มีกระทู้นึง ที่มีการพูดคุยที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงขอแตกประเด็นออกมาที่นี่
เพราะมีท่านนึงแสดงความเห็นไว้ดังนี้
ยกข้อความมา
ประเด็นน่าจะอยู่ที่ใช้เอกสารไม่ถูกต้องมากกว่าครับ คือเอกสารเป็นเท็จในการสมัครเข้ารับราชการทหาร ส่วนการไม่ไปตรวจเลือกการเกณฑ์ทหารตามที่กำหนดนั้นก็จบไป เพราะได้กลับมารับราชการตามที่ควรจะทำแล้ว เด็กที่อยู่เมืองนอกเยอะแยะแม้แต่น้องผมสองคนถือสองสัญชาติ อเมริกัน ไทย ไปอยู่อเมริกาแต่เด็กทุกวันนี้ก็ยังอยู่เรียนมหาลัยอยู่ ก็ไม่ได้กลับมารับการตรวจเลือกและผ่อนผันเลย มันไม่ได้สนใจ ถ้ามันกลับมาก็ต้องโดนตามกฎหมายไปแล้วก็ไปเป็นทหารซะ แค่นั้น ทีนี่มาร์คกลับมาเป็นแล้วจะโดยเส้นสายให้เป็นอาจารย์ก็ตามแต่ก็ถือว่าเป็น จะลาราชการนานอะไรถ้าผู้บังคับบัญชาอนุญาตก็ถือว่าไม่ได้หนีทหารละ ฉะนั้นประเด็นที่น่าจะเล่นมาร์ค คือใช้เอกสารที่ไม่ถูกต้องสมัครเข้ารับราชการทหารถึงจะถูกต้องใช่ไหมครับ และเคยเป็นแค่คนไม่ได้รับการตรวจเลือกทหารตามกำหนด หรือภาษาชาวบ้านคือหนีทหารเท่านั้นเอง แต่ตอนหลังก็ได้ชดเชยไปแล้วก็ต้องจบไป
ผมคงต้องขอแย้งหน่อย เพราะถ้าชายไทยทุกคนใช้หลักการของที่คุณบอก คือพูดง่ายๆว่าทำตามมั่ง แบบนี้วุ่นวายแน่ๆ
การเป็นพลทหารที่มาจากการไปตรวจเลือก กับการได้รับราชการทหารเป็นอาจารย์ รร. นายร้อย ซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องไปคัดเลือก
ในความสบายในการฝึกหรือถูกเข้มงวดมันต่างกันเยอะเลยครับ หรือหากมีสงครามก็พลทหารนี่แหล่ะที่ไปอยู่แนวหน้ารับกระสุนก่อน
จะอยู่เมืองนอกหรือเมืองไหน ก็ต้องทำตาม พรบ. ครับ ต้องกลับมารับการตรวจเลือก
ส่วนการเข้าไปรับราชการทหาร(เป็นอาจารย์ รร นายร้อย) จะมีการเรียกดูหลักฐานการผ่านเกณทหารมาก่อน ไม่ใช่อยู่ๆจะไปสมัครเป็นได้เลย
แล้วทีนี้ยังไป ทำ/เอา เอกสารเท็จ ไปแสดงในการสมัครอีก แบบนี้เท่ากับเจตนาเล็งเห็นผลอย่างแน่นอน
ลองคิดดูถ้าคุณยอมรับวิธีการแบบนี้ แล้วเราจะมี พรบ. ไว้ทำไมกัน
การทำแบบนี้จะบอกว่าไม่เป็นไร ก็มาเป้นทหารแล้ว มันไม่ได้ครับ การทำผิด พรบ. ก็ต้องยอมรับผิดแบบลูกผู้ชายครับ
จะบอกว่าก็กลับมาเป็นทหารแล้ว ไม่ได้
กรณีผู้นำฝ่ายค้านไม่ไปแสดงตนตรวจคัดเลือทหาร ประเด็นไม่น่าจะอยู่ที่ใช้เอกสารไม่ถูกต้องนะครับ ประเด็นคือจงใจไม่ไปแสดงตน
เพราะมีท่านนึงแสดงความเห็นไว้ดังนี้
ยกข้อความมา
ประเด็นน่าจะอยู่ที่ใช้เอกสารไม่ถูกต้องมากกว่าครับ คือเอกสารเป็นเท็จในการสมัครเข้ารับราชการทหาร ส่วนการไม่ไปตรวจเลือกการเกณฑ์ทหารตามที่กำหนดนั้นก็จบไป เพราะได้กลับมารับราชการตามที่ควรจะทำแล้ว เด็กที่อยู่เมืองนอกเยอะแยะแม้แต่น้องผมสองคนถือสองสัญชาติ อเมริกัน ไทย ไปอยู่อเมริกาแต่เด็กทุกวันนี้ก็ยังอยู่เรียนมหาลัยอยู่ ก็ไม่ได้กลับมารับการตรวจเลือกและผ่อนผันเลย มันไม่ได้สนใจ ถ้ามันกลับมาก็ต้องโดนตามกฎหมายไปแล้วก็ไปเป็นทหารซะ แค่นั้น ทีนี่มาร์คกลับมาเป็นแล้วจะโดยเส้นสายให้เป็นอาจารย์ก็ตามแต่ก็ถือว่าเป็น จะลาราชการนานอะไรถ้าผู้บังคับบัญชาอนุญาตก็ถือว่าไม่ได้หนีทหารละ ฉะนั้นประเด็นที่น่าจะเล่นมาร์ค คือใช้เอกสารที่ไม่ถูกต้องสมัครเข้ารับราชการทหารถึงจะถูกต้องใช่ไหมครับ และเคยเป็นแค่คนไม่ได้รับการตรวจเลือกทหารตามกำหนด หรือภาษาชาวบ้านคือหนีทหารเท่านั้นเอง แต่ตอนหลังก็ได้ชดเชยไปแล้วก็ต้องจบไป
ผมคงต้องขอแย้งหน่อย เพราะถ้าชายไทยทุกคนใช้หลักการของที่คุณบอก คือพูดง่ายๆว่าทำตามมั่ง แบบนี้วุ่นวายแน่ๆ
การเป็นพลทหารที่มาจากการไปตรวจเลือก กับการได้รับราชการทหารเป็นอาจารย์ รร. นายร้อย ซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องไปคัดเลือก
ในความสบายในการฝึกหรือถูกเข้มงวดมันต่างกันเยอะเลยครับ หรือหากมีสงครามก็พลทหารนี่แหล่ะที่ไปอยู่แนวหน้ารับกระสุนก่อน
จะอยู่เมืองนอกหรือเมืองไหน ก็ต้องทำตาม พรบ. ครับ ต้องกลับมารับการตรวจเลือก
ส่วนการเข้าไปรับราชการทหาร(เป็นอาจารย์ รร นายร้อย) จะมีการเรียกดูหลักฐานการผ่านเกณทหารมาก่อน ไม่ใช่อยู่ๆจะไปสมัครเป็นได้เลย
แล้วทีนี้ยังไป ทำ/เอา เอกสารเท็จ ไปแสดงในการสมัครอีก แบบนี้เท่ากับเจตนาเล็งเห็นผลอย่างแน่นอน
ลองคิดดูถ้าคุณยอมรับวิธีการแบบนี้ แล้วเราจะมี พรบ. ไว้ทำไมกัน
การทำแบบนี้จะบอกว่าไม่เป็นไร ก็มาเป้นทหารแล้ว มันไม่ได้ครับ การทำผิด พรบ. ก็ต้องยอมรับผิดแบบลูกผู้ชายครับ
จะบอกว่าก็กลับมาเป็นทหารแล้ว ไม่ได้