สวัสดีค่ะ
วันนี้เข้ามาขอความคิดเห็นหน่อยค่ะ
ถ้าตอนแต่งงานคุณได้เซ็นสัญญาก่อนแต่งไปโดยที่คุณไม่รู้ตัว
เพราะคนที่คุณจะแต่งงานด้วยไม่ได้อธิบายเรื่องนี้ว่าวันที่ไปอำเภอกันตอนยื่นเรื่องแต่งงาน
เจ้าหน้าที่เขาถามว่าจะแยกทรัพย์สิน(คิดว่าน่าจะหมายถึงทรัพย์สินก่อนสมรส)
คุณก็อยู่ณ.ที่นั้น อีกฝ่ายบอกว่าแยก โดยไม่ได้่แปลให้คุณฟัง แล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้เซ็นเอกสารอะไรต่างๆ
แล้วคุณมารู้ทีหลังคุณจะเสียความรู้สึกหรือเปล่าคะ
คุณว่ามันสำคัญรึเปล่าคะที่เขาควรจะคุยกับคุณเรื่องนี้
คำถามมีแค่สองข้อนี้เท่านั้นนะคะ ข้างล่างก็บ่นไปตามเรื่อง ไม่ต้องอ่านก็ได้ค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นค่ะ
เรื่องของเราเกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2010 ค่ะ
หลังจากจดทะเบียนกับสามีประมาณหนึ่งสัปดาห์
เราก็ถามเขาว่าทำไมไม่เห็นมีให้เซ็นเรื่องทรัพย์สินเลย
เราได้ยินคนที่แต่งงานกับชาวต่างชาติมักจะมีเรื่องนี้ด้วย
เราบอกเขาว่าเรายินดีเซ็นแบ่งแยกให้เขานะ
เขากลับบอกเราว่าเราเซ็นไปแล้ว วันที่ไปอำเภอด้วยกันไง
เจ้าหน้าที่ที่ถามก็บอกว่าดีแล้วที่แบ่งแยก
ยอมรับว่าโง่จัง เรื่องสัญญาอะไรมันก็ต้องทำก่อนจดทะเบียนกันสิ
ความรู้สึกช้าได้โล่ห์เลย แต่เราก็คิดไปเองว่าถ้าต้องเซ็นอะไรแบบนี้เขาต้องคุยกับเราสิ
เท่าที่เคยอ่านเจอ คนที่จะแต่งงานเขาก็รู้ถ้าจะต้องเซ็น เพราะแฟนเขาต้องบอก
ก่อนมาจดทะเบียนกันที่ต่างประเทศ
พวกเราสองคนจัดงานแต่งเล็กๆที่เมืองไทย เชิญคนรู้จักไม่กี่คน
สามีออกค่าใช้จ่ายประมาณ 15,000บาท เท่านั้นเอง
ค่าสินสอดก็ไม่ต้องมี และก็ไม่ต้องมาส่งเงินให้พ่อแม่เรารายเดือนรายปี
เราแฟร์กับเขาขนาดนี้แล้ว เราคิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่คุยกับเราเรื่องนี้
ทรัพย์สินเขาไม่ได้มีอะไรหรอกค่ะ แค่อพาร์ทเม้นท์สองห้องนอนที่อยู่กันทุกวันนี้
จริงๆเรื่องนี้มันก็ผ่านมาเกือบสามปีได้แล้วมั้ง
แต่มันเป็นบาดแผลฝังลึกอยู่ในใจ
คิดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็เสียความรู้สึกทุกครั้ง
แรกๆหลายครั้งที่ทะเลาะกันเราก็เอาเรื่องนี้มาดรามา
แต่หลังๆมานี้เราก็ไม่ได้หยิบเรื่องนี้มาพูดแล้ว
(เพราะมีเรื่องอื่นให้ดรามาแทน ฮา)
แต่เมื่อวานซืนหยิบโทรศัพท์สามีขึ้นมาดูข้อความต่อหน้าเขา
เจอข้อความของพ่อเขา ถามถึงเรื่องเงินกู้ที่อยู่ในบัญชีเรา
คือสามีเรากู้เงินจากไปรษณีย์มาให้เราเปิดนวดที่บ้าน
กู้มาหมื่นยูโร ซื้อเตียง ซื้อเก้าอี้ จ่ายค่าโน้นนี่หมดไปประมาณครึ่งนึง
ที่เหลือก็เก็บฝากเข้าบัญชีกับไปรษณีย์ ใส่ชื่อเรากับเขา แต่ชื่อเราเป็นชื่อหลัก
สามีเราก็ถอนมาเรื่อยๆ จ่ายค่าผ่อนอพาร์ทเม้นท์บ้าง ท่องเที่ยวกันบ้าง จ่ายบิลต่างๆ
ตอนนี้เหลือติดบัญชีอยู่หนึ่งร้อยยูโร
สามีเราโทรไปถามพ่อเขาว่า ถ้าจ่ายค่าโทรศัพท์กับอินเตอร์เน็ตช้ากว่ากำหนดจะเป็นอะไรมั้ย
พ่อเขาก็เลยรู้ว่ากำลังมีปัญหาเรื่องเงิน
พอดีค่าใช้จ่ายรวมรายปีของอพาร์ทเม้นท์ที่ต้องจ่ายแพงมากเลยในปีนี้
สองสามเดือนนี้สามีเลยติดๆขัดๆ
พ่อเขาคงนึกขึ้นได้ เขียนข้อความมาถามสามีว่า
แล้วเงินที่เธอใส่ไว้ในบัญชีของ.....หล่ะ
หล่อนใช้ไปแล้วเหรอ ถ้าไม่งั้นก็เอาในนั้นแหละมาจ่ายค่าโทรศัพท์
เราอ่านแล้วก็จี๊ดเลย ตูเกี่ยวอะไรฟระ
เราถามสามีว่าตอบเขาไปว่าอะไร สามีบอกว่ามันหมดไปแล้ว
โห อธิบายให้เคลีย์หน่อยสิฟระ เดี๋ยวเขาก็เข้าใจผิดกันพอดี
พอเริ่มจะทะเลาะกันเขาก็เลยโทรอธิบายให้พ่อเขาฟัง
แต่การอธิบายของเขาทำให้เราอยากจะชกให้ดั้งหักไปเลย
พูดประมาณว่าพ่อพิมพ์ผิดใช่ไหม ตก i ไปตัวนึง มันก็เลยแปลว่า.....ใช้เงินไปแล้วเหรอ
ก็เริ่มทะเลาะกัน พ่อเขาเลยบอกจะเขียนอีเมล์มาคุยกับเรา
แต่เราก็ปรอทแตกไปแล้วหล่ะ เราก็เขียนบ่นให้พ่อสามีฟังเรื่องต่างๆเกี่ยวกับเรื่องเงิน
มีตอนนึงเราบ่นถึงเรื่องตอนจดทะเบียนกัน ว่าสามีเราให้เราเซ็นอะไรที่เราไม่รู้เรื่อง
เรายินดีเซ็นให้เขานะ เขาก็รู้จักเราดีว่าเราแฟร์แค่ไหน
เราเขียนๆๆ อยากจะสรุปว่าอยู่ด้วยกันปีแรกเราไม่เคยได้แตะเงิน
แค่อยากจะถือเงินจ่ายตลาดเองยังต้องขออยู่เป็นปี
สินสอดก็ไม่ต้องอะไรก็ไม่ต้อง เงินสามีกู้มาให้เปิดนวด ก็ซึ้งใจมากอยู่แล้ว
ฉันจะไปกล้าใช้ส่วนที่เหลือเหรอ
จริงๆไม่ได้สรุปได้อย่างนี้หรอก อดนอน หัวไม่แล่น ไม่ใช่ภาษาแม่อีก
เขาก็ตอบมาสองสามเรื่อง แต่เรื่องการแบ่งทรัพย์สินกัน ตอบมาแบบไม่ผ่าน
เขาก็สาธยายมานิดหน่อย มีตอนนึงเขาบอกว่าในเมื่อเธอก็ตั้งใจจะแบ่งแยกทรัพย์สินกับเขาอยู่แล้ว
ถึงเขาไม่ได้คุยกับเธอ ฉันก็ไม่เห็นว่าเขาทำอะไรเสียหายเกี่ยวกับเรื่องนี้
จริงๆแล้วเราก็ทะเลาะกับสามีหนักเหมือนกัน มันก็เลยเหนื่อย
เห็นพ่อสามีตอบกลับมาเรื่องการเซ็นแบ่งทรัพย์สินแบบนี้ ก็รู้สึกแย่มากเลย
แต่ไม่มีแรงจะไปเขียนอะไรให้มันมากมาย
เราตอบเขาไปว่าถึงฉันจะไม่อยากมีส่วนในทรัพย์สินของเขา แต่สำหรับฉันมันสำคัญที่เขาต้องเปิดเผยกับฉัน
และฉันก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าฉันต้องเซ็นอะไร
ตอนนั้นฉันไม่รู้ภาษาคุณ เขาก็ต้องแปลให้ฉันฟัง มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ใช่
ถ้าคุณคิดว่ายังไงผลลัพธ์มันก็ไม่ต่างกัน นั่นก็ไม่เป็นไร แต่สำหรับฉันมันต่าง ถือว่าจบนะ
เขาก็เขียนกลับมาว่า พวกเรารักเธอนะ เธอก็เหมือนลูกสาวลูกชายฉัน พวกเราเป็นห่วงพวกเธอนะ โน่น นี่ นั่น....
(เขียนมาซะยาวเลย เหมือนเอาเรื่องในครัวเรือนมาโพทะนา
แต่มันอยากรู้จริงๆ จะถอดล็อคอินก็ทำไม่เป็นกับพันทิปโฉมใหม่
ก็เลยใช้ล็อคอินที่ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่
อยากจะเสริมนิดหน่อยว่า จริงๆแล้วสามีเราเป็นคนดีและน่ารักมาก
ไม่ได้เป็นคนงกอะไรเลย แต่เขาหัวแข็งมากๆในบางเรื่อง
เช่นเรื่องที่ไม่ใช้เงินเราติดตัวเลยในปีแรกที่อยู่ด้วยกัน แต่เรื่องอื่นๆถ้าให้ได้ เขาให้เต็มที่ตลอด)
เราสัญญากับตัวเองว่าเราจะไม่เอาเรื่องนี้มาทะเลาะกันอีกแล้ว ไม่ว่าคำตอบของคนอื่นจะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรงมากน้อยยังไง
แค่ได้ตอบพ่อเขาไปแบบนั้นเราก็พอใจแล้ว ภายในสามสี่เดือนนี้พวกเราทะเลากันบ่อยเกิน
เกือบจะต้องทางใครทางมันมาสองสามครั้งแล้ว
เราแค่อยากรู้ความคิดคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้
ขอบคุณค่ะ
ถ้าคุณได้เซ็นสัญญาก่อนแต่งไปโดยไม่รู้ตัว
วันนี้เข้ามาขอความคิดเห็นหน่อยค่ะ
ถ้าตอนแต่งงานคุณได้เซ็นสัญญาก่อนแต่งไปโดยที่คุณไม่รู้ตัว
เพราะคนที่คุณจะแต่งงานด้วยไม่ได้อธิบายเรื่องนี้ว่าวันที่ไปอำเภอกันตอนยื่นเรื่องแต่งงาน
เจ้าหน้าที่เขาถามว่าจะแยกทรัพย์สิน(คิดว่าน่าจะหมายถึงทรัพย์สินก่อนสมรส)
คุณก็อยู่ณ.ที่นั้น อีกฝ่ายบอกว่าแยก โดยไม่ได้่แปลให้คุณฟัง แล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้เซ็นเอกสารอะไรต่างๆ
แล้วคุณมารู้ทีหลังคุณจะเสียความรู้สึกหรือเปล่าคะ
คุณว่ามันสำคัญรึเปล่าคะที่เขาควรจะคุยกับคุณเรื่องนี้
คำถามมีแค่สองข้อนี้เท่านั้นนะคะ ข้างล่างก็บ่นไปตามเรื่อง ไม่ต้องอ่านก็ได้ค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นค่ะ
เรื่องของเราเกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2010 ค่ะ
หลังจากจดทะเบียนกับสามีประมาณหนึ่งสัปดาห์
เราก็ถามเขาว่าทำไมไม่เห็นมีให้เซ็นเรื่องทรัพย์สินเลย
เราได้ยินคนที่แต่งงานกับชาวต่างชาติมักจะมีเรื่องนี้ด้วย
เราบอกเขาว่าเรายินดีเซ็นแบ่งแยกให้เขานะ
เขากลับบอกเราว่าเราเซ็นไปแล้ว วันที่ไปอำเภอด้วยกันไง
เจ้าหน้าที่ที่ถามก็บอกว่าดีแล้วที่แบ่งแยก
ยอมรับว่าโง่จัง เรื่องสัญญาอะไรมันก็ต้องทำก่อนจดทะเบียนกันสิ
ความรู้สึกช้าได้โล่ห์เลย แต่เราก็คิดไปเองว่าถ้าต้องเซ็นอะไรแบบนี้เขาต้องคุยกับเราสิ
เท่าที่เคยอ่านเจอ คนที่จะแต่งงานเขาก็รู้ถ้าจะต้องเซ็น เพราะแฟนเขาต้องบอก
ก่อนมาจดทะเบียนกันที่ต่างประเทศ
พวกเราสองคนจัดงานแต่งเล็กๆที่เมืองไทย เชิญคนรู้จักไม่กี่คน
สามีออกค่าใช้จ่ายประมาณ 15,000บาท เท่านั้นเอง
ค่าสินสอดก็ไม่ต้องมี และก็ไม่ต้องมาส่งเงินให้พ่อแม่เรารายเดือนรายปี
เราแฟร์กับเขาขนาดนี้แล้ว เราคิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่คุยกับเราเรื่องนี้
ทรัพย์สินเขาไม่ได้มีอะไรหรอกค่ะ แค่อพาร์ทเม้นท์สองห้องนอนที่อยู่กันทุกวันนี้
จริงๆเรื่องนี้มันก็ผ่านมาเกือบสามปีได้แล้วมั้ง
แต่มันเป็นบาดแผลฝังลึกอยู่ในใจ
คิดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็เสียความรู้สึกทุกครั้ง
แรกๆหลายครั้งที่ทะเลาะกันเราก็เอาเรื่องนี้มาดรามา
แต่หลังๆมานี้เราก็ไม่ได้หยิบเรื่องนี้มาพูดแล้ว
(เพราะมีเรื่องอื่นให้ดรามาแทน ฮา)
แต่เมื่อวานซืนหยิบโทรศัพท์สามีขึ้นมาดูข้อความต่อหน้าเขา
เจอข้อความของพ่อเขา ถามถึงเรื่องเงินกู้ที่อยู่ในบัญชีเรา
คือสามีเรากู้เงินจากไปรษณีย์มาให้เราเปิดนวดที่บ้าน
กู้มาหมื่นยูโร ซื้อเตียง ซื้อเก้าอี้ จ่ายค่าโน้นนี่หมดไปประมาณครึ่งนึง
ที่เหลือก็เก็บฝากเข้าบัญชีกับไปรษณีย์ ใส่ชื่อเรากับเขา แต่ชื่อเราเป็นชื่อหลัก
สามีเราก็ถอนมาเรื่อยๆ จ่ายค่าผ่อนอพาร์ทเม้นท์บ้าง ท่องเที่ยวกันบ้าง จ่ายบิลต่างๆ
ตอนนี้เหลือติดบัญชีอยู่หนึ่งร้อยยูโร
สามีเราโทรไปถามพ่อเขาว่า ถ้าจ่ายค่าโทรศัพท์กับอินเตอร์เน็ตช้ากว่ากำหนดจะเป็นอะไรมั้ย
พ่อเขาก็เลยรู้ว่ากำลังมีปัญหาเรื่องเงิน
พอดีค่าใช้จ่ายรวมรายปีของอพาร์ทเม้นท์ที่ต้องจ่ายแพงมากเลยในปีนี้
สองสามเดือนนี้สามีเลยติดๆขัดๆ
พ่อเขาคงนึกขึ้นได้ เขียนข้อความมาถามสามีว่า
แล้วเงินที่เธอใส่ไว้ในบัญชีของ.....หล่ะ
หล่อนใช้ไปแล้วเหรอ ถ้าไม่งั้นก็เอาในนั้นแหละมาจ่ายค่าโทรศัพท์
เราอ่านแล้วก็จี๊ดเลย ตูเกี่ยวอะไรฟระ
เราถามสามีว่าตอบเขาไปว่าอะไร สามีบอกว่ามันหมดไปแล้ว
โห อธิบายให้เคลีย์หน่อยสิฟระ เดี๋ยวเขาก็เข้าใจผิดกันพอดี
พอเริ่มจะทะเลาะกันเขาก็เลยโทรอธิบายให้พ่อเขาฟัง
แต่การอธิบายของเขาทำให้เราอยากจะชกให้ดั้งหักไปเลย
พูดประมาณว่าพ่อพิมพ์ผิดใช่ไหม ตก i ไปตัวนึง มันก็เลยแปลว่า.....ใช้เงินไปแล้วเหรอ
ก็เริ่มทะเลาะกัน พ่อเขาเลยบอกจะเขียนอีเมล์มาคุยกับเรา
แต่เราก็ปรอทแตกไปแล้วหล่ะ เราก็เขียนบ่นให้พ่อสามีฟังเรื่องต่างๆเกี่ยวกับเรื่องเงิน
มีตอนนึงเราบ่นถึงเรื่องตอนจดทะเบียนกัน ว่าสามีเราให้เราเซ็นอะไรที่เราไม่รู้เรื่อง
เรายินดีเซ็นให้เขานะ เขาก็รู้จักเราดีว่าเราแฟร์แค่ไหน
เราเขียนๆๆ อยากจะสรุปว่าอยู่ด้วยกันปีแรกเราไม่เคยได้แตะเงิน
แค่อยากจะถือเงินจ่ายตลาดเองยังต้องขออยู่เป็นปี
สินสอดก็ไม่ต้องอะไรก็ไม่ต้อง เงินสามีกู้มาให้เปิดนวด ก็ซึ้งใจมากอยู่แล้ว
ฉันจะไปกล้าใช้ส่วนที่เหลือเหรอ
จริงๆไม่ได้สรุปได้อย่างนี้หรอก อดนอน หัวไม่แล่น ไม่ใช่ภาษาแม่อีก
เขาก็ตอบมาสองสามเรื่อง แต่เรื่องการแบ่งทรัพย์สินกัน ตอบมาแบบไม่ผ่าน
เขาก็สาธยายมานิดหน่อย มีตอนนึงเขาบอกว่าในเมื่อเธอก็ตั้งใจจะแบ่งแยกทรัพย์สินกับเขาอยู่แล้ว
ถึงเขาไม่ได้คุยกับเธอ ฉันก็ไม่เห็นว่าเขาทำอะไรเสียหายเกี่ยวกับเรื่องนี้
จริงๆแล้วเราก็ทะเลาะกับสามีหนักเหมือนกัน มันก็เลยเหนื่อย
เห็นพ่อสามีตอบกลับมาเรื่องการเซ็นแบ่งทรัพย์สินแบบนี้ ก็รู้สึกแย่มากเลย
แต่ไม่มีแรงจะไปเขียนอะไรให้มันมากมาย
เราตอบเขาไปว่าถึงฉันจะไม่อยากมีส่วนในทรัพย์สินของเขา แต่สำหรับฉันมันสำคัญที่เขาต้องเปิดเผยกับฉัน
และฉันก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าฉันต้องเซ็นอะไร
ตอนนั้นฉันไม่รู้ภาษาคุณ เขาก็ต้องแปลให้ฉันฟัง มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ใช่
ถ้าคุณคิดว่ายังไงผลลัพธ์มันก็ไม่ต่างกัน นั่นก็ไม่เป็นไร แต่สำหรับฉันมันต่าง ถือว่าจบนะ
เขาก็เขียนกลับมาว่า พวกเรารักเธอนะ เธอก็เหมือนลูกสาวลูกชายฉัน พวกเราเป็นห่วงพวกเธอนะ โน่น นี่ นั่น....
(เขียนมาซะยาวเลย เหมือนเอาเรื่องในครัวเรือนมาโพทะนา
แต่มันอยากรู้จริงๆ จะถอดล็อคอินก็ทำไม่เป็นกับพันทิปโฉมใหม่
ก็เลยใช้ล็อคอินที่ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่
อยากจะเสริมนิดหน่อยว่า จริงๆแล้วสามีเราเป็นคนดีและน่ารักมาก
ไม่ได้เป็นคนงกอะไรเลย แต่เขาหัวแข็งมากๆในบางเรื่อง
เช่นเรื่องที่ไม่ใช้เงินเราติดตัวเลยในปีแรกที่อยู่ด้วยกัน แต่เรื่องอื่นๆถ้าให้ได้ เขาให้เต็มที่ตลอด)
เราสัญญากับตัวเองว่าเราจะไม่เอาเรื่องนี้มาทะเลาะกันอีกแล้ว ไม่ว่าคำตอบของคนอื่นจะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรงมากน้อยยังไง
แค่ได้ตอบพ่อเขาไปแบบนั้นเราก็พอใจแล้ว ภายในสามสี่เดือนนี้พวกเราทะเลากันบ่อยเกิน
เกือบจะต้องทางใครทางมันมาสองสามครั้งแล้ว
เราแค่อยากรู้ความคิดคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้
ขอบคุณค่ะ