แบบว่าช่วงนี้เห็นแชร์กันจังในเฟสบุ๊ก เลยหยิบมาคุยกันดีกว่า เพื่อนๆ มีความเห็นว่าอย่างไร และตอบข้อสงสัยที่ตั้งขึ้นมาว่าอย่างไรกันบ้างครับ
แล้วเรื่องนี้จริงเท็จประการใด
"ตาสว่าง" สมชื่อรายการ...แต่ถูกปิดไปแล้ว
ขอยกมาเฉพาะที่สำคัญๆแล้วกันนะ เผื่อจะทำให้หลายๆคนที่ไม่ได้ดู
- ราคาน้ำมันที่ขายในตลาดโลกในขณะนี้ ราคาประมาณ 27 บาทต่อลิตร (ที่ว่า 135 เหรียญนั่นแหละ)
- ราคาน้ำมันในขณะนี้ ไม่ได้ขึ้นราคาเพราะต้นทุน แต่ขึ้นกับราคา "หุ้น" ที่คนขายก็คือคนซื้อ คนซื้อก็เอามาขาย คนขายก็ซื้อกลับ กลับไปกลับมา โดยราคาขึ้นไปเรื่อยๆ
- น้ำมัน ไม่ได้แพงเพราะมันจะหมดภายใน 40 ปีอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ เพราะอัตราการใช้น้ำมัน และการพบน้ำมัน มันพอๆกันมาตลอด และมันก็ "อีก 40 ปีจะหมด" มาตั้งแต่เมื่อ 40 ปีที่แล้วแล้ว เรื่องนี้มีผลกับราคาน้ำมันน้อยมาก
- น้ำมันดิบ เราซื้อจากตะวันออกกลาง แต่พอกำหนดราคา ไปอิงกับราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่สิงคโปร์ + ประมาณ 4 เหรียญ เพื่อให้มีเหตุผลในการตั้งราคาแพงๆ
- ในประเทศไทย ทำไมไม่มีคนดูแลหรือ? คำตอบคือ ในเมืองไทย กรรมการนโยบายพลังงาน ซึ่งดูแลเรื่องน้ำมัน ไปเป็นประธานกรรมการบริษัทน้ำมันเอกชน ไปถือหุ้น ไปเล่นหุ้น ภรรยาไปถือหุ้น มีรายได้กันมากมาย ก็เลยไม่มีใครดูแลราคาน้ำมันให้ประชาชน (อันนี้ถอดความมาเป๊ะๆเลยนะคะ เหะๆ) - ปี 2545 กำไรของโรงกลั่น(ขณะนั้นเป็นรัฐวิสาหกิจ) ประมาณ 22,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรสูงสุดในรอบ 50 ปี แต่หลังจากการแปรรูป การเล่นหุ้น การผูกขาด ประโยชน์ทับซ้อนของคนที่เกี่ยวข้อง ในปี 2547 กำไรพุ่งขึ้นไปเป็น 120,000 ล้านบาท และขึ้นไปเป็นเกือบ 2 แสนล้าน ในปี 2548
- ปี 2550 กำไรประมาณ 169,000 ล้านบาท
- ถ้าบริษัทน้ำมัน ลดราคาน้ำมันลงลิตรละ 3 บาท กำไรจะหายไป 57,000 ล้านบาท แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ต่อให้ลดลงลิตรละ 5 บาท กำไรก็ยังคงมากกว่า 1 แสนล้านบาทอยู่ดี
- ปัจจุบันนี้ เรากลั่นน้ำมันประมาณ เกือบ 1 ล้านบาเรลต่อวัน ใช้ในประเทศประมาณ 7 แสนบาเรล ส่งออกน้ำมันประมาณ แสนกว่าบาเรลต่อวัน ในราคาที่ต่ำกว่าตลาดที่สิงคโปร์ ซึ่งหมายความว่า เป็นราคาที่ถูกกว่าราคาน้ำมันที่ขายในประเทศ
- เคยพยายามออกกฏหมายให้ผู้ดูแลส่วนนี้ ห้ามไปถือหุ้น และไปเป็นกรรมการบริษัทน้ำมันเอกชน แต่ไม่สำเร็จ เพราะข้าราชการผู้ใหญ่บางท่าน ไม่ยอม เพราะรองปลัดก็จะได้เงินมากกว่าเค้า (จำเริญเถิดประเทศไทย)
- เวลาคำนวณราคาน้ำมัน 1 เหรียญต่อบาเรล เท่ากับ 20 สตางค์ต่อลิตร
เมื่อวานคุยกับเพื่อนเรื่องน้ำมัน แล้วไม่มีข้อสรุปเลยเอามาถามเพื่อนๆ ต่อครับ
แล้วเรื่องนี้จริงเท็จประการใด
"ตาสว่าง" สมชื่อรายการ...แต่ถูกปิดไปแล้ว
ขอยกมาเฉพาะที่สำคัญๆแล้วกันนะ เผื่อจะทำให้หลายๆคนที่ไม่ได้ดู
- ราคาน้ำมันที่ขายในตลาดโลกในขณะนี้ ราคาประมาณ 27 บาทต่อลิตร (ที่ว่า 135 เหรียญนั่นแหละ)
- ราคาน้ำมันในขณะนี้ ไม่ได้ขึ้นราคาเพราะต้นทุน แต่ขึ้นกับราคา "หุ้น" ที่คนขายก็คือคนซื้อ คนซื้อก็เอามาขาย คนขายก็ซื้อกลับ กลับไปกลับมา โดยราคาขึ้นไปเรื่อยๆ
- น้ำมัน ไม่ได้แพงเพราะมันจะหมดภายใน 40 ปีอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ เพราะอัตราการใช้น้ำมัน และการพบน้ำมัน มันพอๆกันมาตลอด และมันก็ "อีก 40 ปีจะหมด" มาตั้งแต่เมื่อ 40 ปีที่แล้วแล้ว เรื่องนี้มีผลกับราคาน้ำมันน้อยมาก
- น้ำมันดิบ เราซื้อจากตะวันออกกลาง แต่พอกำหนดราคา ไปอิงกับราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่สิงคโปร์ + ประมาณ 4 เหรียญ เพื่อให้มีเหตุผลในการตั้งราคาแพงๆ
- ในประเทศไทย ทำไมไม่มีคนดูแลหรือ? คำตอบคือ ในเมืองไทย กรรมการนโยบายพลังงาน ซึ่งดูแลเรื่องน้ำมัน ไปเป็นประธานกรรมการบริษัทน้ำมันเอกชน ไปถือหุ้น ไปเล่นหุ้น ภรรยาไปถือหุ้น มีรายได้กันมากมาย ก็เลยไม่มีใครดูแลราคาน้ำมันให้ประชาชน (อันนี้ถอดความมาเป๊ะๆเลยนะคะ เหะๆ) - ปี 2545 กำไรของโรงกลั่น(ขณะนั้นเป็นรัฐวิสาหกิจ) ประมาณ 22,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรสูงสุดในรอบ 50 ปี แต่หลังจากการแปรรูป การเล่นหุ้น การผูกขาด ประโยชน์ทับซ้อนของคนที่เกี่ยวข้อง ในปี 2547 กำไรพุ่งขึ้นไปเป็น 120,000 ล้านบาท และขึ้นไปเป็นเกือบ 2 แสนล้าน ในปี 2548
- ปี 2550 กำไรประมาณ 169,000 ล้านบาท
- ถ้าบริษัทน้ำมัน ลดราคาน้ำมันลงลิตรละ 3 บาท กำไรจะหายไป 57,000 ล้านบาท แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ต่อให้ลดลงลิตรละ 5 บาท กำไรก็ยังคงมากกว่า 1 แสนล้านบาทอยู่ดี
- ปัจจุบันนี้ เรากลั่นน้ำมันประมาณ เกือบ 1 ล้านบาเรลต่อวัน ใช้ในประเทศประมาณ 7 แสนบาเรล ส่งออกน้ำมันประมาณ แสนกว่าบาเรลต่อวัน ในราคาที่ต่ำกว่าตลาดที่สิงคโปร์ ซึ่งหมายความว่า เป็นราคาที่ถูกกว่าราคาน้ำมันที่ขายในประเทศ
- เคยพยายามออกกฏหมายให้ผู้ดูแลส่วนนี้ ห้ามไปถือหุ้น และไปเป็นกรรมการบริษัทน้ำมันเอกชน แต่ไม่สำเร็จ เพราะข้าราชการผู้ใหญ่บางท่าน ไม่ยอม เพราะรองปลัดก็จะได้เงินมากกว่าเค้า (จำเริญเถิดประเทศไทย)
- เวลาคำนวณราคาน้ำมัน 1 เหรียญต่อบาเรล เท่ากับ 20 สตางค์ต่อลิตร