Before and After>>>>อนุสรณ์แก่สุดหล่อ แมวยักษ์อ้วน ๆ ของแม่

กระทู้สนทนา
เล่นด้วยคน.....สองจิตสองใจ ลังเลว่าจะเล่าเรื่องใครดี ระหว่างน้องแจ๊ว เจ้าของล็อกอินตัวจริง


หรือจะเป็นนายสุดหล่อ ที่หล่อสุด ๆ

แต่เมื่อพิจารณาจากหัวข้อกิจกรรม น้องแจ๊วคงต้องตกไปก่อน ถึงแม้เจ้าหล่อนจะมีความหมายมากที่สุดกับแม่ เพราะอยู่ด้วยกันนานเป็นสิบปีกว่าน้องแจ๊วจะลาแม่กลับสวรรค์ แต่น้องแจ๊วก็หมดสภาพแมวจรแล้วเมื่อมาอยู่กับแม่ น้องแจ๊วเธอเป็นแมวย้ายบ้านค่ะ
ส่วนนายสุดหล่อเป็นแมวจรขนานแท้ มาขอกรอกใบสมัครเป็นลูกชายถึงบ้าน ก็คงต้องเป็นเรื่องของมันล่ะค่ะ
นี่คือนายสุดหล่อแบบ before and after ต่างกันมั้ยล่า.....


นายสุดหล่อเป็นแมวมาจากไหน แม่ไม่รู้ จำได้แม่นยำว่าคืนวันศุกร์วันหนึ่งตอนปลายปี 2546 พ่อกับแม่กลับจากทำงาน เห็นแมวตัวหนึ่งนั่งตัวตรงแหนวบนกำแพงหน้าบ้านในความมืด แม่เปิดไฟหน้าบ้าน จึงพอมองเห็นว่าเป็นแมวสีน้ำตาลตัวใหญ่นั่งหันหน้ามองแม่ แม่เลยส่งเสียงถามไปว่า มาจากไหนครับนี่ สุดหล่อร้องตอบมาว่า......แอววววววววววว......พร้อมกับกระโดดลงมาและเดินมาหาแม่....ตอนนั้นพ่อมายืนมองอยู่ด้วยหลังจากนำรถเข้าบ้านแล้ว พ่อกับแม่เลยจัดชามข้าว ชามน้ำตามที่มีวางไว้ให้ในโรงรถหน้าบ้าน


วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด พ่อกับแม่รีบลงมาดูว่าสุดหล่อยังอยู่หรือเปล่า มันยังอยู่แฮะ เลยได้สำรวจทั่วตัว พบว่าขาหน้าบวมเป่ง มีรอยแผลด้วย ก็คงแผลกัดกัน และมีท่าทางเป็นหวัด เลยพากันหอบหิ้วสุดหล่อไปหาน้าหมอ



น้าหมอจับชั่งน้ำหนักเป็นอันดับแรก สุดหล่อเป็นแมวตัวใหญ่ ชั่งได้ 5.5 กก. แม่ให้สุดหล่อแอดมิทเพราะไม่คิดว่าจะป้อนยาเองได้
สุดหล่อต้องรักษาแผล รักษาหวัด และทำหมัน ตรวจเลือดด้วย....แม่หัวใจแทบวายเมื่อน้าหมอบอกว่าสุดหล่อมีลูคิเมียแฝงมาด้วย....และอายุก็ไม่น่าต่ำกว่า 8 ปี เอา ไม่เป็นไร รักษาตัวก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน



สุดหล่ออยู่กับน้าหมอเกือบ 2 สัปดาห์ น้ำหนักสุดหล่อขึ้นวันละ 1 ขีด ตอนนั้นน้าหมอคิดค่าฝากวันละ 8o บาทรวมอาหาร...สุดหล่อกินเก่งมาก น้าหมอบอกว่าเดินผ่านกรงมันทีไร มันร้องขอข้าวกินทุกที เรียกว่าต้องเติมกันทั้งวันว่างั้น วันเช็คเอาต์จากคลินิคน้าหมอ สุดหล่อหนัก 6.7 กก.หัวเราะ


แล้วสุดหล่อก็ได้เข้ามาอยู่ในห้องนอนพ่อกับแมวกับน้องแจ๊ว น้องแจ๊วเป็นแมวไม่ชอบแมวด้วยกันเอง อันเป็นเหตุให้ต้องย้ายบ้าน เพราะบ้านเดิมของแจ๊ว (หลังติดกันนั่นแหละ) มีแมวเยอะ แจ๊วเลยไม่ต้อนรับสุดหล่อ สุดหล่อเองก็เกรงใจแจ๊ว แจ๊วจะตบจะตี จะด่าจะว่าอย่างไรสุดหล่อก็ไม่โต้ตอบ คงยอมเป็นเบี้ยล่างให้แจ๊ว สุดหล่ออาจจะถือคติว่า เกิดเป็นผู้ชายต้องไม่รังแกผู้หญิง ก็ได้มั้ง



แม้ว่าจะสุดหล่อจะมีลูคิเมียแฝง และแม่เลี้ยงร่วมด้วยกันกับแจ๊ว แต่แม่ก็วางใจเพราะแจ๊วเป็นแมวถือตัว แจ๊วไม่ยอมกินข้าวและน้ำร่วมกับสุดหล่อเด็ดขาด ทั้งสองตัวมีชามข้าวและชามน้ำตัวละ 1 ชุดไม่ปะปนกัน  ส่วนเรื่องกระบะทรายไม่ต้องห่วง เพราะตอนนั้นแม่เลี้ยงกึ่งปิด เนื่องจากคุณยายไม่ชอบสัตว์ และแม่ก็แอบคุณยายเลี้ยงลูกทั้งสองตัว ลูก ๆ จึงต้องไปทุ่งเวลาจะเข้าห้องน้ำ


ลืมเล่าไปเรื่องหนึ่ง ตอนที่นายสุดหล่ออยู่คลินิกน้าหมอ อาหารที่น้าหมอให้แมวป่วยเป็นอาหารพรีเมี่ยม ยี่ห้อ advance (ตอนนี้ไม่มีแล้ว เพราะโดนรอยัลคานินควบรวมกิจการ) เมื่อกลับมาถึงบ้าน ตอนแรกแม่กะให้สุดหล่ออยู่ที่โรงรถ ก็เลยซื้อฟริสกี้ส์ให้สุดหล่อกิน ปรากฏว่าสุดหล่อท้องเสีย เสียแบบสาดเสียเทเสีย แม่เลยหยิบอาหารนูโทรแซลมอนของแจ๊วให้สุดหล่อกิน ปรากฏทันตาเลยว่า สุดหล่อไม่ท้องเสีย เป็นอันว่า สุดหล่อก็ต้องกินพรีเมี่ยมเหมือนแจ๊ว


ระหว่างนั้น สุดหล่อมีแผลฝีหนองระเบิดเป็นระยะ จากการที่เคยสมบุกสมบันผ่านสมรภูมิมาก่อน แม่ก็คอยส่งตัวรักษาเรื่อย ๆ แบบไม่ต้องแอดมิท และแน่นอนสุดหล่อก็น้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ








ช่วงเดือนมีนาคม 2549 แม่ได้บัตรทำวัคซีนโรคเอดส์แมวฟรีมาจากเพื่อน เป็นบัตรวัคซีนที่ต้องไปรับที่โรงพยาบาลสัตว์เล็ก ม.เกษตรศาสตร์ ปีนั้นเป็นปีแรกที่วัคซีนและชุดตรวจโรคเอดส์แมวเข้ามาในประเทศไทย ก่อนทำก็ต้องตรวจเลือดก่อน แม่จับลูกแม่ทั้งสองตัวไปตรวจเลือดกับน้าหมอ แจ๊วปลอดภัยไม่มีโรค แต่สุดหล่อของแม่....มีเอดส์มาด้วย....สุดหล่อเลยไม่ได้ทำวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ มีแจ๊วได้ทำเพียงตัวเดียว
น้าหมอที่แสนดีให้คำแนะนำแม่มากมาย สุดหล่อได้กินอิมมูนเพล็กซ์บี ต่อมาเป็นโกลด์ เพราะป้อนปริมาณน้อยกว่า

สุดหล่อของแม่แข็งแรงมาก ไม่มีใครดูออกเลยว่า สุดหล่อมีโรคแฝงมาเป็นแพ็คคู่ดูโอ แม่ต้องดูแลสุดหล่อเป็นพิเศษ ถ้าสุดหล่อมีอาการไม่ปกติปุ๊บ แม่ส่งน้าหมอปั๊บ
โรคที่สุดหล่อป่วยประจำคือ หวัด และมีครั้งหนึ่งต่อมน้ำเหลืองใต้คางบวม แต่ทุกครั้งสุดหล่อก็ผ่านมันมาได้สบายมาก
ยุครุ่งเรืองของสุดหล่อ ทำน้ำหนักได้ถึง 8.22 กก. น้าหมอถึงกับหัวเราะชอบใจ ตอนนั้นสุดหล่อเป็นไอดอลของพ่อแมวแม่แมวที่มีลูกมีเชื้อโรคแฝง แม้แต่แม่ภู่ของหนูกำไร (ล็อกอิน อุ้งมือแมว) ก็ยังเคยติดต่อพูดคุยกับแม่ ปรึกษาเรื่องแมวเป็นลูคิเมีย






สุดหล่อเป็นแมวไม่ชอบให้อุ้ม ไม่ชอบให้ใครมาตอแย ไม่ชอบให้ใครมาวอแว ถ้าจับอุ้ม กอด หอม สุดหล่อจะหงุดหงิดมาก แต่สุดหล่อจะเตือนก่อนเสมอด้วยการคำรามในคอ ถ้าคำรามแล้วยังไม่เลิก ถือว่าเราเตือนคุณแล้ว สุดหล่อจะทำร้ายร่างกายคนอุ้มทันที แม่ก็เคยโดนสุดหล่อเจาะจมูกด้วยเขี้ยว น้าหมอโดนตบกบาลหัวทิ่ม พ่อโดนตบหน้า แต่หามีผู้ใดสนใจไม่ โดยเฉพาะแม่ แม่ยังคงฟัดสุดหล่อด้วยความมันเขี้ยวทุกครั้ง และสามารถรอดจากการโดนประทุษร้ายไปได้ทุกครั้งเช่นกัน

สุดหล่อเป็นแมวชอบเที่ยว ถ้าขึ้นรถจะไม่ยอมอยู่ในตะกร้า สุดหล่อจะขอไปนั่งที่คอนโซลด้านหลัง หมอบนิ่งเป็นกล่องกระดาษทิชชู่ ถ้าพาไปออกงาน อย่างงานไทยแลนด์แคทโชว์ที่เดอะมอลล์บางกะปิ สุดหล่อก็ยิ่งชอบ แม้ว่าในงานจะมีผู้คนมาขออุ้มถ่ายรูปตลอดเวลาก็ตาม ทีตอนนั้นไม่เห็นมันด่าว่าหรือประทุษร้ายผู้อุ้มเลยสักคน......




น้าหมอมักเตือนแม่เสมอว่า ให้ทำใจ เพราะสุดหล่อคงอยู่กับแม่ไม่นาน ด้วยอายุและโรคแฝงแพ็คคู่นั่น แต่แม่ก็มิได้นำพา จนกระทั่งเวลานั้นมาถึง
วันที่ 21 พ.ค. 2550 แม่พาสุดหล่อไปทำวัคซีน FIP วันนั้นสุดหล่อน้ำหนักลดจาก 8.22 กก.เหลือ 7.4 กก. น้าหมอเริ่มวิตก บอกให้แม่ดูอาการให้ใกล้ชิด


หลังจากนั้นไม่กี่วัน สุดหล่อก็ซูบผอมลงเรื่อย ๆ กินอาหารน้อยลง แต่ไม่มีอาการเจ็บป่วยใด ๆ แสดงออก ไข้ไม่มี ค่าตับค่าไตค่าเม็ดเลือดขาวเม็ดเลือดแดงและอื่น ๆ ปกติทุกอย่าง น้าหมอรักษาไม่ถูก เลยได้แต่ให้ยาบำรุง ให้ยาอยากอาหาร แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ผล แม่ต้องพยายามป้อนอาหารให้สุดหล่อ สุดหล่อก็พยายามกินเอาใจแม่ แต่แววตาของสุดหล่อบอกแม่ว่า สุดหล่อไม่อยากกิน สุดหล่ออยากนอนอย่างเดียว น้ำหนักของสุดหล่อเหลือแค่ 4.5 กก.เท่านั้นเอง



และแล้ว วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2550 เวลา 16.22 สุดหล่อก็จากแม่ไปในอ้อมกอดของแม่ ในห้องของเรา บนเตียงของเรา พ่อให้สุดหล่ออยู่ใต้ต้นมะกรูดที่หน้าบ้านของเรา จนถึงทุกวันนี้แม่ไม่เคยลืมสุดหล่อของแม่ แมวยักษ์ตัวอ้วน ๆ ชอบทำหน้าหยิ่ง ขี้วีน ขี้โมโห แต่กลัวแจ๊วที่สุด..



ป่านนี้หนูคงมีความสุขอยู่บนฟ้าแล้วเนอะ ลูกชายสุดที่รักของแม่



ป.ล. ป่านนี้หนูกับแจ๊วคงรู้แล้วเนอะว่าพ่อกับแม่มีน้อง ๆ แบบหนูตั้ง 16 ตัวแน่ะลูก.....จุ๊บๆ



แก้ไขเดือนค่ะ พิมพ์พฤษภาคม เป็นมิถุนายนเฉยเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่