ประสบการณ์ตรง จากคุณแม่ลูก 1 ผู้ละทิ้งการงานอันมั่นคงสู่อาชีพ Makeup Artisit ที่ตัวเองรักและอยากทำมาทั้งชีวิต

สวัสดีค่ะ พี่เป็นอดีตพนักงานบริษัท ที่หันเหชีวิตมาเป็น Makeup Artisit หรือช่างแต่งหน้าอิสระ ไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใด อิอิ มีน้อง ๆ หลายคนมากเลยที่อ่านบล๊อกพี่แล้วส่งข้อความมาถาม โทรเข้ามาจนถึง line กันมาคุยเป็นเรื่องเป็นราว 5555 ถึงการเริ่มต้นในเส้นทางการทำงานของพี่ รวมถึงพี่กล้าทำกล้าตัดสินใจได้ยังไง ในช่วงที่หน้าที่การงานกำลังดี มั่นคง และเจริญก้าวหน้า แต่งานที่ว่ามันไม่สามารถสร้างความสุขให้พี่ได้ ถึงแม้เป็นงานที่ทำมานานเป็นสิบปี ผูกพันและรักเพื่อนในองค์กรมาก กว่าที่จะตัดสินใจได้ก็ใช้เวลานานโข ชั่งใจอยู่เป็นปี ๆ จนท้ายสุด พี่เลือกความสุขของตัวเองอยากใช้ชีวิตที่เหลือไปกับงานที่เรารักจริง ๆ และไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร เป็นนายตัวเอง มีเวลาอยู่กับลูก และที่สำคัญได้แบ่งปันความรู้ความสามารถที่เรามีเพื่อช่วยสังคมด้วย พี่อยากแบ่งปันประสบการณ์ให้น้อง ๆ และแม่ ๆ เพื่อนรักทุกคนได้อ่านตรงนี้ (พี่สิงอยู่ 3 ห้องในพันทิพคือ ชานเรือน เฉลิมไทย และห้องแป้งค่ะ) เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจและค้นหาอาชีพที่เรารักให้เจอ ในช่วงเวลาของชีวิตที่ยังมีแรงเดินอยู่ พี่พิมพ์ไปเล่าไปนะคะ มีผิดบ้าง เขียนข้าม ๆ วน ๆ งง ๆ บ้าง พี่ก็ขออภัยจ้า

จุดหักเหแห่งชีวิต บนทางที่ต้องเลือก

พี่เป็นพังผืดรัดเส้นประสาทค่ะ พี่มีอาชีพเป็นกราฟฟิกดีไซน์มาตลอด 10 ปีกว่า ๆ แห่งการทำงาน บริษัทที่ทำเป็นงานหนังสือพิมพ์ ที่ต้องใช้ความรวดเร็วในการทำงานเพื่อเร่งให้งานเข้าหน้าทันวันต่อวัน โอกาสที่จะลุกจะเดินไปไหนน้อยมาก นั่งติดเก้าอี้แทบตลอดชั่วโมงทำงาน จะลุกไปก็เฉพาะฉี่หรือพักเท่านั้น ลุกไปนานเดี๋ยวเซลล์มาไม่เจอเค้าก็ตะโกนถามหากันวุ่นวาย การทำงานหน้าคอมเป็นเวลานาน ๆ นั่งนาน ๆ ใช้ข้อมือนาน ๆ เป็นระยะเวลาสิบกว่าปีเนี่ยล่ะมันถึงเป็นโรคนี้ แต่ก็ขอบคุณโรคภัยที่มาในช่วงที่เรากำลังเบื่องานสุด ๆ ใจมันไม่อยากทำงานแล้ว อยากออกมาทำในสิ่งที่เรารักมาตลอด ซึ่งได้แต่คิดไม่กล้าตัดใจทำ พี่มีสิ่งที่ชอบที่รักอยู่ 2 อย่าง คือการแต่งหน้าและทำขนม ทำได้ดีคืออย่างหลัง 55555 ส่วนอย่างแรกชอบเป็นชีวิตจิตใจ

ตอนที่พี่ลาคลอดอยู่บ้าน ก็ว่างเลยนั่งดูคลิปการแต่งหน้าไปสารพัดคลิป เข้าห้องแป้งกะห้องแม่ทุกวัน ดูไปก็แต่งไป สวยอยู่กับบ้านคนเดียว แต่แต่งให้ใครไม่ได้ เพราะไม่กล้า กลัวทำหน้าเค้าสวยเกินไป เค้าจะด่าเอา พอกลับไปทำงานก็ยังดูไม่เลิก มันติดแล้วไง เลิกยาก ใจไม่เลิก 55555 พอแต่งได้นิดหน่อยก็ไล่ซื้อเครื่องสำอางโน่นนี่นั่นมาเพิ่มเรื่อย ๆ ชักเยอะแหะ แต่งไงหมดเนี่ย เลยขนไปแต่งให้พี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่ทำงานบ้าง เวลาเค้าจะไปงานแต่งงาน เวลามีงานปีใหม่ พอแต่งให้คนแรกได้ ก็กล้าแต่งให้คนที่ 2 3 4 5 ตามมา ฮ่าฮ่า ทีนี้ติดใจ ทำไมเวลาฉันแต่งหน้า ทำไมเวลาลากพู่กันวาดสีสันมันมีความสุขจังฟระ ยิ่งเวลาแต่งเสร็จแล้วมีคนพูดว่า "สวย" มันทำให้เราหัวใจพองโต จนอยากจะแต่งต่อไปไม่หยุด เลยรู้แล้วว่า งานที่มันทำให้เกิความสุขหลั่งสารเอนโดรฟินในชีวิตคืออะไร เอาวะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ มือก็เจ็บ หลังก็ปวดรักษามาเป็นปีก็แค่ทรง ๆ จะหายก็ต้องผ่าตัด ผ่าตัดแล้วก็เป็นอีกได้ ถ้ายังทำงานลักษณะเดิม จริงจังดีกว่า ไปหาที่เรียนแต่งหน้าเลยละกัน จะมามั่วแต่งเองแบบนี้ไม่ได้หรอก ถ้าจะเอาดีทางนี้ เลยตัดสินใจทุบกระปุกเงินเก็บ รวมบัญชีทุกบัญชีที่มีมานับดูเงิน 55555 มีแค่นี้เอง จะไปเรียนที่ไหนได้ MTI ที่สนใจก็แพงมาก เงินไม่พอ น่าสงสาร เลยเปิดอากู๋ค้นหาข้อมูลสถาบันสอนแต่งหน้าที่สู้ราคาไหวเลยเจอค่ะ

ปล. พี่ขอแจ้งเรื่องที่เรียนของพี่นิดนึงนะคะ มีสาว ๆ จำนวนมากกกกกกก 555 ขอให้พี่แจ้งเรื่องที่เรียนแต่งหน้าทำผม พี่จำเขียนรายละเอียดทั้งหมดไว้ที่บล๊อกและแฟนเพจพี่นะคะ ตามเข้าไปอ่านได้จ้า เพราะหลังจากพรุ่งนี้งานพี่เข้า พี่คงไม่ได้เข้ามาตอบได้เร็วทันใจนัก กลัวสาว ๆ หาว่าพี่หยิ่ง ไม่ตอบซะที 5555555

ท้ายสุดนี้พี่ดีใจมาก ที่สิ่งที่พี่เขียนพี่เล่ามีประโยชน์และเป็นแรงผลักดันให้น้อง ๆ พี่ ๆ เพื่อน ๆ อีกหลายคนลุกขึ้นมาตามหาฝัน และคว้ามันมาไว้กับตัวให้ได้ เอาใจช่วยและขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ จำไว้เสมอค่ะว่า "พรสวรรค์แพ้พรแสวง" พี่เชื่ออย่างนี้จริง ๆ

พระเจ้าอวยพรทุกคนค่ะ ^___________^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่