การเงิน - การลงทุน
วันที่ 7 มีนาคม 2556 00:01
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
พงศ์ธาริน ทรัพยานนท์ หัวหน้าฝ่ายตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน
บลจ.อเบอร์ดีนมั่นใจเงินทุนต่างชาติไหลเข้าลงทุน"ตราสารหนี้-หุ้น"ไทยต่อเนื่อง เหตุศก.แกร่ง กำไรบจ.เติบโตดี-ปันผลสูง-ราคาไม่แพง
นายพงศ์ธาริน ทรัพยานนท์ หัวหน้าฝ่ายตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน เปิดเผยว่า
เศรษฐกิจไทยในปีนี้คาดว่าจะโตไม่ต่ำกว่า 5.0% และอัตราเงินเฟ้ออยู่ประมาณ 3.5% ซึ่งถือว่าเป็นเศรษฐกิจที่ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพด้วยเพราะมาจากแรงขับเคลื่อนผ่านอุปสงค์ภายในประเทศเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ
อย่างไรก็ตาม การที่เศรษฐกิจเติบโตดีก็มีความเสี่ยงเช่นกันเพราะมีแนวโน้มว่าจะมีการนำเข้ามากกว่าการส่งออกและทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยเกินดุลลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี09 เป็นต้นมา ดังนั้นภาครัฐจึงควรมีนโยบายที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเศรษฐกิจเพื่อให้เศรษฐกิจมีการปรับตัวได้อย่างเหมาะสมต่อไป นั่นทำให้
บริษัทประเมินว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขึ้นอย่างน้อย 0.25% ในช่วงครึ่งหลังของปี เพราะหากปรับขึ้นช้าไปอาจจะทำให้ต้องไปเร่งปรับขึ้นเร็วและแรงได้ซึ่งอาจจะเป็นผลลบต่อภาพเศรษฐกิจได้เช่นเดียวกัน
ปัจจุบันสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ไทยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 16% แล้วในตราสารหนี้ภาครัฐ มากกว่านักลงทุนที่เป็นธนาคารพาณิชย์ของไทยอีก ดังนั้นปัจจัยทั้งจากต่างประเทศและในประเทศเองย่อมจะส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม
บริษัทเชื่อว่าเงินทุนจะยังคงไหลเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่อย่างต่อเนื่องรวมทั้งประเทศไทยด้วย ในปีที่ผ่านมาผลตอบแทนของดัชนีตราสารหนี้ไทยอยู่ประมาณ 3.3% ในปีนี้ก็คงใกล้เคียงกัน นั่นยังไม่นับผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งค่าเงินบาทเองก็ยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่องในปีนี้ แต่บริษัทเชื่อว่าการแข็งค่าของเงินบาทจะอยู่กลางๆ ไม่ได้แข็งมากกว่าประเทศอื่นอย่างชัดเจน
น.ส.รัตนวรรณ แสงกิติโกมล ผู้จัดการกองทุนตราสารทุน บลจ.อเบอร์ดีน กล่าวว่า เงินทุนที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2552 ผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและโดดเด่นตลาดหนึ่งของภูมิภาค ประกอบกับกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ยังมีแนวโน้มเติบโตดีส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเหนือกว่าดัชนี MSCI Asia ex Japan มาตลอดตั้งแต่ปีพ.ศ. 2552 รวมถึงเดือนม.ค.พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมาด้วย
การปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นไทยค่อนข้างขึ้นมาเกินพื้นฐานไปแล้วแต่ก็เป็นภาวะตลาดที่ถูกขับเคลื่อนจากเงินทุนไหลเข้าในช่วงที่ผ่านมาเป็นหลัก และหากมองพื้นฐานตลาดหุ้นไทยเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคตลาดหุ้นไทยเองก็ยังไม่ถือว่าแพงในแง่ของสัดส่วนของราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) อยู่ที่ 11.7 เท่า และ 10.6 เท่า ในปี 2556 และ 2557 ตามลำดับ ในขณะที่อัตราการจ่ายเงินปันผลยังอยู่ในเกณฑ์ดี 3.6% และ 4.1% ในปี13 และ 14 ตามลำดับ ดังนั้นเงินทุนต่างชาติก็ยังน่าจะมีแนวโน้มไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องได้
"
ปัจจัยเสี่ยงภายนอกยังคงเป็นเรื่องของสหรัฐ ยุโรป รวมทั้งจีนเองด้วยที่ยังคงจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นตลาดหุ้นก็พร้อมจะผันผวนและตลาดหุ้นไทยก็ปรับฐานได้เช่นกัน ส่วนปัจจัยภายในก็คงเป็นเรื่องการเมืองที่ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ความมีเสถียรภาพของรัฐบาลก็ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาด้วย"
อเบอร์ดีนมั่นใจเงินนอกไหลเข้าหุ้น-ตราสารหนี้
วันที่ 7 มีนาคม 2556 00:01
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
พงศ์ธาริน ทรัพยานนท์ หัวหน้าฝ่ายตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน
บลจ.อเบอร์ดีนมั่นใจเงินทุนต่างชาติไหลเข้าลงทุน"ตราสารหนี้-หุ้น"ไทยต่อเนื่อง เหตุศก.แกร่ง กำไรบจ.เติบโตดี-ปันผลสูง-ราคาไม่แพง
นายพงศ์ธาริน ทรัพยานนท์ หัวหน้าฝ่ายตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้คาดว่าจะโตไม่ต่ำกว่า 5.0% และอัตราเงินเฟ้ออยู่ประมาณ 3.5% ซึ่งถือว่าเป็นเศรษฐกิจที่ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพด้วยเพราะมาจากแรงขับเคลื่อนผ่านอุปสงค์ภายในประเทศเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ
อย่างไรก็ตาม การที่เศรษฐกิจเติบโตดีก็มีความเสี่ยงเช่นกันเพราะมีแนวโน้มว่าจะมีการนำเข้ามากกว่าการส่งออกและทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยเกินดุลลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี09 เป็นต้นมา ดังนั้นภาครัฐจึงควรมีนโยบายที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเศรษฐกิจเพื่อให้เศรษฐกิจมีการปรับตัวได้อย่างเหมาะสมต่อไป นั่นทำให้บริษัทประเมินว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขึ้นอย่างน้อย 0.25% ในช่วงครึ่งหลังของปี เพราะหากปรับขึ้นช้าไปอาจจะทำให้ต้องไปเร่งปรับขึ้นเร็วและแรงได้ซึ่งอาจจะเป็นผลลบต่อภาพเศรษฐกิจได้เช่นเดียวกัน
ปัจจุบันสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ไทยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 16% แล้วในตราสารหนี้ภาครัฐ มากกว่านักลงทุนที่เป็นธนาคารพาณิชย์ของไทยอีก ดังนั้นปัจจัยทั้งจากต่างประเทศและในประเทศเองย่อมจะส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าเงินทุนจะยังคงไหลเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่อย่างต่อเนื่องรวมทั้งประเทศไทยด้วย ในปีที่ผ่านมาผลตอบแทนของดัชนีตราสารหนี้ไทยอยู่ประมาณ 3.3% ในปีนี้ก็คงใกล้เคียงกัน นั่นยังไม่นับผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งค่าเงินบาทเองก็ยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่องในปีนี้ แต่บริษัทเชื่อว่าการแข็งค่าของเงินบาทจะอยู่กลางๆ ไม่ได้แข็งมากกว่าประเทศอื่นอย่างชัดเจน
น.ส.รัตนวรรณ แสงกิติโกมล ผู้จัดการกองทุนตราสารทุน บลจ.อเบอร์ดีน กล่าวว่า เงินทุนที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2552 ผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและโดดเด่นตลาดหนึ่งของภูมิภาค ประกอบกับกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ยังมีแนวโน้มเติบโตดีส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเหนือกว่าดัชนี MSCI Asia ex Japan มาตลอดตั้งแต่ปีพ.ศ. 2552 รวมถึงเดือนม.ค.พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมาด้วย
การปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นไทยค่อนข้างขึ้นมาเกินพื้นฐานไปแล้วแต่ก็เป็นภาวะตลาดที่ถูกขับเคลื่อนจากเงินทุนไหลเข้าในช่วงที่ผ่านมาเป็นหลัก และหากมองพื้นฐานตลาดหุ้นไทยเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคตลาดหุ้นไทยเองก็ยังไม่ถือว่าแพงในแง่ของสัดส่วนของราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) อยู่ที่ 11.7 เท่า และ 10.6 เท่า ในปี 2556 และ 2557 ตามลำดับ ในขณะที่อัตราการจ่ายเงินปันผลยังอยู่ในเกณฑ์ดี 3.6% และ 4.1% ในปี13 และ 14 ตามลำดับ ดังนั้นเงินทุนต่างชาติก็ยังน่าจะมีแนวโน้มไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องได้
"ปัจจัยเสี่ยงภายนอกยังคงเป็นเรื่องของสหรัฐ ยุโรป รวมทั้งจีนเองด้วยที่ยังคงจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นตลาดหุ้นก็พร้อมจะผันผวนและตลาดหุ้นไทยก็ปรับฐานได้เช่นกัน ส่วนปัจจัยภายในก็คงเป็นเรื่องการเมืองที่ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ความมีเสถียรภาพของรัฐบาลก็ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาด้วย"