เคยได้ยินหลายๆคน (ส่วนมากจะเป็นคนที่เรียนเกี่ยวกับการถ่ายหนัง) บอกว่า "หลังๆ ดูหนังไม่ค่อยสนุกเลย เพราะมัวแต่นั่งดูฉาก เลยดูหนังไม่รู้เรื่อง"
ฟังแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ เรื่องของเรื่องก็คือ คนทำหนัง(ที่ดี)มักจะหาสิ่งประกอบฉาก ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง ห้อง ของประดับห้อง สี หรือแม้กระทั่งลายกระเบื้อง และรวมกระทั่งมุมกล้อง เพื่อสื่อสารบางอย่างให้ผู้ชมรู้สึก
พอเรารู้แบบนี้เข้าก็เลยมานั่งสังเกตุฉากหนังกันยกใหญ่
โดยส่วนตัวผมคิดว่า (คนอื่นคิดว่าไงคอมเม้นกันมานะครับ)
ประเด็นมันอยู่ตรงความรู้สึกมากกว่า หนังบางเรื่องจงใจจัดฉาก(ฉากหนัง)มากเกินไปจนเราสะดุด และถ้าสะดุดจนไม่ได้คิดอะไร คือได้คำตอบเลย ก็หมดสนุก แต่การจะมานั่งเพ่งหาคำตอบจากฉากหนังซะจนเครียด ก็ไม่สนุกอีก
การถ่ายภาพ แม้แต่เราถ่ายกันเล่นๆกับเพื่อน เรายังต้องจัดโน่นนี่นั่น เพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่าง อย่างน้อยๆก็คือ ให้ออกมาดูแล้วรู้สึกดี
"เห้ย เอาไอ้นั่นนี่โน่นหลบไปหน่อยดิ ดูแล้วมันไม่เข้ากับชุดเลย แล้วเอาไอ้นั่นมาวางไว้ตรงนั้น ดูเข้าท่ากว่า จะได้ดูแล้วรู้สึกว่า..." ความจริงมันก็มีพื้นฐานอยู่น่าจะแค่นี้เอง
ฉากหนังก็น่าจะเหมือนน้ำที่ผสมอยู่ในกาแฟ มันมีอยู่โดยไม่ต้องรู้สึกว่ามันมีด้วยซ้ำก็ได้ ตราบใดที่รสกาแฟถูกปาก เป็นใช้ได้
ความสามารถจัดฉากให้อารมณ์รื่นไหลเป็นอีกเรื่องนึง ส่วนความสามารถในการสร้างเรื่องราวที่ไหลรื่นนั่นต่างหาก ที่ไม่ควรกระพริบตา
ไม่มีเรื่องชั้นเยี่ยมก็ไม่มีฉากอะไรเกิดขึ้น ฉากน่าจะมีไว้เพื่อให้เรื่องชั้นยอดมันดูแล้วโคตรยอดเยี่ยม
ไม่มีฉากชั้นยอดฉากไหนจะเท่ากับฉากที่คุณสร้างขึ้นเองจากจินตนาการ พิสูจน์ได้ด้วยการลองอ่านเรื่องเยี่ยมๆซักเรื่องจากฉบับหนังสือ แล้วค่อยมาดูฉบับที่เป็นหนัง ... ฉากที่คุณสร้างขึ้นเองนั่นแหละสุดยอดที่สุด
เพราะงั้นผมว่า อย่าซีเรียสกับการนั่งจ้องฉากมากเกินไป มันอาจจะไม่ได้ครึ่งเดียวที่คุณจินตนาการก็เป็นได้ เห็นเหมือนไม่เห็นแต่รู้ว่ามันมีเท่านั้นก็น่าจะพอ แต่ถ้าคุณเป็นคนช่างสังเกตุซะหน่อย คุณอาจจะได้เห็น จินตนาการที่ล้ำเลิศของคนอื่นก็ได้...
คุณว่าไหม...
เวเลาดูหนัง เราต้องดูฉากของหนังไหม?
ฟังแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ เรื่องของเรื่องก็คือ คนทำหนัง(ที่ดี)มักจะหาสิ่งประกอบฉาก ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง ห้อง ของประดับห้อง สี หรือแม้กระทั่งลายกระเบื้อง และรวมกระทั่งมุมกล้อง เพื่อสื่อสารบางอย่างให้ผู้ชมรู้สึก
พอเรารู้แบบนี้เข้าก็เลยมานั่งสังเกตุฉากหนังกันยกใหญ่
โดยส่วนตัวผมคิดว่า (คนอื่นคิดว่าไงคอมเม้นกันมานะครับ)
ประเด็นมันอยู่ตรงความรู้สึกมากกว่า หนังบางเรื่องจงใจจัดฉาก(ฉากหนัง)มากเกินไปจนเราสะดุด และถ้าสะดุดจนไม่ได้คิดอะไร คือได้คำตอบเลย ก็หมดสนุก แต่การจะมานั่งเพ่งหาคำตอบจากฉากหนังซะจนเครียด ก็ไม่สนุกอีก
การถ่ายภาพ แม้แต่เราถ่ายกันเล่นๆกับเพื่อน เรายังต้องจัดโน่นนี่นั่น เพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่าง อย่างน้อยๆก็คือ ให้ออกมาดูแล้วรู้สึกดี
"เห้ย เอาไอ้นั่นนี่โน่นหลบไปหน่อยดิ ดูแล้วมันไม่เข้ากับชุดเลย แล้วเอาไอ้นั่นมาวางไว้ตรงนั้น ดูเข้าท่ากว่า จะได้ดูแล้วรู้สึกว่า..." ความจริงมันก็มีพื้นฐานอยู่น่าจะแค่นี้เอง
ฉากหนังก็น่าจะเหมือนน้ำที่ผสมอยู่ในกาแฟ มันมีอยู่โดยไม่ต้องรู้สึกว่ามันมีด้วยซ้ำก็ได้ ตราบใดที่รสกาแฟถูกปาก เป็นใช้ได้
ความสามารถจัดฉากให้อารมณ์รื่นไหลเป็นอีกเรื่องนึง ส่วนความสามารถในการสร้างเรื่องราวที่ไหลรื่นนั่นต่างหาก ที่ไม่ควรกระพริบตา
ไม่มีเรื่องชั้นเยี่ยมก็ไม่มีฉากอะไรเกิดขึ้น ฉากน่าจะมีไว้เพื่อให้เรื่องชั้นยอดมันดูแล้วโคตรยอดเยี่ยม
ไม่มีฉากชั้นยอดฉากไหนจะเท่ากับฉากที่คุณสร้างขึ้นเองจากจินตนาการ พิสูจน์ได้ด้วยการลองอ่านเรื่องเยี่ยมๆซักเรื่องจากฉบับหนังสือ แล้วค่อยมาดูฉบับที่เป็นหนัง ... ฉากที่คุณสร้างขึ้นเองนั่นแหละสุดยอดที่สุด
เพราะงั้นผมว่า อย่าซีเรียสกับการนั่งจ้องฉากมากเกินไป มันอาจจะไม่ได้ครึ่งเดียวที่คุณจินตนาการก็เป็นได้ เห็นเหมือนไม่เห็นแต่รู้ว่ามันมีเท่านั้นก็น่าจะพอ แต่ถ้าคุณเป็นคนช่างสังเกตุซะหน่อย คุณอาจจะได้เห็น จินตนาการที่ล้ำเลิศของคนอื่นก็ได้...
คุณว่าไหม...