแบบผสมผสาน  จับความเชื่อศาสนานั้นมารวมกับศาสนานี้  
บางคนก็เชื่อในหลักศีลธรรม ความดี เสรีภาพในขอบเขตที่ไม่ไปทำความเดือดร้อนให้คนอื่น
ที่เขาไม่อยากสังกัดศาสนาใดศาสนาหนึ่ง เพราะหลายเหตุผล  บอกไปก็ดราม่าอีก

การอยู่ในสังคมเรื่องพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆมันก็ต้องทำกันไป เป็นวัฒนธรรม มารยาทสังคม  
ส่วนตอนตาย จะมีใครทำพิธีศพให้มั้ย  คงไม่มีใครมาซีเรียสนั่งคิดตรงนี้

สิ่งสำคัญคือ อย่าแบ่งแยกมนุษย์  มีศาสนาหรือไม่มี   อยากให้มองคนทุกคนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์บนโลกใบนี้เหมือนกัน