อ่านแล้วนึกว่าตัวเอง 55555555
เรากับคุณกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันค่ะ
คือกำลังคิกว่าจะสอบหมอ ม.รังสิต รอบที่ 3 ดีหรือเรียนแพทย์ที่จีนดี
แต่ของเรายื่นคะแนนไปจีนแล้วคะ ผลคือเราติดหมอที่จีนแล้วค่ะ
แต่ต้องตัดสินใจว่าจะไปจีนดีหรือจะรอสอบหมอ ม.รังสิต
ซึ่งเป็นโอกาสสุดท้ายของปีนี้ มีความเสี่ยงสูงนะคะ จะติดหรือไม่ เพราะเขารับแค่ 20 คน จากจำนวนคนสอบรอบนี้ประมาณ 10,000+
ใจหนึ่งคือเราอยากไปจีนนะ เราเบื่อเมืองไทยแล้ว ฮาา

- แนะนำเอเจนซี่
เราไม่ได้ศึกษาหลายเอเจนซี่ เราเลือกที่เดียวเพราะเรามีรุ่นพี่เคยไปกับเอเจนซี่นี้ เชื่อถือได้ค่ะ
เราไปกับที่นี่ >> http://www.123tochina.com/web/
แต่คุณต้องดูด้วยว่าคุณอยากเข้ามหาลัยไหนในจีน ซึ่งแต่ละเอเจนซี่จะโคกับมหาลัยแตกต่างกันออกไป
การเลือกมหาลัยอันดับแรกคือ เข้าไปเว็บแพทยสภา แล้วดูว่าเค้ารับรองมหาลัยไหนบ้าง หรือโทร.ไปถามได้คะ จนท.ใจดี
หรือง่ายที่สุดคือคุยกับเอเจนซี่ ให้เค้าเลือกช่วย จากผลการเรียนของคุณ เค้าสามารถบอก % จะติดให้ได้ค่ะ
เราว่าถ้าจะไปให้ไปกับเอเจนซี่ดีที่สุด เพราะเค้าจะเดินเรื่องให้เราทุกอย่าง
แต่ก็ต้องเสียค่าเอเจนซี่นะค่ะ แล้วเค้าจะดูแลเราจนกว่าจะจบ หมายถึงเอเจนซี่ที่ให้ไปด้านบนอะนะ
เรามาคำนวณดูแล้วไปเรียนแพทย์ที่จีน ค่าใช่จ่ายถูกกว่า ม.รังสิตนะคะ แต่อาจจะเสียยิบย่อยตรงค่าเครื่องบินอะไรพวกนี้

การสอบใบประกอบโรคศิลป์ ถ้าคุณจะกลับมาเป็นหมอที่ไทย คุณก็ต้องกลับมาสอบให้ผ่านทั้ง 3 รอบเช่นกันค่ะ
หรือถ้าจะไปเป็นหมอ ตปท.คุณก็ต้องสอบใบประกอบโรคศิลป์ของประเทศนั้นๆเหมือนกัน หรือบางประเทศยกเว้น
แต่เรียนแพทย์ที่จีนเสียเปรียบอย่างหนึ่งคือเวลาสอบใบประกอบโรคศิลป์นี่แหล่ะ ทางจีนจะเรียนโรคทางเขตหนาว
ซึ่งในชั้นคลินิก เราก็จะพบผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคทางเขตหนาวซะส่วนใหญ่ ทำให้เวลาจะสอบในไทยเนี่ย
จะถามโรคทางเขตร้อน เช่น ไข้เลือดออก ทำนองนี้
ส่วนตัวเราคิดว่าไม่มีปัญหาค่ะ เพราะถ้ากลับมาสอบ เรามีเพื่อนช่วยติว เพื่อนเราสอบติดหมอครึ่งห้อง และให้แม่เราช่วยติวอีกทางค่ะ
อีกปัญหาคือ เรียนหลักสูตรอินเตอร์ ต้องเรียนเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษคุณแข็งแรงแค่ไหน ฟังอาจารย์ออกหรือไม่
ซึ่งอาจารย์จะเป็นอาจารย์ชาวจีนพูด ภาษาอังกฤษสำเนียงจีน จะฟังออกหรือไม่ การใช้ชีวิตประจำวันที่จะต้องเป็นภาษาจีนอีก
อีกอย่างคือ จะเรียนจบหรือป่าว?
- ทั้งนี้หลักสูตรของแพทย์อินเตอร์จีนไม่เหมือนของไทยนะคะ
ของไทยเราจะเรียนหลักสูตร MD แต่ของจีนจะเรียน MBBS
โดยเนื้อหาหลักสูตรไม่ได้ต่างกันมากค่ะ รู้สึกว่าจะต่างกันแค่ปีแรกเนี่ยแหล่ะ

เราก็อยู่ต่างจังหวัดห่างพ่อแม่เช่นกัน ที่เรายังยังลังเลการไปจีนคือ แม่เรากลัวคิดถึงเราค่ะ
ท่านเป็นห่วง คือท่านบอกว่ายังไงอยู่เมืองไทยก็ดีกว่า ถ้าเรียนไม่รู้เรื่องอย่างน้อยก็คุยกับอาจารย์เป็นภาษาไทยได้
อีกหลายเหตุผลที่ท่านไม่อยากให้ไป ท่านเลยอยากให้เราสอบหมอ ม.รังสิตให้ติด

อ่อ ลืมบอก เราเลือกมหาวิทยาลัยหนานจิง แพทยสภารับรอง
เราเอาหลักสูตรของมหาวิทยาลัยนี้ไปให้เจ้านายแม่ที่เป็นแพทย์ดูให้แล้ว ท่านบอกกว่าโอเค
เรียนเหมือนๆกัน ที่มั่นใจเพราะท่านก็ส่งลูกสาวเขาไปเรียนเช่นกันค่ะ ตอนนี้ขึ้นปี 2

เท่าที่ทราบคือไทยยังไม่มีนักศึกษาที่จบจากประเทศจีนกลับมาในช่วงนี้นะคะ
ปีที่สูงสุดที่เรียนอยู่ตอนนี้คือปี 3 จะขึ้นปี 4 เพราะฉะนั้นยังให้คำตอบไม่ได้เมื่ออิงจากรุ่นที่ผ่านมา ว่าจะสอบใบประกอบโรคศิปล์ผ่านหรือไม่
แต่ประเทศไทยเราก็มีแพทย์ที่จบจากฟิลิปปินส์มาเยอะแล้วนะคะ โดยส่วนใหญ่สอบไม่ค่อยผ่านกัน หรือสอบหลายรอบจึงผ่าน
ก็เห็นทำงานกันในหลายโรงพยาบาลแล้วค่ะ

เท่าที่นึกออกก็มีแค่นี้แหล่ะค่ะ ถ้าสนใจ หรือต้องการปรึกษาอะไรเพิ่มเติม หลังไมค์มานะคะ ^^
เราดำเนินการกับเอเจนซี่ด้วยตัวเองทุกอย่าง พ่อแม่เราแค่ให้คำปรึกษากับจ่ายตังค์ค่ะ