ก่อนอื่นก็คงจะชื่นชมที่พวกพี่ ตรงต่อเวลา เคร่งครัดในกฎระเบียบ ที่ต้องการอยากจะให้ กรุงเทพฯ สะอาด ปราศจากขยะ ทุกอณู
บ่ายแก่ๆ แดดร่ม ลมดี พี่ๆ แต่งเครื่องแบบเทศกิจครบครัน ก็มาตั้งโต๊ะ กางร่มกันแดดกันฝน มีป้ายไวนิลผืนใหญ่อักษรภาษาอังกฤษชัดเจนเป็นฉากหลัง เพื่อแสดงเจตนารมณ์ว่า พี่ๆ มานั่งกันทำอะไร ที่โต๊ะหรือสำนักงานกลางแจ้งของพี่ๆ ก็จะมีเจ้าหน้าที่หนึ่งท่านนั่งประจำการอยู่คอยฟังวิทยุจากเพื่อนๆ ประมาณ 3-4 คน ที่เดินออกล่าเหยื่อ เอ้ยยย ลาดตระเวณ ประจำจุดอื่นในระยะรัศมี 100 เมตร ในย่านนั้น คอยดูแล ว่าจะมีใครใจกล้า ทิ้งขยะลงพื้น หรือไม่ (พี่ๆ ต้องเหนื่อยจับตาเป็นพิเศษหากมีใครถือบุหรี่อยู่ในมือ เพราะเค้ามีแนวโน้มที่จะทิ้งก้นบุหรี่สูงมากค่ะ หนูว่านะ) ซึ่ง ณ จุดนี้ หนูคิดว่า พี่ๆ ทำหน้าที่ได้ดีจริงๆ
แต่.......หลังจากที่หนู และ เพื่อนๆ ได้สังเกตุสังกาการทำงานของพี่ๆ แล้ว ก็ไม่เข้าใจค่ะ ว่า คนที่ถูกจับได้ว่าทิ้งขยะลงพื้น มีแต่นักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติ ทั้งนั้นล่ะคะ ซึ่งพอพี่ๆ เทศกิจที่ประจำการในจุดต่างๆ จับได้ว่าคนนี้ทิ้งขยะ พี่ก็จะรีบวิทยุ ด้วยท่าทีขึงขัง แล้วให้นักท่องเที่ยวเดินตามมาที่โต๊ะจับปรับ บนโต๊ะ ก็จะมีแผ่นกระดาษที่คงจะแสดงรายละเอียดในภาษาหลากหลาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าใจในการปรับที่จะเกิดขึ้น ราคาก็ตั้งแต่ 500-2000 บาท (ไม่รู้มีเกณฑ์อย่างไร) แล้วยังต้องแสดงพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่เทศกิจดูด้วยนะ
วันหนึ่ง.....กำลังเดินไปขึ้นรถไฟอโศก หนูก็เดินสวนกับขบวนพี่เทศกิจและนักท่องเที่ยวชาวเอเชียวัยกลางคนสองสามีภรรยา กำลังมุ่งหน้าไปที่โต๊ะจับปรับ ระหว่างทาง นักท่องเที่ยวสองคนก็เดินชี้โวยวายทางฟุธบาธว่า มีขยะชิ้นน้อย ชิ้นใหญ่ อยู่บนพื้นมากมาย ทำไมไม่จับด้วยล่ะ แต่พี่เทศกิจก็ไม่ตอบ
เพื่อนร่วมงานต่างชาติ.......เล่าให้ฟังว่า เค้าดื่มน้ำเสร็จแล้ว มองหาถังขยะก็หาได้ยากเหลือเกินในทางเท้าของ กทม. เค้าเหลือบไปเห็นกองขยะกองใหญ่ ใต้เสาไฟฟ้า หน้าร้านขายอาหาร เค้าจึงวางไว้ ด้วยเข้าใจว่า คน กทม. ส่วนหนึ่งก็จะได้เก็บขวดน้ำไปขายได้ ไม่กี่วินาที ก็มีเจ้าหน้าที่เทศกิจเข้ามาจับกุมทันที และพาไปทำการตกลงค่าปรับ เค้าพยายามอธิบายให้ฟังถึงเหตุผล แต่สิ่งที่ได้รับการตอบกลับ คือ คุณต้องจ่ายค่าปรับที่ทิ้งขวดน้ำ 1 ขวดเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท ฝรั่งช็อกไปเลย และสุดท้ายก็ตกลงกันได้ที่ราคา 1,000 บาท แลกกับอิสรภาพของตัวเองในขณะนั้น
ลูกค้า......ชาวฮอลแลนด์กลุ่มหนึ่ง เดินผ่านสวนเบญจสิริ ด้วยความมักง่าย เมื่อสูบบุหรี่เสร็จก็ทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นทันที แต่ก็ไม่คลาดสายตาจากพี่เทศกิจเช่นกัน เค้าได้ยินเสียงนกหวีดปุ๊ป ก็รีบก้มเก็บซากบุหรี่อย่างด่วนจี๋ แล้วก็เอาใส่กระเป๋ากางเกงตัวเอง แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า ก็ชั้นเห็นแกทิ้งไปแล้ว ถือว่าแกทิ้งจริงๆนะ ยังไงก็ต้องเสียค่าปรับตามกฎ -------เคสนี้ต้องจ่ายแบงค์ม่วงหนึ่งใบ ซึ่งเป็นราคาที่ต่อรองแล้วนะเออ
อ่านมาทั้งหมด อย่าเพิ่งเค้าใจผิดนะคะว่า หนูเนี่ย เข้าข้าง ปกป้องแต่ฝรั่งเหรอ ไม่ใช่นะคะ
หนุก็เห็นด้วยค่ะ ว่า การทิ้งขยะในที่สาธารณะเป็นเรื่องที่สมควรได้รับโทษ ไม่ว่าชาติไหนทั้งนั้น เพื่อที่บ้านเมืองของเรา จะได้สะอาด น่าเดิน มีมาตรฐาน
แต่ อย่างในเคสที่สามนี้ ไม่มีการตักเตือนเลยเหรอคะ
และที่สงสัยและอยากเสนอแนะ คือ
1. ทำไมถึงจับแต่นักท่องเที่ยวล่ะคะ ถ้าจะให้เป็นมาตรฐานเจ้าถิ่นก็ควรโดนด้วยเหมือนกันหรือไม่
2. เงินค่าปรับ ???????????????????????? ยังไง
3. รบกวนช่วยเพิ่มจำนวนถังขยะให้มากขึ้นด้วยเถิดค่ะ
สิ่งไหน ประการใด เห็นไม่สมควร ก็รบกวนเพื่อนๆ แจ้งหรืออธิบายเพิ่มเติมด้วยนะคะ
ขอบคุณพี่ๆเทศกิจที่ทำงานกันอย่างแข็งขัน กวดจับ(นักท่องเที่ยว)ที่ทิ้งขยะลงพื้นในย่านสุขุมวิท พี่ๆทำงานกันเป็นทีมมาก
บ่ายแก่ๆ แดดร่ม ลมดี พี่ๆ แต่งเครื่องแบบเทศกิจครบครัน ก็มาตั้งโต๊ะ กางร่มกันแดดกันฝน มีป้ายไวนิลผืนใหญ่อักษรภาษาอังกฤษชัดเจนเป็นฉากหลัง เพื่อแสดงเจตนารมณ์ว่า พี่ๆ มานั่งกันทำอะไร ที่โต๊ะหรือสำนักงานกลางแจ้งของพี่ๆ ก็จะมีเจ้าหน้าที่หนึ่งท่านนั่งประจำการอยู่คอยฟังวิทยุจากเพื่อนๆ ประมาณ 3-4 คน ที่เดินออกล่าเหยื่อ เอ้ยยย ลาดตระเวณ ประจำจุดอื่นในระยะรัศมี 100 เมตร ในย่านนั้น คอยดูแล ว่าจะมีใครใจกล้า ทิ้งขยะลงพื้น หรือไม่ (พี่ๆ ต้องเหนื่อยจับตาเป็นพิเศษหากมีใครถือบุหรี่อยู่ในมือ เพราะเค้ามีแนวโน้มที่จะทิ้งก้นบุหรี่สูงมากค่ะ หนูว่านะ) ซึ่ง ณ จุดนี้ หนูคิดว่า พี่ๆ ทำหน้าที่ได้ดีจริงๆ
แต่.......หลังจากที่หนู และ เพื่อนๆ ได้สังเกตุสังกาการทำงานของพี่ๆ แล้ว ก็ไม่เข้าใจค่ะ ว่า คนที่ถูกจับได้ว่าทิ้งขยะลงพื้น มีแต่นักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติ ทั้งนั้นล่ะคะ ซึ่งพอพี่ๆ เทศกิจที่ประจำการในจุดต่างๆ จับได้ว่าคนนี้ทิ้งขยะ พี่ก็จะรีบวิทยุ ด้วยท่าทีขึงขัง แล้วให้นักท่องเที่ยวเดินตามมาที่โต๊ะจับปรับ บนโต๊ะ ก็จะมีแผ่นกระดาษที่คงจะแสดงรายละเอียดในภาษาหลากหลาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าใจในการปรับที่จะเกิดขึ้น ราคาก็ตั้งแต่ 500-2000 บาท (ไม่รู้มีเกณฑ์อย่างไร) แล้วยังต้องแสดงพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่เทศกิจดูด้วยนะ
วันหนึ่ง.....กำลังเดินไปขึ้นรถไฟอโศก หนูก็เดินสวนกับขบวนพี่เทศกิจและนักท่องเที่ยวชาวเอเชียวัยกลางคนสองสามีภรรยา กำลังมุ่งหน้าไปที่โต๊ะจับปรับ ระหว่างทาง นักท่องเที่ยวสองคนก็เดินชี้โวยวายทางฟุธบาธว่า มีขยะชิ้นน้อย ชิ้นใหญ่ อยู่บนพื้นมากมาย ทำไมไม่จับด้วยล่ะ แต่พี่เทศกิจก็ไม่ตอบ
เพื่อนร่วมงานต่างชาติ.......เล่าให้ฟังว่า เค้าดื่มน้ำเสร็จแล้ว มองหาถังขยะก็หาได้ยากเหลือเกินในทางเท้าของ กทม. เค้าเหลือบไปเห็นกองขยะกองใหญ่ ใต้เสาไฟฟ้า หน้าร้านขายอาหาร เค้าจึงวางไว้ ด้วยเข้าใจว่า คน กทม. ส่วนหนึ่งก็จะได้เก็บขวดน้ำไปขายได้ ไม่กี่วินาที ก็มีเจ้าหน้าที่เทศกิจเข้ามาจับกุมทันที และพาไปทำการตกลงค่าปรับ เค้าพยายามอธิบายให้ฟังถึงเหตุผล แต่สิ่งที่ได้รับการตอบกลับ คือ คุณต้องจ่ายค่าปรับที่ทิ้งขวดน้ำ 1 ขวดเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท ฝรั่งช็อกไปเลย และสุดท้ายก็ตกลงกันได้ที่ราคา 1,000 บาท แลกกับอิสรภาพของตัวเองในขณะนั้น
ลูกค้า......ชาวฮอลแลนด์กลุ่มหนึ่ง เดินผ่านสวนเบญจสิริ ด้วยความมักง่าย เมื่อสูบบุหรี่เสร็จก็ทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นทันที แต่ก็ไม่คลาดสายตาจากพี่เทศกิจเช่นกัน เค้าได้ยินเสียงนกหวีดปุ๊ป ก็รีบก้มเก็บซากบุหรี่อย่างด่วนจี๋ แล้วก็เอาใส่กระเป๋ากางเกงตัวเอง แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า ก็ชั้นเห็นแกทิ้งไปแล้ว ถือว่าแกทิ้งจริงๆนะ ยังไงก็ต้องเสียค่าปรับตามกฎ -------เคสนี้ต้องจ่ายแบงค์ม่วงหนึ่งใบ ซึ่งเป็นราคาที่ต่อรองแล้วนะเออ
อ่านมาทั้งหมด อย่าเพิ่งเค้าใจผิดนะคะว่า หนูเนี่ย เข้าข้าง ปกป้องแต่ฝรั่งเหรอ ไม่ใช่นะคะ
หนุก็เห็นด้วยค่ะ ว่า การทิ้งขยะในที่สาธารณะเป็นเรื่องที่สมควรได้รับโทษ ไม่ว่าชาติไหนทั้งนั้น เพื่อที่บ้านเมืองของเรา จะได้สะอาด น่าเดิน มีมาตรฐาน
แต่ อย่างในเคสที่สามนี้ ไม่มีการตักเตือนเลยเหรอคะ
และที่สงสัยและอยากเสนอแนะ คือ
1. ทำไมถึงจับแต่นักท่องเที่ยวล่ะคะ ถ้าจะให้เป็นมาตรฐานเจ้าถิ่นก็ควรโดนด้วยเหมือนกันหรือไม่
2. เงินค่าปรับ ???????????????????????? ยังไง
3. รบกวนช่วยเพิ่มจำนวนถังขยะให้มากขึ้นด้วยเถิดค่ะ
สิ่งไหน ประการใด เห็นไม่สมควร ก็รบกวนเพื่อนๆ แจ้งหรืออธิบายเพิ่มเติมด้วยนะคะ