สนธิ บุญยรัตกลิน ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการเมือง คณะรัฐศาสตร์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพิธีพระราชทานปริญญาบัตรในวันแรก (4 มีนาคม) ช่วงเวลาเช้าที่ผ่านมา พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ เข้าพิธีพระราชทานปริญญาบัตรจากโครงการปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการเมือง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
       
       พล.อ.สนธิ ให้สัมภาษณ์ในโอกาสที่สำเร็จการศึกษาเป็น ‘ดร.’ ว่า ตนตัดสินใจเดินสายเข้าเป็น “นักศึกษาวิชาการเมือง” เต็มขั้นเพื่อเสริมความรู้ทางวิชาการเมืองให้ตัวเอง โดยเลือกเข้าเรียนโครงการปรัชญาดุษฎีบัณฑิตสาขาวิชาการเมือง คณะรัฐศาสตร์ ม.ร. และวันนี้ความสำเร็จก้าวมาอีกขั้นเมื่อเรียนจบเป็นดุษฎีบัณฑิตรุ่นแรกของสาขาวิชาการเมือง และยังเป็นประธานรุ่นให้คำปรึกษากับเพื่อนร่วมรุ่นอีกด้วย
       
      “ในสมัยที่สมัครเข้าเรียนปริญญาเอก ผมยังไม่ได้ทำงานด้านการเมือง จึงตัดสินใจเลือกมาเรียนคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพราะเห็นว่าสาขาวิชาการเมือง เป็นความรู้ใหม่ที่ตนเองอยากรู้ และมองเห็นประเทศไทยที่ต้องนำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยทำให้อยากรู้ว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงคืออะไร ที่บ้านเราเป็นอยู่ใช่หรือไม่ ขณะเดียวกันประเทศไทยมีผู้นำที่ยังไม่สามารถนำพาประเทศไปสู่ความสำเร็จได้ ยิ่งอยากรู้ว่าเป็นเพราะอะไร เกี่ยวข้องกับการเมืองการปกครองใช่หรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่อยากรู้ก่อนเข้ามาศึกษาที่นี่
       
       เมื่อเข้ามาเรียนที่รามคำแหงแล้ว ทำให้เข้าใจเรื่องการเมืองการปกครองมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และเห็นแก่นแท้ว่า ความเป็นประชาธิปไตยในบ้านเรา แม้ว่าจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าแต่ยังไม่ถึงปลายทาง ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่มีการศึกษาน้อยก็ยังไม่เข้าใจเรื่องของประชาธิปไตย ทำให้ระบอบประชาธิปไตยบ้านเรามีอุปสรรคอยู่ตลอด ทั้งผู้นำประเทศและผู้บริหารประเทศ ซึ่งผู้นำประเทศต้องมีหลักในการทำงานหลายประเด็น แต่บ้านเราผู้นำยังขาดคุณธรรม จริยธรรมขาดความเป็นประชาธิปไตย และขาดความกล้า ทำให้ผู้นำประเทศไม่สามารถที่จะกล้าตัดสินใจลงมือทำ เพราะกลัวว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้น...ใช่ประชาธิปไตยหรือไม่ หรือเป็นที่พอใจของประชาชนหรือไม่ ซึ่งในความเป็นจริงทุกสิ่งทุกอย่างต้องผสมกลมกลืนกัน ทั้งคุณธรรม จริยธรรม ความเป็นประชาธิปไตยและความกล้าตัดสินใจ”
       
       พล.อ.สนธิ กล่าวถึงชีวิตการเรียนที่รามคำแหงว่า ตนเป็นข้าราชการทหารมานานหลายปี ทำให้รู้จักแบ่งเวลาในการบริหารจัดการชีวิตอยู่เสมอ โดยช่วงที่เรียนระดับปริญญาเอก เป็นช่วงที่เกษียณอายุราชการแล้วจึงทำให้มีเวลาในการอ่านหนังสือ หาความรู้ใหม่ๆและทุ่มเทกับการเรียนมากพอสมควร ที่สำคัญ ทำให้พบความหลากหลายทางการศึกษา "ผมจบปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์ เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ จับต้องได้ มาเรียนปริญญาโทเรียนด้านสังคมวิทยา ทำให้เข้าใจสังคมบ้านเราว่าเป็นอย่างไร เมื่อมาเรียนปริญญาเอกด้านรัฐศาสตร์ ก็ได้นำศาสตร์ความรู้ของวิทย์-สังคมมาผสานกับการเมืองการปกครองมาปรับใช้ในการทำงาน ซึ่งบ้านเราวันนี้การปกครองระบอบประชาธิปไตยยังเดินหน้าไม่ได้ เพราะมีปัญหาและอุปสรรคในเรื่องของการจัดระเบียบสังคมที่ยังไม่เข้มแข็งและไม่มีกฎระเบียบชัดเจนที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน"
       
       
       นอกจากนี้ พล.อ.สนธิ ไม่ลืมที่จะฝากหลักในการเรียนหนังสือให้แก่นักศึกษารามคำแหงด้วยว่า เรื่องการเรียนหนังสือเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องรักและอย่าท้อแท้ เพราะทุกเรื่องที่อาจารย์สอนเป็นสิ่งที่ต้องกระตือรือร้นอยากรู้ พร้อมสร้างบรรยากาศให้เกิดความสนุก มิใช่เข้ามาเรียนเพื่อให้ผ่านไปวันๆ สิ่งที่อาจารย์สอนเป็นความรู้ที่เราต้องนำมาต่อเหมือนจิ๊กซอว์ที่อยู่ในสมองของเรา เมื่อเต็มแล้วก็สามารถนำมาใช้งานได้
       
       "ขอให้ผู้ที่เข้ามาเรียน ตั้งใจเรียนให้มากๆ เพราะรามคำแหงไม่เหมือนมหาวิทยาลัยแห่งอื่น ทุกคนต้องรู้จักพึ่งตนเองและรู้จักบริหารจัดการเวลาให้ลงตัวในการเรียนทุกระดับ “ผมมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า คนที่จบจากรามคำแหงเป็นคนที่มีความมุมานะและมีความตั้งใจสูง ถือเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของบัณฑิตที่จะออกไปรับใช้สังคม ขอให้นักศึกษาทุกคนจงมีความตั้งใจ อดทน พยายามและไม่ท้อแท้กับอุปสรรคใดๆ ที่สำคัญ ผมเชื่อในปรัชญาของการรับรู้ที่ว่า ‘เรียนมาก...รู้มาก...คิดเป็น...ใช้เป็น’ โดยทุกคนสามารถยึดหลักนี้ในการศึกษาและการดำเนินชีวิตได้อย่างแน่นอน”
       
       พล.อ.สนธิ แนะบัณฑิตคณะรัฐศาสตร์ที่ต้องการทำงานในแวดวงการเมืองด้วยว่า การเมืองประเทศไทยเป็นการเมืองที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากสังคมเดิมมาสู่สังคมประชาธิปไตย เป็นเรื่องที่สับสนและยุ่งยาก การที่บัณฑิตคณะรัฐศาสตร์ได้เข้ามาเรียนรู้เรื่องการเมืองการปกครอง ก็สามารถที่จะนำไปประยุกต์สู่วิถีทางการเมืองได้
       
       “ขอให้ทุกคนมาช่วยกัน อย่าเพิ่งท้อแท้ว่าการเมืองไทยเป็นเช่นปัจจุบัน แล้วละทิ้งบ้านเมือง หลายคนบอกว่า การเป็นนักการเมืองเหมือนเป็นน้ำเสีย อย่าไปคิดเช่นนั้น เราต้องนำน้ำดีเข้าไปผสมกับน้ำเสีย แล้วทำให้น้ำเสียกลายเป็นน้ำดี อย่างน้อยก็ช่วยกันทำน้ำเสียให้น้อยลง เมื่อเรียนจบแล้วถ้ามีโอกาสได้เข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมือง ขอให้เข้ามาช่วยกันดูแลรับใช้บ้านเมือง และเป็นนักการเมืองที่ดี เพื่อบ้านเมืองจะได้มีความเจริญต่อไปในอนาคต” พล.อ.สนธิกล่าว

http://mgr.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9560000026896

###########################################

เอ๋อ ลุงขอถามคำเดียว ท่านจะทำรัฐประหารประเทศไทย พ.ศ. 2549  ทำใมครับ

ในเมื่อท่านยังไม่รู้ ว่าประชาธิปไตย คืออะใร
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่