วันที่ 4 มี.ค. หลังจาก "เจ้าเล็ก" รัตนชัย ส.วรพิน หรือ นายไชยา โพธิ์ทอง อดีตแชมป์โลกรุ่นแบนตัมเวท องค์กรมวยโลก น้องชายแท้ๆ ของ "เจ้าโบ้" รัตนพล ส.วรพิน อดีตแชมป์โลกรุ่นมินิมัมเวต สหพันธ์มวยนานาชาติ วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือเงินบริจาคค่าทำศพ นายสมใจ โพธิ์ทอง อายุ 67 ปี บิดาซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก และกระเพาะอาหาร เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา
ล่าสุด รัตนพล ออกมาเปิดเผยว่า ได้จัดงานฌาปนกิจให้กับบิดาของตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่วัดสะพานหิน จ.นครราชสีมา เหลือเพียงแค่การทำบุญ 100 วันหลังจากนี้ พร้อมกล่าวขอบคุณแฟนมวย และผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านที่ช่วยกันบริจาคเงินจนเพียงพอในการดำเนินการตามพิธีทางศาสนา
ทั้งนี้ รัตนพล วัย 38 ปี กลายเป็นข่าวโด่งดังจากชีวิตที่ต้องตกระกำลำบาก หลังจากแขวนนวมไป จนต้องประกอบอาชีพขายบะหมี่เกี๊ยว และดีวีดีชีวประวัติตัวเองเลี้ยงชีพ ซึ่งเขายอมรับว่า รายได้พอเลี้ยงครอบครัว ซึ่งแม้ว่าจะไม่มากมาย แต่ก็ดีกว่าไปทำอย่างอื่นที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้ก็ยังมีแฟนมวยให้การช่วยเหลืออยู่บ้าง
"เจ้าโบ้" เผยว่า "ตอนที่เป็นข่าวมีหลายคนอยากช่วยเหลือ แต่พอข่าวเงียบ ก็เงียบหาย ส่วนใหญ่ที่ช่วยตอนนี้ก็มีแต่แฟนมวยและผู้มีจิตศรัทธา ไม่ค่อยมีหน่วยงานของรัฐฯ หรือองค์กรเกี่ยวกับมวย แต่ชีวิตก็ต้องดิ้นรนต่อไป ส่วนเรื่องกลับไปชกมวยอีกครั้งคงไม่เอาแล้ว ไม่อยากให้คนเขาดูถูกมากกว่านี้ ขอค้าขายต่อไปดีกว่า"
"จริงๆ แล้ว นักมวยแชมป์โลกไม่ค่อยมีคนรวย ถ้ามวยโอลิมปิก เป็นมวยของรัฐบาล ก็ได้รับเงินสนับสนุนและการดูแลจากรัฐบาล แต่อย่างเราไม่มี มวยแชมป์โลกเป็นมวยของโปรโมเตอร์ เลิกชกก็ไม่มีรายได้แล้ว" อดีตแชมป์โลกชาวไทย ทิ้งท้าย
http://www.thairath.co.th/content/sport/330272
เป็นตัวอย่างที่ดีครับไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา
ประโยคท้ายที่เขาพูดโดนใจมาก ค่ายมวยควรมีการวางแผนระยะยาวสำหรับนักมวยแต่ละคนไว้ด้วย
แชมป์โลกตกยาก 'รัตนพล ส.วรพิน' ขอบคุณแฟนมวยช่วยเหลือค่าทำศพพ่อ
ล่าสุด รัตนพล ออกมาเปิดเผยว่า ได้จัดงานฌาปนกิจให้กับบิดาของตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่วัดสะพานหิน จ.นครราชสีมา เหลือเพียงแค่การทำบุญ 100 วันหลังจากนี้ พร้อมกล่าวขอบคุณแฟนมวย และผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านที่ช่วยกันบริจาคเงินจนเพียงพอในการดำเนินการตามพิธีทางศาสนา
ทั้งนี้ รัตนพล วัย 38 ปี กลายเป็นข่าวโด่งดังจากชีวิตที่ต้องตกระกำลำบาก หลังจากแขวนนวมไป จนต้องประกอบอาชีพขายบะหมี่เกี๊ยว และดีวีดีชีวประวัติตัวเองเลี้ยงชีพ ซึ่งเขายอมรับว่า รายได้พอเลี้ยงครอบครัว ซึ่งแม้ว่าจะไม่มากมาย แต่ก็ดีกว่าไปทำอย่างอื่นที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้ก็ยังมีแฟนมวยให้การช่วยเหลืออยู่บ้าง
"เจ้าโบ้" เผยว่า "ตอนที่เป็นข่าวมีหลายคนอยากช่วยเหลือ แต่พอข่าวเงียบ ก็เงียบหาย ส่วนใหญ่ที่ช่วยตอนนี้ก็มีแต่แฟนมวยและผู้มีจิตศรัทธา ไม่ค่อยมีหน่วยงานของรัฐฯ หรือองค์กรเกี่ยวกับมวย แต่ชีวิตก็ต้องดิ้นรนต่อไป ส่วนเรื่องกลับไปชกมวยอีกครั้งคงไม่เอาแล้ว ไม่อยากให้คนเขาดูถูกมากกว่านี้ ขอค้าขายต่อไปดีกว่า"
"จริงๆ แล้ว นักมวยแชมป์โลกไม่ค่อยมีคนรวย ถ้ามวยโอลิมปิก เป็นมวยของรัฐบาล ก็ได้รับเงินสนับสนุนและการดูแลจากรัฐบาล แต่อย่างเราไม่มี มวยแชมป์โลกเป็นมวยของโปรโมเตอร์ เลิกชกก็ไม่มีรายได้แล้ว" อดีตแชมป์โลกชาวไทย ทิ้งท้าย
http://www.thairath.co.th/content/sport/330272
เป็นตัวอย่างที่ดีครับไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา
ประโยคท้ายที่เขาพูดโดนใจมาก ค่ายมวยควรมีการวางแผนระยะยาวสำหรับนักมวยแต่ละคนไว้ด้วย