ความเจริญทางวัตถุของโลกในปัจจุบันเกิดมาจากความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์
ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ ได้รู้ลึกไปในเรื่องวัตถุมากเกินไป เช่น เรื่องอะตอม และการแยกอะตอม จนทำให้สามาราถผลิดอาวุธทำลายล้างสูงขึ้นมาได้
แล้วมนุษย์ก็มีความหวาดระแวง(ด้วยกิเลสพวกความกลัว) ว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้อาวุธทำลายล้างสูงนี้มาทำลายตนเอง จึงได้พยายยามสร้างและสั่งสมอาวุธทำลายล้างสูงไว้มากๆเพื่อความอุ่นใจ และทุกๆประเทศก็พยายามจะมีอาวุธทำลายล้างสูงนี้ไว้ในครอบครอง
ถ้ามนุษย์มีความรู้ด้านวัตถุมากขึ้นกว่านี้ จะเกิดอะไรขึ้น? แน่นอนว่าการผลิตอาวุธที่มีอำนาจในการทำลายล้างสูงมากขึ้นและผลิตรวมทั้งหาซื้อได้ง่ายก็จะตามมา จนชนิดที่เรียกว่า ระเบิดนิวเคลียร์ขนาดเท่ากระเป๋าเจมส์บอนด์ก็สามารถทำลายล้างเมืองใหญ่ๆทั้งเมื่องได้โดยง่าย ซึ่งเรื่องนี้มันก็ใกล้ความจริงเข้าไปทุกทีแล้ว
ถ้าวิทยาศาสตร์ไม่มีศาสนา ก็มีแต่จะวินาศ
ถ้าศาสนาไม่มีวิทยาศาสตร์ ก็จะมีแต่ความงมงาย
วิทยาศาสตร์และศาสนาต้องคู่กัน โลกจึงจะอยู่รอด
เมื่อวิทยาศาสตร์ทางวัตถุเจริญมากขึ้น มันจะทำลายตัวเอง
ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ ได้รู้ลึกไปในเรื่องวัตถุมากเกินไป เช่น เรื่องอะตอม และการแยกอะตอม จนทำให้สามาราถผลิดอาวุธทำลายล้างสูงขึ้นมาได้
แล้วมนุษย์ก็มีความหวาดระแวง(ด้วยกิเลสพวกความกลัว) ว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้อาวุธทำลายล้างสูงนี้มาทำลายตนเอง จึงได้พยายยามสร้างและสั่งสมอาวุธทำลายล้างสูงไว้มากๆเพื่อความอุ่นใจ และทุกๆประเทศก็พยายามจะมีอาวุธทำลายล้างสูงนี้ไว้ในครอบครอง
ถ้ามนุษย์มีความรู้ด้านวัตถุมากขึ้นกว่านี้ จะเกิดอะไรขึ้น? แน่นอนว่าการผลิตอาวุธที่มีอำนาจในการทำลายล้างสูงมากขึ้นและผลิตรวมทั้งหาซื้อได้ง่ายก็จะตามมา จนชนิดที่เรียกว่า ระเบิดนิวเคลียร์ขนาดเท่ากระเป๋าเจมส์บอนด์ก็สามารถทำลายล้างเมืองใหญ่ๆทั้งเมื่องได้โดยง่าย ซึ่งเรื่องนี้มันก็ใกล้ความจริงเข้าไปทุกทีแล้ว
ถ้าวิทยาศาสตร์ไม่มีศาสนา ก็มีแต่จะวินาศ
ถ้าศาสนาไม่มีวิทยาศาสตร์ ก็จะมีแต่ความงมงาย
วิทยาศาสตร์และศาสนาต้องคู่กัน โลกจึงจะอยู่รอด