ตามความเห็นของผมนะครับ

โอตาคุ เป็นคำที่มีที่มาที่ไม่ค่อยจะสู้ดีครับ
คำคำนี้ เกิดจากการที่มีคนกลุ่มหนึ่ง หลงใหลคลั่งไคล้ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างสุดกู่ จนหมดหมุ่นอยู่กับสิ่งนั้นๆจนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
แล้วพฤติกรรมการหมกมุ่น ทำให้คนกลุ่มนี้มักจะปฏิเสธการปฏิสัมพันธ์กับสังคมจนหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน
จึงถูกเรียกว่า โอตาคุ ซึ่งหมายถึง บ้าน นั่นเอง
โอตาคุ มีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น โอตาคุการ์ตูน โอตาคุไอดอล โอตาคุทหาร โอตาคุรถไฟ โอตาคุบลาบลาบลา ...
เพียงแต่โอตาคุการ์ตูนจะเด่นกว่าชาวบ้าน ดังนั้นพอพูดถึงโอตาคุ คนทั่วไปมักจะคิดถึงโอตาคุการ์ตูนก่อนเป็นอันดับแรก

จากที่กล่าวมาข้างต้น
จะเห็นได้ว่า แม้คำว่าโอตาคุ จะใช้เรียกกลุ่มคนที่คลั่งใคล้ในการ์ตูน
แต่ว่า มันก็ไม่ได้เป็นคำศัพท์ ที่คนในวงการผู้เสพการ์ตูน บัญญัติขึ้นมาเรียกตัวเอง
แต่เป็น คำที่ถูกบัญญัติขึ้นโดยคนภายนอก ที่มองคนในวงการต่างหาก

แถมเป็นคำที่มีต้นสายปลายเหตุมาจากมุมมองที่ไม่ดีอีกด้วย

แต่ก็นะ เคยมีคนถามกลับเหมือนกัน
ว่าเมื่อ พูดถึงโอตาคุ คนทั่วไปก็มักจะมองไปถึงคนที่ชื่นชอบการ์ตูน ไม่ใช่รึไง
ถ้าอย่างนั้น คำว่าโอตาคุ ก็น่าจะใช้เรียกคนที่ชอบการ์ตูน ได้เหมือนกันสิ

แต่เดี๋ยวก่อน เรื่องนี้มันมีที่มาที่ไป
คำว่าโอตาคุ กำเนิดขึ้นที่ญี่ปุ่น ดินแดนต้นกำเนิดการ์ตูนสำหรับโอตาคุ
แล้วญี่ปุ่นเนี่ย เป็นดินแดนแห่งการเหมารวม
พูดง่ายๆว่า ถ้ามีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้นในกลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แม้จะเป็นเพียงไม่กี่คนในกลุ่ม แต่ก็จะถูกเหมารวมไปทั้งกลุ่มโดยทันที

อย่างเช่น
ในหมู่นักเรียนช่าง มักจะมีพวกนักเรียนนักเลงอยู่เยอะ ดังนั้น นักเรียนช่างจึงถูกมองว่าต้องเป็นพวกนักเรียนนักเลงชอบใช้กำลัง
พนักงานเงินเดือนมักจะมีพวกการเงินไม่มั่นคง ดังนั้น พนักงานเงินเดือนทั้งหลายก็มักจะถูกมองว่าเป็นพวกการเงินไม่มั่นคงไปทั้งหมด

และแน่นอนว่า ในกลุ่มคนที่ชื่นชอบการ์ตูน จะมีบางส่วนที่หมดมุ่นจนเป็นโอตาคุ แต่ว่าด้วยความที่ญี่ปุ่นมีมุมมองการมองคนแบบนั้น
คนในวงการผู้ชื่นชอบการ์ตูน จึงถูกเหมารวมว่าเป็นโอตาคุกันหมด นั่นเอง


ถ้าอย่างนั้น ในเมื่อ โอตาคุ เป็นคำที่มีความหมายไม่ดี แล้วทำไม คนที่ชอบการ์ตูนแต่ก็ไม่ถึงขั้นเป็นโอตาคุ หลายๆคนในญี่ปุ่น ถึงได้เรียกตนเองว่าเป็นโอตาคุกันหล่ะ
แน่นอนว่าข้อนี้ก็มีที่มาที่ไปเช่นกัน

นี่เป็นพฤติกรรมการป้องกันตนเองทางสังคมแบบหนึ่งครับ
เนื่องจากที่ได้กล่าวไว้ข้องต้นว่าญี่ปุ่นเป็นสังคมแห่งการเหมารวม ดังนั้นคนญี่ปุ่นจึงมักจะแคร์กับสายตาของคนรอบข้างมาก
ไม่อยากจะให้คนรอบข้างมองตนเองแบบแย่ๆ
ดังนั้น ถ้าหากคนไหนเรื่องที่จะทำให้สังคมของตนเองในทางไม่ดี คนคนนั้นก็มักจะพยายามปกปิดเอาไว้ไม่ให้คนทั่วไปรู้
พวกคุณๆที่เคยดูเคยอ่านการ์ตูนกันมา คงจะเคยเห็นในการ์ตูนหลายๆเรื่องใช่ไหมหล่ะครับ
ว่ามีตัวละครที่คลั่งใคล้การ์ตูนหลายๆคน พยายามปกปิดไม่ให้คนทั่วไปหรือแม้แต่เพื่อนฝูงรู้ เพราะกลัวจะถูกมองว่าเป็นโอตาคุ
ทั้งๆที่ระดับความคลั่งใคล้ของตัวละครนั้นๆไม่ถึงขั้นโอตาคุเลยสักนิด

เพราะญี่ปุ่นเป็นสังคมแห่งการเหมารวม

แล้วในเมื่อคนที่ชื่นชอบการ์ตูน กลัวที่จะถูกมองว่าเป็นโอตาคุ แล้วทำไมถึงได้มีคนในวงการเรียกตนเองว่าเป็นโอตาคุได้หล่ะ
ก็นั่นแหละครับ พฤติกรรมการป้องกันตัวเองทางสังคม ที่เรียกว่า พฤติกรรมการป้องตนตนเองแบบกลุ่ม
เนื่องจาก คนที่ชื่นชอบการ์ตูน มักจะถูกคนทั่วไปมองไม่ดี จึงไม่อยากให้คนทั่วไปรู้
แต่ถ้าเป็นกับคนที่ชื่นชอบเหมือนกันหล่ะ
ใช่แล้ว ถึงคนทั่วไปจะมองไม่ดี แต่คนในวงการด้วยกันไม่ได้มองแบบนั้นใช่ไหมหล่ะ
แม้ความชื่นชอบจะไม่กล้าเปิดเผยต่อคนทั่วไป แต่ถ้ากับในกลุ่มคนประเภทเดียวกัน จะสามารถเปิดเผยได้อย่างไม่ต้องกังวลอะไร
จึงทำให้เกิดกลุ่มสังคมของคนที่ชื่นชอบการ์ตูนขึ้นมานั่นเอง

และเมื่อมีกลุ่มสังคมเกิดขึ้น คำที่คนทั่วไปใช้เรียกในทางไม่ดี ก็ถูกคนในกลุ่มสังคมดังกล่าวนำไปใช้ให้ความหมายมันดีขึ้น
คนทั่วไปมองคนชอบการ์ตูนเป็นโอตาคุมองดูถูก
คนในวงการก็จึงรวมกลุ่มป้องกันตนเอง ให้ความหมายของคำว่าโอตาคุลดความรุนแรงลง มองว่าโอตาคุก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
จนท้ายที่สุด คำว่าโอตาคุ ในสายตาคนในวงการหลายต่อหลายคน จึงกลายเป็นคำที่มีความหมายที่ดีขึ้นนั่นเอง


ถ้าอย่างงั้น ในเมื่อในสายตาคนในวงการเสพการ์ตูน คำว่าโอตาคุมันก็ไม่แย่ขนาดนั้น แล้วทำไมถึงมีคนไม่ชอบใจเวลาที่ถูกเรียกว่า โอตาคุหล่ะ

ง่ายๆเลยครับ
ที่คำว่า โอตาคุ ไม่ได้มีความหมายแย่ๆ เป็นเพียงมุมมองของของส่วนหนึ่ง ที่อยู่"ในวงการ"ครับ
แต่ในมุมมองของคนนอก มันก็มองไม่ดีอยู่ดี

ดังนั้น ไม่เกี่ยวว่าคนวงในจะมองยังไง ถ้าคนวงนอกที่เป็นคนส่วนใหญ่มองว่าไม่ดี ต่อให้คนวงในมองว่าเป็นสิ่งเลอเลิศประเสริฐศรีแค่ไหน สังคมก็จะมองว่าเป็นสิ่งไม่ดีอยู่ดี

เอาง่ายๆ การ์ตูนนี่แหละครับ
พวกเรามักจะพร่ำกันอยู่เสมอ เวลาที่การ์ตูนที่ถูกมองว่าเป็นสิ่งไร้สาระ พยามหาเหตุผลร้อยพันเพื่ออธิบายว่าการ์ตูนไม่ได้ไร้สาระ
แต่ก็แล้วไงหล่ะ การ์ตูนหลายต่อหลายเรื่องมากด้วยสาระชนิดที่ว่าสื่อบันเทิงหลายต่อหลายอย่างในประเทศเรายังต้องชิดซ้ายจริงๆ แต่ในสายตาคนทั่วไป ก็ยังมองว่าการ์ตูนเป็นเรื่องไร้สาระอยู่ดีใช่ไหมหล่ะครับ

จากที่กล่าวไว้ข้างต้น
เวลาถูกคนในวงการการ์ตูนเหมือนกัน ว่าว่าติดการ์ตูน ว่าเป็นโอตาคุ คุณก็อาจจะไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะในกลุ่มสังคมเดียวกันความหมายมันไม่ร้ายไม่รุนแรงอะไร
แต่ถ้าถูกว่าโดยคนทั่วไปที่ไม่ใช่คนในวงการ คุณจะรู้สึกไม่ดีขึ้นมาเลยใช่ไหมหล่ะครับ รู้สึกว่ามันดูถูกใช่ไหมหล่ะครับ

ดังนั้น ไม่เกี่ยวว่า คนในวงการจะมองอย่างไร แต่ถ้าสังคมมองว่ามันไม่ดี มันก็คือเรื่องไม่ดีในสังคมครับ

คำว่า โอตาคุ เป็นคำที่สังคมใช้กล่าวถึงคนในวงการการ์ตูนอย่างดูถูกเหยียดหยาม ดังนั้น ไม่ว่าในวงการการ์ตูนจะมองคำว่าโอตาคุว่าเป็นอย่างไร มันก็เปลี่ยนมุมมองในสังคมทั่วไปไม่ได้หรอกครับ

แถมให้อีกเรื่องละกัน
ทำไมมีหลายๆคนอยากประกาศตัวว่าเป็นโอตาคุกันจัง ไอ้ที่เรียกกันว่า "โอตาคุ Wanna be" หน่ะ

เอาง่ายๆครับ คนกลุ่มนี้จะมองแค่ในมุมมองเฉพาะกลุ่มครับ มองแค่ว่าในกลุ่มของตนเองคิดว่าดีคิดว่าเท่ห์ มันก็ต้องเป็นไปตามนั้น  แม้ว่าในมุมมองของคนทั่วไปมันจะไม่เป็นแบบนั้นก็ตาม

อย่างเช่น
ในหมู่เด็กแว้น มักจะคิดว่าคำว่าแว้น สก๊อย เป็นเรื่องเท่ห์  ...แต่ว่า ในมุมมองของคนทั่วไปหล่ะ
ในหมู่นักเรียนนักเลง การยกพวกตีกัน การทะเลาะวิวาท เป็นการแสดงออกถึงความกล้า ความเป็นลูกผู้ชาย ...แต่ว่า ในมุมมองของคนทั่วไปหล่ะ
ในหมู่ผู้คลั่งดารานักร้องเกาหลี มักจะคิดว่าการคลั่งใคล้ไม่ได้เลวร้ายอะไร  ...แต่ว่า ในมุมมองของคนทั่วไปหล่ะ

พวกโอตาคุ Wanna Be ก็เช่นเดียวกันครับ

Edit  แก้คำผิด พิมพ์ผิดเยอะเอาการเลยแฮะ