ในปัจจุบัน Internet คงไม่มีใครไม่รู้จัก มันกลายเป็นปัจจัยตัวสำคัญของเราไปแล้ว
และที่สำคัญมันมีตัวเชื่อมเราเข้ากับ Internet ที่ใกล้ตัวขนาดที่ว่าหลายๆ คนยกให้มันเป็นปัจจัยที่ 5 ไปเรียบร้อยแล้ว นั่นคือ
"Smartphone"
ตั้งแต่ลูกเล็กเด็กแดงต่างก็มี Smartphone กันคนละเครื่องๆ ก็ยอมรับอะครับว่ามันมีประโยชน์
แต่อยากจะให้รู้กันเอาไว้ด้วยว่า "อะไรที่มันมีด้านบวก มันก็มีด้านลบเสมอ"
Smartphone มันเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของเราจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของเราไปแล้ว
นั่นหมายความว่าภัยจากคนภายนอกก็จะสามารถเข้ามาถึงตัวเราได้อย่างง่ายมากขึ้น
เพราะ Smartphone มันคืออุปกรณ์เชื่อมต่อ Internet .... นั่นคือตัวของเรากำลังอยู่ท่ามกลางผู้คนทั่วโลก
ในโลกมันก็มีทั้งคนที่ดี และคนที่ไม่หวังดี ..... นี่แหละคือจุดประสงค์ของการโพสในวันนี้
วันนี้ผมจะมาเน้นที่ความปลอดภัยในการใช้งาน Email ของเราครับ .... ทำไมต้องเน้นไปที่ Email?
เพราะ Email ของเรานั้นเป็นทาง/ตัวกลางไปสู่ "กิจกรรมบนโลกออนไลน์" ทั้งหลายในปัจจุบันนี้
ถ้าอ้ายอีคนไหนมันมายึด Email ของเราไปได้ นั่นก็หมายถึงมันผู้นั้นได้เข้าถึงตัวคุณไปแล้ว
เช่น เราใช้ Email ของเราในการสมัคร Apple ID, Google Play ID, Facebook, Twister, ธนาคารออนไลน์, หุ้นออนไลน์, ..... ฯลฯ
ถ้า Email ของเราถูกยึดไปได้ นั่นหมายความว่า กิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ที่เราผูกไว้กับ Email นั้น ก็เสี่ยงไปด้วย
Email จึงถือเป็นปราการด่านแรกที่เราจะต้องรักษาอธิปไตยไว้ยิ่งชีพ อย่าให้ใครหน้าไหนมารุกล้ำเป็นอันขาด
[ภาพรวมของปัญญาในสังคมปัจจุบัน] ใครใคร่อ่านก็อ่าน ไม่อยากอ่านก็ข้ามไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ภัยคุกคามในเรื่องความเป็นส่วนตัวมันใกล้ตัวเรามาก ส่วนหนึ่งมาจากผู้ใช้เอง ที่ขาดความระมัดระวัง
และเผิกเฉยต่อความปลอดภัย ทำให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ จะเห็นได้จากข่าวที่มีคนถูกโจรกรรมข้อมูลทางธุรกรรม
หรือ โดน hack Facebook/Twister หากลองตรวจสอบต้นตอดูจะพบได้ว่า ส่วนใหญ่มาจากการถูกขโมย Email Account เป็นอันดับแรก
แนวโน้มการใช้งาน Smartphone ที่สูงขึ้น แต่ระดับความรู้ (ความเข้าใจในเทคโนโลยีและความปลอดภัย) ยังอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง
จะส่งผลให้ภัยทางคอมพิวเตอร์เพิ่มสูงขึ้นด้วยเป็นเงาตามตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโทรฯ ที่มีการผูก Account ส่วนตัวไว้ เช่น
Android ที่มีการผูก Google ID และ iOS ที่มีการผูก Apple ID ไว้กับตัวเครื่องที่ใช้งาน หากมีการลับลอบใช้งานอุปกรณ์เหล่านั้น
นั่นหมายถึงโอกาสที่ผู้ไม่หวังดีจะเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเราได้นั้นก็มีมากขึ้นเป็นเงาตามตัวไปด้วย
ขั้นแรก : Password .... เรื่องสำคัญที่คุณละเลย
รหัสผ่านหรือ Password นั้นเป็นสิ่งสำคัญครับ เพราะมันคือ ตัวอักษรหรือตัวเลขที่คุณเท่านั้นที่รู้
เอาไว้สำหรับเปิดเข้าไปยังข้อมูลส่วนตัว/การงาน/การเงินของคุณ ถ้าคนอื่นรู้นั่นก็หมายถึงเขารู้เรื่องของคุณไปด้วย
กฏการตั้ง Password ที่ดี:
1. ไม่ควรเป็นคำง่ายๆ เช่น eat, ant, cat, 123456
2. ควรมีตัวอักษรเล็กและใหญ่ปนกัน มีตัวเลขผสมด้วยยิ่งดี
3. ควรมีความยาวอย่างน้อย 6 ตัวขึ้นไป
4. ไม่ควรเอาชื่อตัวเองมาบวกกับตัวเลขหรือวันเกิด เช่น name1234, name01011988
5. ไม่ควรตั้งตามเอกสารประจำตัวของเรา เช่น ตั้งตามเลขบัตรประชาชน, เลขใบขับขี่ ฯ
"ฉะนั้นการตั้ง Password ควรตั้งให้ง่ายต่อเราจำ แต่ยากต่อคนอื่นจะคาดเดา"
คำถามคือจะตั้งยังไง? ให้ง่ายต่อเราจำ แต่ยากต่อคนอื่นจะคาดเดา
วิธีแรก (ดีที่สุด) : ผมใช้วิธีตั้งเป็นภาษาไทย โดยเป็นคำที่เราจำได้ (ผมใช้วิธีนี้มาตลอด)
เช่น vpjkmeCyo555
ถ้ามองผ่านๆ มันจะเป็นอะไรที่จำได้ยากสำหรับคนอื่น เพราะ มันเป็นคำสะกดไม่มีความหมาย
แต่จริงๆ แล้วผมพิมพ์ประโยคว่า "อย่าทำฉัน555" ครับ เพียงแค่ไม่เปลี่ยนภาษาเป็นอังกฤษแค่นั้นเอง
ซึ่งสำหรับเจ้าตัวแล้วมันจะจำได้ง่าย แต่วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่พิมพ์คล่องและรู้ว่าตำแหน่งตัวอักษรไทยอยู่ตรงกับตัวไหนในภาษาอังกฤษ
เพราะถ้าไปเจอ Virtual Keyboard อย่างพวก iPhone หรือ Android มันวางตำแหน่งไม่เหมือนแป้นพิมพ์ของคอมฯ ... คุณจะจำไม่ได้เอง
ข้อดี :
- ได้ Password ที่เราจำได้ง่าย
- ความซับซ้อนอยู่ในระดับดีมาก ยากต่อคนอื่นจะคาดเดา
ข้อเสีย :
- ถ้าไม่แม่นเรื่องตำแหน่งตัวอักษรอาจจะลำบาก
วิธีที่ 2 : ตั้งให้ยาวเข้าไว้ โดยระบุวลีประจำตัวเราลงไป (ที่คนอื่นไม่รู้ และไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นจะคาดเดาได้)
เช่น EiEiWhoWho55
พยายามให้มีตั้งตัวเล็กและใหญ่ใน Password รวมถึงมีตัวเลขปนมาด้วย อย่างใน Password นี้
เป็นคำไม่มีความหมาย ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเอกสารในชีวิตประจำวันของเรา
ข้อดี :
- ปลอดภัยระดับกลางๆ
- ใช้ได้แม้กับผู้ที่ไม่แม่นเรื่องตำแหน่งแป้น
ข้อเสีย :
- ยังคงเป็นคำที่คนอื่นอาจจะสามารถจำได้
- ตัวผู้ตั้งอาจจะลืมเอง
ต่อไปจะเป็นการเปิดระบบความปลอดภัยสำหรับ Email เราให้มากขึ้น (สำหรับผู้ใช้ Gmail เท่านั้น)
สมัยนี้อะไรๆ ก็ไว้ใจไม่ได้ แม้แต่สามีเราก็อาจจะไปเป็นภรรยาคนอื่นได้...ฉะนั้นมาเพิ่มความปลอดภัยให้กับ Email ของคุณกันเถอะ
และที่สำคัญมันมีตัวเชื่อมเราเข้ากับ Internet ที่ใกล้ตัวขนาดที่ว่าหลายๆ คนยกให้มันเป็นปัจจัยที่ 5 ไปเรียบร้อยแล้ว นั่นคือ
"Smartphone"
ตั้งแต่ลูกเล็กเด็กแดงต่างก็มี Smartphone กันคนละเครื่องๆ ก็ยอมรับอะครับว่ามันมีประโยชน์
แต่อยากจะให้รู้กันเอาไว้ด้วยว่า "อะไรที่มันมีด้านบวก มันก็มีด้านลบเสมอ"
Smartphone มันเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของเราจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของเราไปแล้ว
นั่นหมายความว่าภัยจากคนภายนอกก็จะสามารถเข้ามาถึงตัวเราได้อย่างง่ายมากขึ้น
เพราะ Smartphone มันคืออุปกรณ์เชื่อมต่อ Internet .... นั่นคือตัวของเรากำลังอยู่ท่ามกลางผู้คนทั่วโลก
ในโลกมันก็มีทั้งคนที่ดี และคนที่ไม่หวังดี ..... นี่แหละคือจุดประสงค์ของการโพสในวันนี้
วันนี้ผมจะมาเน้นที่ความปลอดภัยในการใช้งาน Email ของเราครับ .... ทำไมต้องเน้นไปที่ Email?
เพราะ Email ของเรานั้นเป็นทาง/ตัวกลางไปสู่ "กิจกรรมบนโลกออนไลน์" ทั้งหลายในปัจจุบันนี้
ถ้าอ้ายอีคนไหนมันมายึด Email ของเราไปได้ นั่นก็หมายถึงมันผู้นั้นได้เข้าถึงตัวคุณไปแล้ว
เช่น เราใช้ Email ของเราในการสมัคร Apple ID, Google Play ID, Facebook, Twister, ธนาคารออนไลน์, หุ้นออนไลน์, ..... ฯลฯ
ถ้า Email ของเราถูกยึดไปได้ นั่นหมายความว่า กิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ที่เราผูกไว้กับ Email นั้น ก็เสี่ยงไปด้วย
Email จึงถือเป็นปราการด่านแรกที่เราจะต้องรักษาอธิปไตยไว้ยิ่งชีพ อย่าให้ใครหน้าไหนมารุกล้ำเป็นอันขาด
[ภาพรวมของปัญญาในสังคมปัจจุบัน] ใครใคร่อ่านก็อ่าน ไม่อยากอ่านก็ข้ามไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขั้นแรก : Password .... เรื่องสำคัญที่คุณละเลย
รหัสผ่านหรือ Password นั้นเป็นสิ่งสำคัญครับ เพราะมันคือ ตัวอักษรหรือตัวเลขที่คุณเท่านั้นที่รู้
เอาไว้สำหรับเปิดเข้าไปยังข้อมูลส่วนตัว/การงาน/การเงินของคุณ ถ้าคนอื่นรู้นั่นก็หมายถึงเขารู้เรื่องของคุณไปด้วย
กฏการตั้ง Password ที่ดี:
1. ไม่ควรเป็นคำง่ายๆ เช่น eat, ant, cat, 123456
2. ควรมีตัวอักษรเล็กและใหญ่ปนกัน มีตัวเลขผสมด้วยยิ่งดี
3. ควรมีความยาวอย่างน้อย 6 ตัวขึ้นไป
4. ไม่ควรเอาชื่อตัวเองมาบวกกับตัวเลขหรือวันเกิด เช่น name1234, name01011988
5. ไม่ควรตั้งตามเอกสารประจำตัวของเรา เช่น ตั้งตามเลขบัตรประชาชน, เลขใบขับขี่ ฯ
"ฉะนั้นการตั้ง Password ควรตั้งให้ง่ายต่อเราจำ แต่ยากต่อคนอื่นจะคาดเดา"
คำถามคือจะตั้งยังไง? ให้ง่ายต่อเราจำ แต่ยากต่อคนอื่นจะคาดเดา
วิธีแรก (ดีที่สุด) : ผมใช้วิธีตั้งเป็นภาษาไทย โดยเป็นคำที่เราจำได้ (ผมใช้วิธีนี้มาตลอด)
เช่น vpjkmeCyo555
ถ้ามองผ่านๆ มันจะเป็นอะไรที่จำได้ยากสำหรับคนอื่น เพราะ มันเป็นคำสะกดไม่มีความหมาย
แต่จริงๆ แล้วผมพิมพ์ประโยคว่า "อย่าทำฉัน555" ครับ เพียงแค่ไม่เปลี่ยนภาษาเป็นอังกฤษแค่นั้นเอง
ซึ่งสำหรับเจ้าตัวแล้วมันจะจำได้ง่าย แต่วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่พิมพ์คล่องและรู้ว่าตำแหน่งตัวอักษรไทยอยู่ตรงกับตัวไหนในภาษาอังกฤษ
เพราะถ้าไปเจอ Virtual Keyboard อย่างพวก iPhone หรือ Android มันวางตำแหน่งไม่เหมือนแป้นพิมพ์ของคอมฯ ... คุณจะจำไม่ได้เอง
ข้อดี :
- ได้ Password ที่เราจำได้ง่าย
- ความซับซ้อนอยู่ในระดับดีมาก ยากต่อคนอื่นจะคาดเดา
ข้อเสีย :
- ถ้าไม่แม่นเรื่องตำแหน่งตัวอักษรอาจจะลำบาก
วิธีที่ 2 : ตั้งให้ยาวเข้าไว้ โดยระบุวลีประจำตัวเราลงไป (ที่คนอื่นไม่รู้ และไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นจะคาดเดาได้)
เช่น EiEiWhoWho55
พยายามให้มีตั้งตัวเล็กและใหญ่ใน Password รวมถึงมีตัวเลขปนมาด้วย อย่างใน Password นี้
เป็นคำไม่มีความหมาย ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเอกสารในชีวิตประจำวันของเรา
ข้อดี :
- ปลอดภัยระดับกลางๆ
- ใช้ได้แม้กับผู้ที่ไม่แม่นเรื่องตำแหน่งแป้น
ข้อเสีย :
- ยังคงเป็นคำที่คนอื่นอาจจะสามารถจำได้
- ตัวผู้ตั้งอาจจะลืมเอง
ต่อไปจะเป็นการเปิดระบบความปลอดภัยสำหรับ Email เราให้มากขึ้น (สำหรับผู้ใช้ Gmail เท่านั้น)