สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
ลักลั่นย่อนแย้งครับ ถ้าในเมื่อคุณบอกเองว่า คุณมองว่า กีฬาอาชีพคือสินค้าชนิดหนึ่ง ที่ผลิตเพื่อให้คนในสังคมบริโภค แต่กลับบอกว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนากีฬาฟุตบอล ผมก็มองว่ามันขัดแย้งในตัวเองแล้วครับ
เพราะกีฬาฟุตบอล เป็นกีฬาที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในประเทศ มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เราจะพยายามพัฒนาให้มันดี เนื่องจากที่คุณบอกว่ามันคือสินค้า คุณก็ลองนึกดูดีๆว่า สินค้าชนิดหนึ่ง ที่ถึงแม้จะยังไม่ได้มีคุณสมบัติที่ดีมากมาย แต่เป็นที่นิยมของคนในสังคม ผู้ที่เกี่ยวข้องก็ต้องพยายามพัฒนาให้ดีขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการ เพราะถึงแม้ตอนนี้สินค้าจะยังไม่ได้ดีมาก แต่ก็ยังเป็นที่ต้องการในสังคมอยู่ดี
แต่กลับกัน คุณไปบอกว่าแทนที่จะไปพัฒนา แบดมินตัน วอลเล่ย์บอล เทนนิส กอล์ฟ มวย บาสเก็ตบอล กีฬาเอ็กตรีม แต่ในเมื่อกีฬาเหล่านี้ไม่ได้เป็นที่นิยมมากในประเทศ ต่อให้พัฒนาถึงขีดสุด แน่นอนคนทั้งประเทศล้วนแล้วแต่ชื่นชมแน่ๆ แต่ผลตอบกลับและผู้เสพ ผู้บริโภคมันไม่สัมพันธ์กับการลงทุน ผู้ให้บริการจะเลือกมาลงทุนกับสินค้าที่ได้รับความนิยมต่ำกว่างั้นหรอครับ จริงๆคำถามกับความคิดของคุณมันขัดกันเองเพราะคุณต้องเข้าใจในเรื่องของอุปสงค์และอุปทานผิดไปมาก
เพราะทั้งๆที่คุณเองมองว่ากีฬาอาชีพคือสินค้า แต่ดันไปมองข้ามในเรื่องที่ว่า เพราะฟุตบอลเป็นที่ต้องการของสังคมมากกว่ากีฬาชนิดอื่น ความต้องการพัฒนากีฬาในด้านนี้เลยมากตามขึ้นไป
ข้างบนผมตอบเฉพาะตรงส่วนที่คุณบอกว่ากีฬาคือสินค้าก่อนนะครับ
ส่วนตรงนี้ผมจะบอกว่าทำไม่เราควรจะต้องพัฒนากีฬา ตัวผมมองว่า มันไม่ใช่แค่กีฬาฟุตบอลหรอกนะครับที่เราควรจะพัฒนา แต่มันควรจะเป็นกีฬาทุกประเภท เท่าที่เรามีบุคคลากรที่ให้ความสนใจได้รับความนิยมและสามารถพัฒนาได้ การมีลีคที่เข็มแข็ง ที่คุณบอกว่าไม่ได้หมายความว่าคนไทยจะกินดีอยู่ดีขึ้น ผมว่าเข้าใจผิดเต็มๆ ตัวคุณเองอาจจะไม่รู้สึก เพราะคุณไม่เกี่ยวของ แต่คนจำนวนนึงอยู่ดีกินดีขึ้น ไม่ใช่แค่กีฬาฟุตบอล แต่นักกีฬาทุกประเภทที่มีกีฬาอาชีพล้วนแล้วแต่กินดีอยู่ดีขึ้น กลุ่มแรกเลยก็คือนักกีฬา กลุ่ม 2 ก็สตาฟฟ์โค้ช กลุ่มที่ 3 ก็คือพวกที่มาขายของกันหน้าสนาม กลุ่มที่ 4 ก็คือธุรกิจการเดินทางนั่นแหล่ะ ถ้าเมื่อไหร่ที่กีฬากระจายตัวจริงๆ การเดินทางและสร้างรายได้ให้กับจังหวัดต่างๆจะตามมา ซึ่งตอนนี้ก็มี แต่ยังไม่มากเท่าที่ควร แต่มันจะขยายวงกว้างขึ้นไปจนถึงคนที่ไม่ได้เกี่ยวกับกีฬาด้วย
ที่คุณบอกว่า ไม่น่าเอามาพัฒนากีฬาฟุตบอลเพราะมันสร้างความสุขให้กับคนได้เพียงกลุ่มเล็กๆน่าจะเอาไปสร้างให้กับกีฬาอื่น ตรงนี้คุณต้องตอบให้ได้ก่อนว่า กีฬาอะไรที่จะตอบโจทย์ความสุขให้กับคนในประเทศได้มากกว่าฟุตบอล ในเมื่อกีฬาฟุตบอลเป็นที่นิยมสูงสุดในประเทศ คนสนใจมากที่สุด คนเล่นมากที่สุด แถมสร้างรายได้ให้กับจำนวนนักกีฬามากกว่าเพื่อน (เพราะฟุตบอลทีมนึงลงทะเบียนได้ถึง 35 คน) ตรงส่วนนี้คุณก็ผิดพลาดแล้วครับ
ในส่วนของเหตุผลที่ 2 คุณไปพูดถึงน้องทั้ง 2 ในกีฬากอล์ฟ และแบด แน่นอน เค้าทั้ง 2 คือความสุข คือความภาคภูมิใจ แต่ที่คุณบอกว่าการเอาไปลงทุนกับนักกีฬาแบบนี้อาจจะลงทุนต่ำกว่า มันไม่ใช่แน่ๆ มันผิดทั้งเรื่องการลงทุนและการสร้างความสุขให้คนจำนวนมากของคุณเองเลยด้วยซ้ำ หากเทียบต่อบุคคลากรต่อการลงทุน ผมก็มองว่ามันขัดกับความคิดของตัวคุณเองในตอนแรก การจะพัฒนานักกีฬากอล์ฟซักคนนึงเมื่อเทียบกับนักกีฬาฟุตบอลคนนึง นักกีฬากอล์ฟเป็นการลงทุนที่สูงกว่าหลายเท่า คุณน่าจะกำลังสับสนกับความคิดตัวเองและคิดวกวนพอสมควร เพราะในเมื่อพูดถึงการพัฒนาความสุขความเป็นอยู่ รายได้ให้คนจำนวนมาก แต่กลับมายกตัวอย่างกีฬาที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ให้ได้เพียงทีละคนเท่านั้น กีฬาฟุตบอลในเมืองไทยมันไม่ได้ช่วยยกยมาตรฐานความเป็นอยู่แบบก้าวกระโดด แต่ความเป็นอยู่พื้นฐานขั้นต่ำของคนจำนวนมากถูกพัฒนาขึ้น สำหรับผม จะะฟุตบอลลีก วอลเลย์บอลลีก บาสลีก กีฬาเหล่านี้ ช่วยพัฒนาความเป็นอยู่ให้คนจำนวนมากกว่ากีฬาประเภทเดี่ยวแน่นอน
ฉะนั้นแล้วตรงไหนที่คุณบอกว่าฟุตบอลอาชีพไม่ได้พัฒนาความพึงพอใจให้กับคนในสังคม ผมว่าคุณต้องกลับไปคิดใหม่ ว่าเพราะอะไรที่สิ่งที่คุณคิดมันขัดแย้งกันเองไปหมด ผมว่าคุณต้องลองทำความเข้าใจกับความคิดตัวเองดีๆว่าต้องการเหตุผลด้านไหนกันแน่ เพราะมันขัดแย้งกันแทบทุกจุดจริงๆ
และสิ่งที่คุณต้องตอบให้ได้ว่า คิดว่ามีกีฬาอะไร ที่จะสร้างความสุขให้กับคนได้ทุกสัปดาห์ที่มีการแข่งขันและมีคนเข้าชมในสนามๆประมาณสัปดาละ 3 แสนคนจากทั้ง 3 ลีกได้ จะมีกีฬาอะไรที่สร้างรายได้ให้กับคนในประเทศได้อย่างต่ำๆ 2 พัน คน จากนักกีฬา จาก 3 ลีกได้
เพราะกีฬาฟุตบอล เป็นกีฬาที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในประเทศ มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เราจะพยายามพัฒนาให้มันดี เนื่องจากที่คุณบอกว่ามันคือสินค้า คุณก็ลองนึกดูดีๆว่า สินค้าชนิดหนึ่ง ที่ถึงแม้จะยังไม่ได้มีคุณสมบัติที่ดีมากมาย แต่เป็นที่นิยมของคนในสังคม ผู้ที่เกี่ยวข้องก็ต้องพยายามพัฒนาให้ดีขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการ เพราะถึงแม้ตอนนี้สินค้าจะยังไม่ได้ดีมาก แต่ก็ยังเป็นที่ต้องการในสังคมอยู่ดี
แต่กลับกัน คุณไปบอกว่าแทนที่จะไปพัฒนา แบดมินตัน วอลเล่ย์บอล เทนนิส กอล์ฟ มวย บาสเก็ตบอล กีฬาเอ็กตรีม แต่ในเมื่อกีฬาเหล่านี้ไม่ได้เป็นที่นิยมมากในประเทศ ต่อให้พัฒนาถึงขีดสุด แน่นอนคนทั้งประเทศล้วนแล้วแต่ชื่นชมแน่ๆ แต่ผลตอบกลับและผู้เสพ ผู้บริโภคมันไม่สัมพันธ์กับการลงทุน ผู้ให้บริการจะเลือกมาลงทุนกับสินค้าที่ได้รับความนิยมต่ำกว่างั้นหรอครับ จริงๆคำถามกับความคิดของคุณมันขัดกันเองเพราะคุณต้องเข้าใจในเรื่องของอุปสงค์และอุปทานผิดไปมาก
เพราะทั้งๆที่คุณเองมองว่ากีฬาอาชีพคือสินค้า แต่ดันไปมองข้ามในเรื่องที่ว่า เพราะฟุตบอลเป็นที่ต้องการของสังคมมากกว่ากีฬาชนิดอื่น ความต้องการพัฒนากีฬาในด้านนี้เลยมากตามขึ้นไป
ข้างบนผมตอบเฉพาะตรงส่วนที่คุณบอกว่ากีฬาคือสินค้าก่อนนะครับ
ส่วนตรงนี้ผมจะบอกว่าทำไม่เราควรจะต้องพัฒนากีฬา ตัวผมมองว่า มันไม่ใช่แค่กีฬาฟุตบอลหรอกนะครับที่เราควรจะพัฒนา แต่มันควรจะเป็นกีฬาทุกประเภท เท่าที่เรามีบุคคลากรที่ให้ความสนใจได้รับความนิยมและสามารถพัฒนาได้ การมีลีคที่เข็มแข็ง ที่คุณบอกว่าไม่ได้หมายความว่าคนไทยจะกินดีอยู่ดีขึ้น ผมว่าเข้าใจผิดเต็มๆ ตัวคุณเองอาจจะไม่รู้สึก เพราะคุณไม่เกี่ยวของ แต่คนจำนวนนึงอยู่ดีกินดีขึ้น ไม่ใช่แค่กีฬาฟุตบอล แต่นักกีฬาทุกประเภทที่มีกีฬาอาชีพล้วนแล้วแต่กินดีอยู่ดีขึ้น กลุ่มแรกเลยก็คือนักกีฬา กลุ่ม 2 ก็สตาฟฟ์โค้ช กลุ่มที่ 3 ก็คือพวกที่มาขายของกันหน้าสนาม กลุ่มที่ 4 ก็คือธุรกิจการเดินทางนั่นแหล่ะ ถ้าเมื่อไหร่ที่กีฬากระจายตัวจริงๆ การเดินทางและสร้างรายได้ให้กับจังหวัดต่างๆจะตามมา ซึ่งตอนนี้ก็มี แต่ยังไม่มากเท่าที่ควร แต่มันจะขยายวงกว้างขึ้นไปจนถึงคนที่ไม่ได้เกี่ยวกับกีฬาด้วย
ที่คุณบอกว่า ไม่น่าเอามาพัฒนากีฬาฟุตบอลเพราะมันสร้างความสุขให้กับคนได้เพียงกลุ่มเล็กๆน่าจะเอาไปสร้างให้กับกีฬาอื่น ตรงนี้คุณต้องตอบให้ได้ก่อนว่า กีฬาอะไรที่จะตอบโจทย์ความสุขให้กับคนในประเทศได้มากกว่าฟุตบอล ในเมื่อกีฬาฟุตบอลเป็นที่นิยมสูงสุดในประเทศ คนสนใจมากที่สุด คนเล่นมากที่สุด แถมสร้างรายได้ให้กับจำนวนนักกีฬามากกว่าเพื่อน (เพราะฟุตบอลทีมนึงลงทะเบียนได้ถึง 35 คน) ตรงส่วนนี้คุณก็ผิดพลาดแล้วครับ
ในส่วนของเหตุผลที่ 2 คุณไปพูดถึงน้องทั้ง 2 ในกีฬากอล์ฟ และแบด แน่นอน เค้าทั้ง 2 คือความสุข คือความภาคภูมิใจ แต่ที่คุณบอกว่าการเอาไปลงทุนกับนักกีฬาแบบนี้อาจจะลงทุนต่ำกว่า มันไม่ใช่แน่ๆ มันผิดทั้งเรื่องการลงทุนและการสร้างความสุขให้คนจำนวนมากของคุณเองเลยด้วยซ้ำ หากเทียบต่อบุคคลากรต่อการลงทุน ผมก็มองว่ามันขัดกับความคิดของตัวคุณเองในตอนแรก การจะพัฒนานักกีฬากอล์ฟซักคนนึงเมื่อเทียบกับนักกีฬาฟุตบอลคนนึง นักกีฬากอล์ฟเป็นการลงทุนที่สูงกว่าหลายเท่า คุณน่าจะกำลังสับสนกับความคิดตัวเองและคิดวกวนพอสมควร เพราะในเมื่อพูดถึงการพัฒนาความสุขความเป็นอยู่ รายได้ให้คนจำนวนมาก แต่กลับมายกตัวอย่างกีฬาที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ให้ได้เพียงทีละคนเท่านั้น กีฬาฟุตบอลในเมืองไทยมันไม่ได้ช่วยยกยมาตรฐานความเป็นอยู่แบบก้าวกระโดด แต่ความเป็นอยู่พื้นฐานขั้นต่ำของคนจำนวนมากถูกพัฒนาขึ้น สำหรับผม จะะฟุตบอลลีก วอลเลย์บอลลีก บาสลีก กีฬาเหล่านี้ ช่วยพัฒนาความเป็นอยู่ให้คนจำนวนมากกว่ากีฬาประเภทเดี่ยวแน่นอน
ฉะนั้นแล้วตรงไหนที่คุณบอกว่าฟุตบอลอาชีพไม่ได้พัฒนาความพึงพอใจให้กับคนในสังคม ผมว่าคุณต้องกลับไปคิดใหม่ ว่าเพราะอะไรที่สิ่งที่คุณคิดมันขัดแย้งกันเองไปหมด ผมว่าคุณต้องลองทำความเข้าใจกับความคิดตัวเองดีๆว่าต้องการเหตุผลด้านไหนกันแน่ เพราะมันขัดแย้งกันแทบทุกจุดจริงๆ
และสิ่งที่คุณต้องตอบให้ได้ว่า คิดว่ามีกีฬาอะไร ที่จะสร้างความสุขให้กับคนได้ทุกสัปดาห์ที่มีการแข่งขันและมีคนเข้าชมในสนามๆประมาณสัปดาละ 3 แสนคนจากทั้ง 3 ลีกได้ จะมีกีฬาอะไรที่สร้างรายได้ให้กับคนในประเทศได้อย่างต่ำๆ 2 พัน คน จากนักกีฬา จาก 3 ลีกได้
แสดงความคิดเห็น
" ฟุตบอลไทย " ผมมองไม่เห็นความจำเป็นอะไร ที่จะต้องไปพัฒนา !!!
ทำไมเราต้องพยายามพัฒนาบอลไทยด้วยครับ ทั้งบอลลีค ทั้งทีมชาติ ในส่วนตัวผมคิดว่าเราไม่มีความจำเป็นใดๆในการพัฒนาฟตบอลทีมชาติ และฟุตบอลลีค เพราะ......
เหตุผลที่ 1 การมีฟุตบอลลีคที่เข้มแข็ง ไม่ได้แปลว่า คนไทยจะอยู่ดีกินดีขึ้น และ อันดับ ranking ทีมชาติที่ดี ก็ไม่ได้ช่วยให้ประเทศพัฒนาขึ้น GDP สูงขึ้น การกระจายรายได้ดีขึ้น ไม่ได้มีผลกับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน บางคนอาจจะเถียงว่าฟุตบอลลีคสร้างรายได้ให้คนกลุ่มนึง แต่ผมอยากบอกว่ามันก็แค่คนกลุ่มเล็กๆของประเทศเท่านั้นครับ ถ้าเปลี่ยนการพัฒนาไปพัฒนากีฬาอื่น หรือแม้แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นใดก็ตาม มันก็จะมีคนที่ได้ประโยชน์ มีรายได้ สร้างอาชีพขึ้นมาเหมือนกัน
เหตุผลที่ 2 การที่ฟุตบอลลีคที่เข้มแข็ง ไม่ได้่ช่วยให้ความพึงพอใจของแฟนฟุตบอลสูงขึ้น เพราะถ้าพูดกันตามจริง แฟนฟุตบอลคือ คน 1 กลุ่ม อาจมีขยายตัวหรือหดตัวตามกระแสนิยมได้ คนกลุ่มนี้ต่อให้ไม่มีไทยลีคเขาก็จะดู ฟุตบอลต่างประเทศ หรือ กีฬาชนิดอื่นๆ หรือทำกิจกรรมประเภทอื่น เช่น รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ถ่ายภาพ ธรรมะ เกมส์ ฯลฯ เป็นการทดแทนอยู่แล้ว การที่มีไทยลีคนั้น ตามความเป็นจริงจึงไม่ได้เพิ่มความพึงพอใจของคนกลุ่มนี้ เพราะโดยธรรมชาติคนเราจะแสวงหากิจกรรมหรือความสนใจใหม่ๆทดแทน และมันก็มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดอยู่แล้ว ในส่วนทีมชาติแน่นอนถ้าทีมชาติไทยมีผลงานที่ดีย่อมทำให้ความพึงพอใจของประชาชนเพิ่มขึ้น แต่ก็เช่นเดียวกัน เราสามารถสร้างความพึงพอใจที่ทดแทนกันได้ เช่น น้องเมย์ รัชนก ได้รองแชมป์แบดมินตัน 2 รายการซ้อน , น้องโม เอริยา ได้รองแชมป์ LPGA TOUR พวกนี้ก็สร้างความพึงพอใจให้ประชาชนได้เช่นเดียวกัน และอาจมีต้นทุนต่ำกว่าการพัฒนาฟุตบอลทีมชาติด้วย
เมื่อทีมชาติและฟุตบอลลีค ไม่ทำให้ ทั้งความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น และ ความพึงพอใจของประชาชนสูงขึ้น แล้วเราจะพัฒนาไปเพื่ออะไรครับ ???
จากข้างบน ฟุตบอลทีมชาติและฟุตบอลลีค ไม่มีผลกับความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศ แต่มีผลในด้านความพึงพอใจ แต่ฟุตบอลทีมชาติและฟุตบอลลีค มีต้นทุนในการพัฒนาที่สูงมาก และให้ผลตอบแทนเป็นความพึงพอใจที่ค่อนข้างต่ำ ดูจากผลงานทีมชาติที่ยังไงก็ห่วยเหมือนเดิม ส่วนความพึงพอใจจากฟุตบอลลีคก็สามารถทดแทนได้อย่างสมบูรณ์ จากฟุตบอลต่างประเทศ กีฬาชนิดอื่น และกิจกรรมอื่นๆ
ผมจึงอยากเสนอว่า เราไม่มีความจำเป็นต้องพัฒนา ฟุตบอลไทย ทั้งทีมชาติและลีค เราน่าจะหันไปสู่กีฬาที่เรามีความถนัดมากกว่าและมีต้นทุนต่ำกว่า อาจเป็น แบดมินตัน วอลเล่ย์บอล เทนนิส กอล์ฟ มวย บาสเก็ตบอล กีฬาเอ็กตรีม อะไรก็ได้..... ส่วนกีฬาอย่างฟุตบอลส่วนตัวผมคิดว่าเราน่าจะนำเข้าจากต่างประเทศเพื่อบริโภค จะได้ประโยชน์มากกว่าครับ
ผมมองกีฬาอาชีพคือสินค้าชนิดหนึ่ง ที่ผลิตเพื่อให้คนในสังคมบริโภค ประเทศประเทศหนึ่งอาจผลิตสินค้าทุกอย่างได้นะครับ แต่การผลิตสินค้าทุกอย่างให้มีประสิทธิภาพสูงสุดมันทำไม่ได้ มันจะมีสินค้าบางอย่างที่เราผลิตได้เก่งที่สุด และสินค้าบางอย่างที่เราผลิตได้ห่วยแตก เหมือนอย่างข้าว ประเทศเราผลิตข้าวได้เก่ง ขณะที่กาแฟประเทศเราก็ผลิตได้เหมือนกัน แต่ยังไงก็ผลิตสู้บราซิลไม่ได้ การที่เราทุ่มเงินมหาศาลพัฒนาฟุตบอลก็เหมือนทุ่มเงินเพื่อให้เราผลิตกาแฟให้เก่งกว่าบราซิล ซึ่งมันไม่คุ้มค่าเลย แทนที่เราจะเอาเงินไปพัฒนาในสิ่งที่เราถนัดอยู่แล้ว คือ ข้าว แล้วส่งออกข้าวไปขายได้เงินมาก็เอาไปซื้อกาแฟ แบบนี้มันวิน เพราะเราได้ตัวเงินสูงสุดจากการผลิตสิ่งที่เราถนัดที่สุด และก็ยังได้บริโภคกาแฟคุณภาพจากบราซิลโดยการนำเข้าเข้ามา