ขรก.บำนาญกทม.แพ้คดี ศาลปกครองยกฟ้องจ่าย25%ย้อนหลัง

เมื่อวันที่ 13 มี.ค. รายงานข่าวจากศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ศาลปกครองกลาง ลงวันที่ 12 มี.ค. 56 ได้ส่งหนังสือแจ้งยกฟ้องกรณีที่นายประทีป เกื้อสกูล ข้าราชการบำนาญสังกัด กทม. ยื่นฟ้องร้อง กทม.กับผู้อำนวยการสำนักการคลัง เรื่องให้มีการจ่ายเงินเพิ่มร้อยละ 25 ของเงินบำนาญปกติย้อนหลังไปถึงปีที่เกษียณอายุราชการในปี 2547 ซึ่ง กทม.ไม่สามารถจ่ายย้อนหลังได้เพราะผิดระเบียบกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กทม. ที่ได้มีการแก้ไขเมื่อปี 2554 โดยผู้ฟ้องเป็นคดีแรกที่มียื่นฟ้องกว่า 1,000 รายที่ในกรณีเดียวกัน ขณะที่สถานภาพเงินในกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กทม. ในตอนนี้ขาดสภาพคล่องอย่างหนัก เพราะต้องแบกรับเงินบำเหน็จบำนาญพิเศษร้อยละ 25 ที่ได้เริ่มจ่ายตั้งแต่ปี 54 เป็นต้นมา แม้ว่าจะมีการออกพระราชกฤษฎีกาปรับเพิ่มการหักรายได้ของกทม.จากร้อยละ 2 เป็นร้อยละ 3 แล้วก็ตาม โดยกองทุนมีเงินตั้งต้นอยู่เดิมก่อนปี 54 อยู่ที่ 1,600 ล้านบาท และได้เพิ่มจากการหักรายได้อีก 450 ล้านบาทต่อปี และกองทุนดังกล่าวยังหารายได้จากการฝากธนาคาร ปล่อยเงินกู้แก่โรงรับจำนำกทม.และสหกรณ์ออมทรัพย์กทม. เพื่อเพิ่มเงินในกองทุนจากอัตราดอกเบี้ย แต่การจ่ายเงินบำนาญพิเศษร้อยละ 25 ให้กับข้าราชการที่เริ่มทำงานก่อนปี 2535 ซึ่งขณะนี้มีอยู่ประมาณ 13,000 คน แบ่งเป็นข้าราชการครูกทม. 7,398 คน และข้าราชการสามัญ 6,212 คน กทม.จึงต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นตกเดือนละ 154 ล้านบาท หรือตกอยู่ที่ประมาณปีละ 1,900 ล้านบาท ทำให้ขณะนี้เงินกองทุนฯ ขาดสภาพคล่องต้องขอเบิกจ่ายล่วงหน้า 6 เดือนจากเงินรายได้กทม.มาเสริมเพื่อจ่ายให้ข้าราชการบำนาญ
   
ทั้งนี้ระเบียบการจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญพิเศษร้อยละ 25 นั้น ได้มีการออกระเบียบเมื่อเดือนเม.ย.54 เป็นการให้เพิ่มสำหรับข้าราชการที่ทำงานก่อนปี 2535 โดยให้เหตุผลว่า เมื่อปี 2516 ซึ่งเป็นตำแหน่งพนักงานท้องถิ่นได้เงินบำเหน็จบำนาญพิเศษร้อยละ 25 แต่เมื่อยกระดับมาเป็นข้าราชการท้องถิ่น ก็ควรได้เงินบำเหน็จบำนาญพิเศษเช่นกัน แต่กำหนดเพียงข้าราชการที่ทำงานก่อนปี 2535 เท่านั้น และไม่มีผลย้อนหลังนับตั้งแต่ออกระเบียบ
   
รายงานข่าว แจ้งว่า ยังมีข้าราชการบำเหน็จบำนาญไม่พอใจเงินที่ได้เพิ่มร้อยละ 25 ที่เริ่มจ่ายปี 54 โดยอยากให้จ่ายย้อนหลังตั้งแต่ที่ตนเกษียณ จึงมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น ซึ่งหากกทม.แพ้คดีจะต้องจ่ายเงินเพิ่มถึง 6,000 ล้านบาท ทั้งนี้ยังเห็นว่าระเบียบที่ออกมาไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะแก่ข้าราชการรุ่นใหม่ที่เริ่มทำงานหลังปี 2535 ไม่ได้รับเงินที่เพิ่มขึ้น แต่ต้องช่วยหารายได้เพื่อมาช่วยอุดหนุนกองทุน จึงควรมีการยกเลิกระเบียบนี้.

http://www.dailynews.co.th/bkk/190448
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่