เห็นกิจกรรมนี้แล้วคิดถึงพี่ปีเตอร์ เลยอยากเล่าบ้างคะ
ตค. ปี 47 ไอ้เตอร์เกิดที่ตึกจิวฯ แม่มันเป็นแมวมหาลัยฯมันคือแมวไทยที่น้องสาวและเพื่อนเก็บใส่กระเป่า มา ‘แอบ’ เลี้ยงในหอ ตอนที่เรียนที่ ม.ศิลปากร นครปฐมตอนปี 1 คะ
พอปี 2 ย้ายมาเรียนที่ท่าช้าง ก็ต้องเอามามันมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน นนทบุรีแต่คนเลี้ยงคืออิฉันคะ ‘ไม่ชอบมัน มันดื้อ ขี้เต๊ะมันมึนมากก’ แต่เนื่องจากต้องเลี้ยงคะ อยู่กันสองคน หนึ่งตัว น้องก็มา ๆ ไป ๆ เพราะเรียนหนัก หลัง ๆ ก็ไปอยู่หอกับเพื่อนอีก สรุปเลยว่า อิฉันต้องทนอยู่กับมัน ! สองต่อสอง!
บอกตามตรงไม่ได้ชอบแมวอะไรนักหนา แต่ด้วยความจำเป็นต้องเลี้ยงมัน อยู่ ๆ กันไปคะ แป๊ป ๆ ก็ สี่ ห้า ปีเตอร์เลี้ยงไม่ยากคะ ที่ผ่านมาก็แค่….ต้องพาไปทำหมัน ต้องพาไปรักษาเวลามันป่วย
ต้องพาไปผ่าตัด หูเน่าเพราะไปตีกับเค้ามา
ต้องปีนต้นไม้ช่วงเอามันลงมา
ต้องวิ่งไล่หมาให้มัน ต้องพามันไปฉีดวัคซีน ต้องพามันไปเดินเล่น ต้องแอบปีนบ้านข้าง ๆ ยังกับขโมย เพื่อช่วยเอามันลงจากหลังคา ต้องกางร่มให้มันเวลาฝนตกเพราะช่วยที่มันติดฝน ต้องหาข้าวหาปลาให้มันกิน ยังต้องสร้างความบันเทิงให้มันอีก กลัวมันเหงาคะ ฯลฯ แค่นี้เอ๊งงงง
อยู่กันไป ก็กลายเป็นผูกพัน และรักมันมากกกก ! แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ปี 52 ก็ต้องย้ายที่ทำงานมาอยู่จังหวัดสระบุรี ก็เอามันมาด้วย อยู่สระบุรีมา แป็บ ๆ ก็สอง สาม ปีแล้วคะ มันก็แก่ตัวลง และป่วยหนักอีก แต่ก็ผ่านมาได้อีก และยังซ่าส์ น่ารัก แอ๊บแบ๊ว เหมือนเดิมคะ
เกิ่นซะยาว มาเข้าเรื่องกัน
เรื่อง before & after ที่จะเล่าก็คือ ช่วงเวลาที่ยากลำบากทั้งคนทั้งแมว นั่นคือครั้งที่มันป่วยหนักถึงสองครั้งและรอดมาได้คะ
(สมัยบ้านที่นนทบุรี ครั้งนึง และปัจจุบันอีกครั้งคะ)
ทั้งสองครั้งหมอก็บอกว่า 50 – 50 ครั้ง หมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคไตวายเฉียบพลันทั้งสองครั้ง
ครั้งแรกไอ้เตอร์ติดเชื้อทั้งแบคทีเรีย ทั้งไวรัส กินข้าวกินปลาไม่ได้ ---->เป็นโรคไตวายเฉียบพลันคะ
ต้องถูกให้น้ำเกลือเข้าเส้นทั้งสองขา สลับไปมา อยู่สามอาทิตย์กว่า แล้วเปลี่ยนมาให้ใต้ผิวหนัง
ตอนนั้นอยู่แบบลุ้น ๆ นอนไม่เคยหลับเต็มตา ครั้งที่มันอยู่ รพ.สัตว์ ก็คิดถึงแต่เนื่องจากมันเครียดจัด
คุณหมอแนะนำว่าให้เอากลับมาอยู่กับเจ้าของที่บ้านคะ
กะเตงกลับบ้านมาทั้งสายน้ำเกลือระโยงระยาง อิฉันจัดการซื้อกรงมาใหม่ แต่ปรากฎว่าไม่ได้ใช้ มันไม่ยอม 'มันเกลียดกรง'
เลยจัดที่จัดทางใหม่ที่ห้องนอน กลางคืนนอนด้วยกัน ห้อยขวดน้ำเกลือไว้ที่สูง เราก็สะดุ้งตื่นเป็นระยะ กลัวสายจะหลุด
ถ้ามันปวดฉี่ ก็พาไปเราหิ้วขวดน้ำเกลือพามันไปที่กะบะทราย
พอเช้าก็เอาไปฝากที่รพ.สัตว์ กลับจากทำงานก็เอามันกลับบ้าน มานอนด้วยกัน !!
ชีวิตอิฉันเป็นหมีแพนด้าอยู่เกือบสองอาทิตย์ แต่ก็คุ้ม เพราะไอ้เตอร์มันดีขึ้นมาก ดีวัน ดีคืน และอ้อนมาก
ถามว่าลำบากใช่มั๊ย ใช่คะ แต่มีความสุข อิเตอร์ก็คงรู้สึกแบบนั้น~
ที่มันดีขึ้น อิฉันสรุปได้เลยว่า นอกจากการรักษาที่ดีแล้ว แมวก็เหมือนคนค่ะ ต้องการกำลังใจ !!
สำหรับแมวคือการได้อยู่บ้าน ได้อยู่กับคนที่ไว้ใจ!!
สภาพไอ้เตอร์ตอนสัปดาห์ที่สี่ ดีขึ้นเยอะแล้วคะ 'เอาหัวชนฝากันเลยทีเดียว'
ปี 52 ต่อมา ย้ายมาทำงาน ตจว. ที่บ้านนี้มีพื้นที่ พอสมควร
มีความคิดที่ผิดหรือถูกตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจ เมื่องอกแมวทีเดียว สามตัว
มันคือความฝันของอิฉัน ที่นึกภาพไว้ว่าอิเตอร์ จะเป็นลูกพี่แมวสุดเท่ห์อ่ะ และมีลูกน้องแมวมากมาย
แต่มันคือฝันร้ายของอิเตอร์ !!
ผลคือ ปีเตอร์ให้การต้อนรับน้อง ไม่ทำร้าย 'แค่ขู่' (นี่การแบ่งชนชั้นของมัน)
ตอน สโน โจโจ ฮันนี่ (ลูกน้อง) มันยังเล็ก ก็ไม่เท่าไหร่ แต่พอพวกมันโตวันโตคืน
(ลูกน้องเป็นเปอร์เชีย 2 กับลูกครึ่ง 1 โครงใหญ่มาก แต่พวกมันเป็นแมวซื่อ ๆ คะ)
เดือน สค. 55 ปีเตอร์เริ่มเครียด ฉี่ไม่เป็นที่ และเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ คุณหมอสันนิษฐานว่าอาจมีนิ่วด้วย
ครั้งที่สองไอ้เตอร์เป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ + นิ่ว -----> โรคไตวายเฉียบพลันอีกรอบ
ด้วยความงงงวยกับการวินิจฉัยของหมอ แต่ก็เชื่อ คุณหมอให้ s/d มากินร่วมกับยาแก้ปวดแก้อักเสบมาให้ป้อนเอง
พร้อมแนะนำให้ขังไว้ในกรงคะ เพื่อให้ไอ้เตอร์กิน s/d ก็เลยปรับสภาพห้อง ๆ นึงให้มันอยู่ เพราะไอ้เตอร์เกลียดกรง เตรียมกะบะทราย น้ำ ให้
แต่ปีเตอร์ ไม่ยอมกิน ไม่อึ ไม่มีแรง เราก็เลยถามหมอ ทำไง หมอให้ a/d กับ s/d เปียกมาบดแล้วป้อน ก็เหมือนเดิม
ดีขึ้นที่ฉี่เยอะขึ้นแต่บ่อยอยู่ แต่ ไอ้ที่มันไม่อึ ไม่มีแรงละคุณหมอ และ มันก็ขาดน้ำด้วย !!
ทนไม่ไหวเลยพาไปตรวจอีกที่คะ หมอตรวจค่าไต ทันที!!
และพบว่า ไอ้เตอร์ ขาดน้ำอย่างรุนแรง ค่าไตขึ้น หมอบีบท้องให้มันปวดอึ เจาะน้ำเกลือเข้าเส้นอีกตามเคยคะ!!
ไม่ได้ admit คะ ไป-กลับเอา
กว่าจะครบคอส ไปที่คลีนิกทุกวันอยู่ สองสัปดาห์คะ สรุปโดนไปขาหน้า กับขาหลัง
รอบนี้ต้องให้มันอยู่กรง เราก็นอนเฝ้ามันหน้ากรงนั่นแหละ
ภาพปีเตอร์ เป็น angry เตอร์ เวลามันอยู่ในกรง ขนาดมีสายน้ำเกลือนะเนี่ย
หลุดแน่นอนคะ สภาพแบบนี้ อิอิ
พอเหลือแค่ให้น้ำเกลือ ก็ย้ายมาที่คลีนิกที่ใกล้บ้านที่สะดวกกว่า
คุณหมอที่นี่ใจดีสอนวอิฉันให้น้ำเกลือใต้ผิวหนังอิเตอร์ด้วย เพราะอิฉันต้องให้มันไปตลอดชีวิต
ภาพครั้งแรก ก็ทิ่มมือตัวเองแล้ว
แต่ตอนนี้ทำได้แล้วคะ เอิ๊ก เอิ๊ก
รายละเอียดเขียนไว้ที่ bloggang มีชาวบ้านมาให้กำลังใจด้วยคะ ปลื้มมากทั้งคนทั้งแมว ฮิฮิ
อันนี้รูปถ่ายเมื่อปีทีแล้วก่อนป่วยรอบที่สอง หล่อรากมากมาย
ตอนนี้พี่ปีเตอร์น้ำหนักขึ้นมาแล้ว แต่ยังต้องให้น้ำเกลืออยู่ พร้อมกับป้อนยาบำรุงเลือด ซึ่ง ชิว ๆ แล้ว ฝากให้กำลังใจพี่ปีเตอร์ ด้วยนะคะ
รูปนี้ถ่ายเมื่อ มกราคม ปี 56 คะ หลังจากฟื้นไข้ไม่นาน
หล่อเหมือนเดิมแล้วใช่มั๊ยคะ
วันก่อนพาอิเตอร์ไปฉีดวัคซีนประจำปี คุณหมอชมอิฉันด้วยว่า เก่งจังดูแลแมวจากสภาพนั้นจนดีได้ขนาดนี้ แอบเขิล 555+~
สุดท้ายละ ไอ้เตอร์ ฝากมาบอกว่า
ขอบพระคุณมากคร๊าบบบที่มาอ่านเรื่องของผม แง๊วว~
Before & after "ไอ้คุณเตอร์"
ตค. ปี 47 ไอ้เตอร์เกิดที่ตึกจิวฯ แม่มันเป็นแมวมหาลัยฯมันคือแมวไทยที่น้องสาวและเพื่อนเก็บใส่กระเป่า มา ‘แอบ’ เลี้ยงในหอ ตอนที่เรียนที่ ม.ศิลปากร นครปฐมตอนปี 1 คะ
พอปี 2 ย้ายมาเรียนที่ท่าช้าง ก็ต้องเอามามันมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน นนทบุรีแต่คนเลี้ยงคืออิฉันคะ ‘ไม่ชอบมัน มันดื้อ ขี้เต๊ะมันมึนมากก’ แต่เนื่องจากต้องเลี้ยงคะ อยู่กันสองคน หนึ่งตัว น้องก็มา ๆ ไป ๆ เพราะเรียนหนัก หลัง ๆ ก็ไปอยู่หอกับเพื่อนอีก สรุปเลยว่า อิฉันต้องทนอยู่กับมัน ! สองต่อสอง!
บอกตามตรงไม่ได้ชอบแมวอะไรนักหนา แต่ด้วยความจำเป็นต้องเลี้ยงมัน อยู่ ๆ กันไปคะ แป๊ป ๆ ก็ สี่ ห้า ปีเตอร์เลี้ยงไม่ยากคะ ที่ผ่านมาก็แค่….ต้องพาไปทำหมัน ต้องพาไปรักษาเวลามันป่วย
ต้องพาไปผ่าตัด หูเน่าเพราะไปตีกับเค้ามา
ต้องปีนต้นไม้ช่วงเอามันลงมา
ต้องวิ่งไล่หมาให้มัน ต้องพามันไปฉีดวัคซีน ต้องพามันไปเดินเล่น ต้องแอบปีนบ้านข้าง ๆ ยังกับขโมย เพื่อช่วยเอามันลงจากหลังคา ต้องกางร่มให้มันเวลาฝนตกเพราะช่วยที่มันติดฝน ต้องหาข้าวหาปลาให้มันกิน ยังต้องสร้างความบันเทิงให้มันอีก กลัวมันเหงาคะ ฯลฯ แค่นี้เอ๊งงงง
อยู่กันไป ก็กลายเป็นผูกพัน และรักมันมากกกก ! แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ปี 52 ก็ต้องย้ายที่ทำงานมาอยู่จังหวัดสระบุรี ก็เอามันมาด้วย อยู่สระบุรีมา แป็บ ๆ ก็สอง สาม ปีแล้วคะ มันก็แก่ตัวลง และป่วยหนักอีก แต่ก็ผ่านมาได้อีก และยังซ่าส์ น่ารัก แอ๊บแบ๊ว เหมือนเดิมคะ
เกิ่นซะยาว มาเข้าเรื่องกัน
เรื่อง before & after ที่จะเล่าก็คือ ช่วงเวลาที่ยากลำบากทั้งคนทั้งแมว นั่นคือครั้งที่มันป่วยหนักถึงสองครั้งและรอดมาได้คะ
(สมัยบ้านที่นนทบุรี ครั้งนึง และปัจจุบันอีกครั้งคะ)
ทั้งสองครั้งหมอก็บอกว่า 50 – 50 ครั้ง หมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคไตวายเฉียบพลันทั้งสองครั้ง
ครั้งแรกไอ้เตอร์ติดเชื้อทั้งแบคทีเรีย ทั้งไวรัส กินข้าวกินปลาไม่ได้ ---->เป็นโรคไตวายเฉียบพลันคะ
ต้องถูกให้น้ำเกลือเข้าเส้นทั้งสองขา สลับไปมา อยู่สามอาทิตย์กว่า แล้วเปลี่ยนมาให้ใต้ผิวหนัง
ตอนนั้นอยู่แบบลุ้น ๆ นอนไม่เคยหลับเต็มตา ครั้งที่มันอยู่ รพ.สัตว์ ก็คิดถึงแต่เนื่องจากมันเครียดจัด
คุณหมอแนะนำว่าให้เอากลับมาอยู่กับเจ้าของที่บ้านคะ
กะเตงกลับบ้านมาทั้งสายน้ำเกลือระโยงระยาง อิฉันจัดการซื้อกรงมาใหม่ แต่ปรากฎว่าไม่ได้ใช้ มันไม่ยอม 'มันเกลียดกรง'
เลยจัดที่จัดทางใหม่ที่ห้องนอน กลางคืนนอนด้วยกัน ห้อยขวดน้ำเกลือไว้ที่สูง เราก็สะดุ้งตื่นเป็นระยะ กลัวสายจะหลุด
ถ้ามันปวดฉี่ ก็พาไปเราหิ้วขวดน้ำเกลือพามันไปที่กะบะทราย
พอเช้าก็เอาไปฝากที่รพ.สัตว์ กลับจากทำงานก็เอามันกลับบ้าน มานอนด้วยกัน !!
ชีวิตอิฉันเป็นหมีแพนด้าอยู่เกือบสองอาทิตย์ แต่ก็คุ้ม เพราะไอ้เตอร์มันดีขึ้นมาก ดีวัน ดีคืน และอ้อนมาก
ถามว่าลำบากใช่มั๊ย ใช่คะ แต่มีความสุข อิเตอร์ก็คงรู้สึกแบบนั้น~
ที่มันดีขึ้น อิฉันสรุปได้เลยว่า นอกจากการรักษาที่ดีแล้ว แมวก็เหมือนคนค่ะ ต้องการกำลังใจ !!
สำหรับแมวคือการได้อยู่บ้าน ได้อยู่กับคนที่ไว้ใจ!!
สภาพไอ้เตอร์ตอนสัปดาห์ที่สี่ ดีขึ้นเยอะแล้วคะ 'เอาหัวชนฝากันเลยทีเดียว'
ปี 52 ต่อมา ย้ายมาทำงาน ตจว. ที่บ้านนี้มีพื้นที่ พอสมควร
มีความคิดที่ผิดหรือถูกตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจ เมื่องอกแมวทีเดียว สามตัว
มันคือความฝันของอิฉัน ที่นึกภาพไว้ว่าอิเตอร์ จะเป็นลูกพี่แมวสุดเท่ห์อ่ะ และมีลูกน้องแมวมากมาย
แต่มันคือฝันร้ายของอิเตอร์ !!
ผลคือ ปีเตอร์ให้การต้อนรับน้อง ไม่ทำร้าย 'แค่ขู่' (นี่การแบ่งชนชั้นของมัน)
ตอน สโน โจโจ ฮันนี่ (ลูกน้อง) มันยังเล็ก ก็ไม่เท่าไหร่ แต่พอพวกมันโตวันโตคืน
(ลูกน้องเป็นเปอร์เชีย 2 กับลูกครึ่ง 1 โครงใหญ่มาก แต่พวกมันเป็นแมวซื่อ ๆ คะ)
เดือน สค. 55 ปีเตอร์เริ่มเครียด ฉี่ไม่เป็นที่ และเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ คุณหมอสันนิษฐานว่าอาจมีนิ่วด้วย
ครั้งที่สองไอ้เตอร์เป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ + นิ่ว -----> โรคไตวายเฉียบพลันอีกรอบ
ด้วยความงงงวยกับการวินิจฉัยของหมอ แต่ก็เชื่อ คุณหมอให้ s/d มากินร่วมกับยาแก้ปวดแก้อักเสบมาให้ป้อนเอง
พร้อมแนะนำให้ขังไว้ในกรงคะ เพื่อให้ไอ้เตอร์กิน s/d ก็เลยปรับสภาพห้อง ๆ นึงให้มันอยู่ เพราะไอ้เตอร์เกลียดกรง เตรียมกะบะทราย น้ำ ให้
แต่ปีเตอร์ ไม่ยอมกิน ไม่อึ ไม่มีแรง เราก็เลยถามหมอ ทำไง หมอให้ a/d กับ s/d เปียกมาบดแล้วป้อน ก็เหมือนเดิม
ดีขึ้นที่ฉี่เยอะขึ้นแต่บ่อยอยู่ แต่ ไอ้ที่มันไม่อึ ไม่มีแรงละคุณหมอ และ มันก็ขาดน้ำด้วย !!
ทนไม่ไหวเลยพาไปตรวจอีกที่คะ หมอตรวจค่าไต ทันที!!
และพบว่า ไอ้เตอร์ ขาดน้ำอย่างรุนแรง ค่าไตขึ้น หมอบีบท้องให้มันปวดอึ เจาะน้ำเกลือเข้าเส้นอีกตามเคยคะ!!
ไม่ได้ admit คะ ไป-กลับเอา
กว่าจะครบคอส ไปที่คลีนิกทุกวันอยู่ สองสัปดาห์คะ สรุปโดนไปขาหน้า กับขาหลัง
รอบนี้ต้องให้มันอยู่กรง เราก็นอนเฝ้ามันหน้ากรงนั่นแหละ
ภาพปีเตอร์ เป็น angry เตอร์ เวลามันอยู่ในกรง ขนาดมีสายน้ำเกลือนะเนี่ย
หลุดแน่นอนคะ สภาพแบบนี้ อิอิ
พอเหลือแค่ให้น้ำเกลือ ก็ย้ายมาที่คลีนิกที่ใกล้บ้านที่สะดวกกว่า
คุณหมอที่นี่ใจดีสอนวอิฉันให้น้ำเกลือใต้ผิวหนังอิเตอร์ด้วย เพราะอิฉันต้องให้มันไปตลอดชีวิต
ภาพครั้งแรก ก็ทิ่มมือตัวเองแล้ว
แต่ตอนนี้ทำได้แล้วคะ เอิ๊ก เอิ๊ก
รายละเอียดเขียนไว้ที่ bloggang มีชาวบ้านมาให้กำลังใจด้วยคะ ปลื้มมากทั้งคนทั้งแมว ฮิฮิ
อันนี้รูปถ่ายเมื่อปีทีแล้วก่อนป่วยรอบที่สอง หล่อรากมากมาย
ตอนนี้พี่ปีเตอร์น้ำหนักขึ้นมาแล้ว แต่ยังต้องให้น้ำเกลืออยู่ พร้อมกับป้อนยาบำรุงเลือด ซึ่ง ชิว ๆ แล้ว ฝากให้กำลังใจพี่ปีเตอร์ ด้วยนะคะ
รูปนี้ถ่ายเมื่อ มกราคม ปี 56 คะ หลังจากฟื้นไข้ไม่นาน
หล่อเหมือนเดิมแล้วใช่มั๊ยคะ
วันก่อนพาอิเตอร์ไปฉีดวัคซีนประจำปี คุณหมอชมอิฉันด้วยว่า เก่งจังดูแลแมวจากสภาพนั้นจนดีได้ขนาดนี้ แอบเขิล 555+~
สุดท้ายละ ไอ้เตอร์ ฝากมาบอกว่า
ขอบพระคุณมากคร๊าบบบที่มาอ่านเรื่องของผม แง๊วว~