คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
คนขึ้นเครื่องบินครั้งแรกโดยไม่มีคนพาไป อาจพลาดขั้นตอน ซึ่งอาจส่งผลถึงขั้นตกเครื่องบินเลย ความต่างจากรถทัวร์หรือรถไฟ ที่ต้องพึงระลึกไว้ พอสรุปได้ดังนี้
1. ตั๋วที่เราซื้อไม่ว่าจากเคาน์เตอร์ หรือ print ทาง internet ไม่ใช่ตั๋วที่เอาไปขึ้นเครื่องบินได้เลย จะต้องผ่านกระบวนการเช็คอินก่อน การเช็คอิน หมายถึง การบอกสายการบินว่า "เรา" ผู้ซื้อตั๋ว ได้เดินทางมาถึงแล้ว พร้อมจะขึ้นเครื่อง ในกระบวนการนี้ ถ้ามีกระเป๋าขนาดใหญ่ จะต้องให้ฝากให้สายการบิน โหลดลงใต้ท้องเครื่อง ต่างจากรถทัวร์หรือรถไฟที่เราลากกระเป๋าติดตัวไปตลอดจนถึงขึ้นรถ ขั้นตอนคือ
1.1 ที่สนามบิน จะมีเคาน์เตอร์เรียงกันมากมาย เมื่อเราไปถึง สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ไปดูหน้าจอตารางการบินขาออก มันจะระบุว่า เที่ยวบินของเรา ต้องไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์หมายเลขอะไร
1.2 ให้เราลากกระเป๋า ไปที่เคาน์เตอร์หมายเลขนั้นๆ ยื่นเอกสารที่เรา print จากหน้าเว็บตอนเราซื้อออนไลน์ พร้อมบัตรประชาชนของผู้โดยสารทุกคน ให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบบัตรกับรายชื่อ ถ้าถูกต้อง ก็จะให้เราเอากระเป๋าขึ้นสายพาน เค้าจะติดป้ายที่กระเป๋า แล้วกระเป๋าเราก็จะถูกขนย้ายไปที่ใต้ท้องเครื่องบินเอง
1.3 เจ้าหน้าที่ประจำเคาน์เตอร์ จะมอบบัตรขึ้นเครื่องที่เรียกว่า "Boarding Pass" ให้ผู้โดยสารทุกคนตามรายชื่อ บัตรนี้สำคัญมาก ต้องเก็บรักษากับตัวตลอดจนถึงปลายทาง ในบัตรจะระบุว่า ให้เราไปขึ้นเครื่องที่ Gate หรือประตูหมายเลขอะไร gate เปิดกี่โมง เครื่องออกกี่โมง ต้องรักษาเวลาอย่างเคร่งครัด ควรไปถึงก่อนเวลา มิฉะนั้นอาจตกเครื่อง อ้อ! ผมใช้คำว่าบัตร แต่สมัยนี้ สายการบิน low cost บางทีก็ใช้กระดาษเหมือนสลิปใบเสร็จตามร้านสะดวกซื้อ ให้เข้าใจว่า มันคือ boarding pass เหมือนกัน
2. ถ้าเป็นรถทัวร์หรือรถไฟ คนไปส่งสามารถไปโบกมือบ๊ายบายได้ถึงรถ แต่สนามบินไม่ใช่ครับ สนามบิน แบ่งแยกออกเป็น 2 โซน คือ
2.1 โซน public หรือโซนที่เปิดให้ใครก็ได้เข้าไป ซึ่งเคาน์เตอร์เช็คอินอยู่โซนนี้ คนไปส่งก็ร่ำลากันโซนนี้ คนไม่เคยขึ้นเครื่องอาจจจะงงๆว่า ต้องไปรอขึ้นเครื่องตรงไหน บางคน ไปรออยู่ในโซนนี้ ซึ่งจะไม่ใช่นะครับ
2.2 โซนผู้โดยสาร ในโซนนี้ เฉพาะผู้มี "Boarding Pass" และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าไปได้ ดังนั้น สำหรับผู้ขึ้นเครื่องมือใหม่ แนะนำว่า เมื่อเช็คอิน และได้ boarding pass เรียบร้อยแล้ว ให้เข้าไปที่โซนผู้โดยสารทันที สนามบินจะแยกเป็นโซนผู้โดยสารระหว่างประเทศ และในประเทศ ในกรณีนี้ เดินทางในประเทศ ไม่ค่อยยุ่งยาก ถ้าต่างประเทศ จะบอกอย่างละเอียดอีกที ขั้นตอนการเข้าโซนผู้โดยสารมีดังนี้
2.2.1 ถือ boarding pass พร้อมบัตรประชาชน เดินเข้าด่านตรวจของโซนผู้โดยสาร เราจะผ่านด่านตรวจโลหะ อาวุธ วัตถุระเบิด ห้ามพกของเหลว พวกยาสีฟัน โฟม แชมพู ฯลฯ มิฉะนั้น จะโดนทิ้งเดี๋ยวนั้นเลย ของพวกนี้ให้ใส่กระเป๋าเดินทาง โหลดลงใต้ท้องเครื่อง ตามข้อ 1
2.2.2 เมื่อเข้ามาโซนผู้โดยสารแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือ มองหาป้ายว่า gate ที่ระบุใน boarding pass นั้น อยู่ทางไหน และก็เดินไปที่ gate นั้นๆ เพื่อรอขึ้นเครื่อง ให้ดูตารางเที่ยวบินในจอ LCD ด้วย มันจะระบุว่า เที่ยวบินของเรา gate เปิดหรือยัง ถ้าเห็นคำว่า "เปิด หรือ open" อันนี้ต้องรีบวิ่งแล้วครับ แปลว่า เค้าเปิดให้ขึ้นเครื่องแล้ว แต่ถ้าเห็นคำว่า "Final Call" แล้วละก็ สวมวิญญาณนักวิ่ง 100m ได้เลย เพราะสายการบินเค้ากำลังบอกว่า "เราจะไปละนะ ไม่รอแล้ว" การดูตารางเที่ยวบินในจอมีความสำคัญมาก เพราะบางที อาจเจอเหตุการณ์เปลี่ยน gate ไม่ตรงกับ boarding pass (เที่ยวบินในประเทศไม่ค่อยเจอ) หรือมีเหตุเครื่องบินล่าช้า มันก็จะแจ้งในตารางเที่ยวบินทั้งหมดครับ
2.2.3 แต่หากมีเวลาเหลือเฟือ ด้านในจะมีร้านค้าให้ช็อปปิ้งกันก่อนขึ้นเครื่อง ก็ไปช็อปกันได้ แต่อย่าช็อปเพลินจนหลงลืมเวลา
2.2.4 เมื่อมานั่งรอที่ gate แล้ว ก็ถือว่าภาระกิจใกล้สำเร็จแล้ว ขั้นนี้ไม่ยากแล้วครับ เพราะพอถึงเวลาขึ้นเครื่อง ชาวบ้านเค้าก็จะไปเข้าแถว เราก็แค่ไปเข้าแถวตามๆกัน แค่นี้ก็รอดแล้วครับ
2.2.5 อ้อ มีประเด็นนิดนึงที่อาจเพิ่มความยุ่งยากคือ บางที gate ที่ขึ้นเครื่อง มันไม่มี "งวง" ไปถึงประตูเครื่องบิน ต้องนั่งรถบัสไปขึ้นกลางลานบิน กรณีนี้ เรียกว่า Bus Gate จริงๆขั้นตอนไม่มีอะไร นั่งรอจนเจ้าหน้าที่เรียกแล้วก็เดินตามๆ ไปจนถึงรถบัสก็แค่นั้น แต่ถ้าเราไปสายละก็ เราไม่สามารถวิ่งกระหืดกระหอบไปขึ้นเครื่องทีหลังได้ เพราะเราจะตกเครื่องตั้งแต่รถบัสแล้วล่ะครับ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ "ต้องรักษาเวลา"
เอาแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะมาเพิ่มขั้นตอนในเครื่อง และสนามบินปลายทาง
1. ตั๋วที่เราซื้อไม่ว่าจากเคาน์เตอร์ หรือ print ทาง internet ไม่ใช่ตั๋วที่เอาไปขึ้นเครื่องบินได้เลย จะต้องผ่านกระบวนการเช็คอินก่อน การเช็คอิน หมายถึง การบอกสายการบินว่า "เรา" ผู้ซื้อตั๋ว ได้เดินทางมาถึงแล้ว พร้อมจะขึ้นเครื่อง ในกระบวนการนี้ ถ้ามีกระเป๋าขนาดใหญ่ จะต้องให้ฝากให้สายการบิน โหลดลงใต้ท้องเครื่อง ต่างจากรถทัวร์หรือรถไฟที่เราลากกระเป๋าติดตัวไปตลอดจนถึงขึ้นรถ ขั้นตอนคือ
1.1 ที่สนามบิน จะมีเคาน์เตอร์เรียงกันมากมาย เมื่อเราไปถึง สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ไปดูหน้าจอตารางการบินขาออก มันจะระบุว่า เที่ยวบินของเรา ต้องไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์หมายเลขอะไร
1.2 ให้เราลากกระเป๋า ไปที่เคาน์เตอร์หมายเลขนั้นๆ ยื่นเอกสารที่เรา print จากหน้าเว็บตอนเราซื้อออนไลน์ พร้อมบัตรประชาชนของผู้โดยสารทุกคน ให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบบัตรกับรายชื่อ ถ้าถูกต้อง ก็จะให้เราเอากระเป๋าขึ้นสายพาน เค้าจะติดป้ายที่กระเป๋า แล้วกระเป๋าเราก็จะถูกขนย้ายไปที่ใต้ท้องเครื่องบินเอง
1.3 เจ้าหน้าที่ประจำเคาน์เตอร์ จะมอบบัตรขึ้นเครื่องที่เรียกว่า "Boarding Pass" ให้ผู้โดยสารทุกคนตามรายชื่อ บัตรนี้สำคัญมาก ต้องเก็บรักษากับตัวตลอดจนถึงปลายทาง ในบัตรจะระบุว่า ให้เราไปขึ้นเครื่องที่ Gate หรือประตูหมายเลขอะไร gate เปิดกี่โมง เครื่องออกกี่โมง ต้องรักษาเวลาอย่างเคร่งครัด ควรไปถึงก่อนเวลา มิฉะนั้นอาจตกเครื่อง อ้อ! ผมใช้คำว่าบัตร แต่สมัยนี้ สายการบิน low cost บางทีก็ใช้กระดาษเหมือนสลิปใบเสร็จตามร้านสะดวกซื้อ ให้เข้าใจว่า มันคือ boarding pass เหมือนกัน
2. ถ้าเป็นรถทัวร์หรือรถไฟ คนไปส่งสามารถไปโบกมือบ๊ายบายได้ถึงรถ แต่สนามบินไม่ใช่ครับ สนามบิน แบ่งแยกออกเป็น 2 โซน คือ
2.1 โซน public หรือโซนที่เปิดให้ใครก็ได้เข้าไป ซึ่งเคาน์เตอร์เช็คอินอยู่โซนนี้ คนไปส่งก็ร่ำลากันโซนนี้ คนไม่เคยขึ้นเครื่องอาจจจะงงๆว่า ต้องไปรอขึ้นเครื่องตรงไหน บางคน ไปรออยู่ในโซนนี้ ซึ่งจะไม่ใช่นะครับ
2.2 โซนผู้โดยสาร ในโซนนี้ เฉพาะผู้มี "Boarding Pass" และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าไปได้ ดังนั้น สำหรับผู้ขึ้นเครื่องมือใหม่ แนะนำว่า เมื่อเช็คอิน และได้ boarding pass เรียบร้อยแล้ว ให้เข้าไปที่โซนผู้โดยสารทันที สนามบินจะแยกเป็นโซนผู้โดยสารระหว่างประเทศ และในประเทศ ในกรณีนี้ เดินทางในประเทศ ไม่ค่อยยุ่งยาก ถ้าต่างประเทศ จะบอกอย่างละเอียดอีกที ขั้นตอนการเข้าโซนผู้โดยสารมีดังนี้
2.2.1 ถือ boarding pass พร้อมบัตรประชาชน เดินเข้าด่านตรวจของโซนผู้โดยสาร เราจะผ่านด่านตรวจโลหะ อาวุธ วัตถุระเบิด ห้ามพกของเหลว พวกยาสีฟัน โฟม แชมพู ฯลฯ มิฉะนั้น จะโดนทิ้งเดี๋ยวนั้นเลย ของพวกนี้ให้ใส่กระเป๋าเดินทาง โหลดลงใต้ท้องเครื่อง ตามข้อ 1
2.2.2 เมื่อเข้ามาโซนผู้โดยสารแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือ มองหาป้ายว่า gate ที่ระบุใน boarding pass นั้น อยู่ทางไหน และก็เดินไปที่ gate นั้นๆ เพื่อรอขึ้นเครื่อง ให้ดูตารางเที่ยวบินในจอ LCD ด้วย มันจะระบุว่า เที่ยวบินของเรา gate เปิดหรือยัง ถ้าเห็นคำว่า "เปิด หรือ open" อันนี้ต้องรีบวิ่งแล้วครับ แปลว่า เค้าเปิดให้ขึ้นเครื่องแล้ว แต่ถ้าเห็นคำว่า "Final Call" แล้วละก็ สวมวิญญาณนักวิ่ง 100m ได้เลย เพราะสายการบินเค้ากำลังบอกว่า "เราจะไปละนะ ไม่รอแล้ว" การดูตารางเที่ยวบินในจอมีความสำคัญมาก เพราะบางที อาจเจอเหตุการณ์เปลี่ยน gate ไม่ตรงกับ boarding pass (เที่ยวบินในประเทศไม่ค่อยเจอ) หรือมีเหตุเครื่องบินล่าช้า มันก็จะแจ้งในตารางเที่ยวบินทั้งหมดครับ
2.2.3 แต่หากมีเวลาเหลือเฟือ ด้านในจะมีร้านค้าให้ช็อปปิ้งกันก่อนขึ้นเครื่อง ก็ไปช็อปกันได้ แต่อย่าช็อปเพลินจนหลงลืมเวลา
2.2.4 เมื่อมานั่งรอที่ gate แล้ว ก็ถือว่าภาระกิจใกล้สำเร็จแล้ว ขั้นนี้ไม่ยากแล้วครับ เพราะพอถึงเวลาขึ้นเครื่อง ชาวบ้านเค้าก็จะไปเข้าแถว เราก็แค่ไปเข้าแถวตามๆกัน แค่นี้ก็รอดแล้วครับ
2.2.5 อ้อ มีประเด็นนิดนึงที่อาจเพิ่มความยุ่งยากคือ บางที gate ที่ขึ้นเครื่อง มันไม่มี "งวง" ไปถึงประตูเครื่องบิน ต้องนั่งรถบัสไปขึ้นกลางลานบิน กรณีนี้ เรียกว่า Bus Gate จริงๆขั้นตอนไม่มีอะไร นั่งรอจนเจ้าหน้าที่เรียกแล้วก็เดินตามๆ ไปจนถึงรถบัสก็แค่นั้น แต่ถ้าเราไปสายละก็ เราไม่สามารถวิ่งกระหืดกระหอบไปขึ้นเครื่องทีหลังได้ เพราะเราจะตกเครื่องตั้งแต่รถบัสแล้วล่ะครับ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ "ต้องรักษาเวลา"
เอาแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะมาเพิ่มขั้นตอนในเครื่อง และสนามบินปลายทาง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
มาเพิ่มเติมอีกหน่อย
มาถึงในเครื่อง อันนี้ก็ง่ายๆแล้วครับ เดินไปที่เบอร์ที่นั่งเราได้เลย กระเป๋าติดตัวเล็กๆ ให้ใส่ไว้ในช่องเก็บของด้านบน นั่งที่แล้วให้รัดเข็มขัดทันที บนหัวเราจะมีสัญญาณไฟ ให้รัดเข็มขัด พอเครื่องไต่ได้ระดับ สัญญาณไฟจะดับ แปลว่า เราสามารถเดินไปมา ไปเข้าห้องน้ำได้ แต่แนะนำว่า ควรรัดเข็มขัดตลอดการเดินทาง ยกเว้นจะเดินไปเข้าห้องน้ำ เพราะเผื่อเหตุฉุกเฉิน เช่น ตกหลุมอากาศ (เมืองไทยไม่ค่อยเจอหรอก ไม่ต้องกังวล) คิดซะว่า เหมือนนั่งรถยนต์ เราก็ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลา
บนเครื่องต้องปิดเครื่องมือสื่อสารตลอดเวลา ถ้ามือถือมี flight mode ก็เปิด flight mode แทนได้
เวลาดูหนัง เราอาจจะรู้สึกว่า เครื่องบินมันนิ่งมากๆ แต่ในความเป็นจริง เราจะสัมผัสได้ตลอดเวลาว่าเครื่องยนต์มันทำงานอยู่ (ถ้าไม่รู้สึกว่าเครื่องทำงาน นั่นคงน่าห่วงกว่า 555) ห้องน้ำบนเครื่องบิน ชักโครกมันมีระบบดูดอากาศ คือ ใช้น้ำน้อยมาก ไม่ต้องตกใจตอนกดชักโครก เสียงมันจะเหมือนก้นเราโดนสูบไปด้วย ^^
ตัดมาเครื่องลงสนามบินปลายทางแล้ว ให้รัดเข็มขัดจนกว่า สัญญาณไฟให้รัดเข็มขัดดับลง อย่าลืมของที่เก็บไว้ในช่องเก็บของ เดินตามคนอื่นออกจากเครื่องมาได้เลย ให้ดูจอตารางเที่ยวบิน มันจะระบุว่า กระเป๋าที่เราโหลดลงใต้เครื่อง จะมาออกที่สายพาน (Belt) หมายเลขอะไร เราก็ไปยืนรอที่สายพานนั้นๆ ครับ รับกระเป๋าเสร็จ ก็เดินออกจากสนามบินได้เลย จบสิ้นภารกิจ
เดินทางในประเทศง่ายมากครับ ถ้าต่างประเทศ จะมีขั้นตอนผ่านด่านคนเข้าเมืองอีก ยุ่งขึ้นอีกหน่อย แต่ไม่ยาก เดินทางในประเทศให้คุ้นก่อน แล้วค่อยลุยต่างประเทศต่อไป
มาถึงในเครื่อง อันนี้ก็ง่ายๆแล้วครับ เดินไปที่เบอร์ที่นั่งเราได้เลย กระเป๋าติดตัวเล็กๆ ให้ใส่ไว้ในช่องเก็บของด้านบน นั่งที่แล้วให้รัดเข็มขัดทันที บนหัวเราจะมีสัญญาณไฟ ให้รัดเข็มขัด พอเครื่องไต่ได้ระดับ สัญญาณไฟจะดับ แปลว่า เราสามารถเดินไปมา ไปเข้าห้องน้ำได้ แต่แนะนำว่า ควรรัดเข็มขัดตลอดการเดินทาง ยกเว้นจะเดินไปเข้าห้องน้ำ เพราะเผื่อเหตุฉุกเฉิน เช่น ตกหลุมอากาศ (เมืองไทยไม่ค่อยเจอหรอก ไม่ต้องกังวล) คิดซะว่า เหมือนนั่งรถยนต์ เราก็ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลา
บนเครื่องต้องปิดเครื่องมือสื่อสารตลอดเวลา ถ้ามือถือมี flight mode ก็เปิด flight mode แทนได้
เวลาดูหนัง เราอาจจะรู้สึกว่า เครื่องบินมันนิ่งมากๆ แต่ในความเป็นจริง เราจะสัมผัสได้ตลอดเวลาว่าเครื่องยนต์มันทำงานอยู่ (ถ้าไม่รู้สึกว่าเครื่องทำงาน นั่นคงน่าห่วงกว่า 555) ห้องน้ำบนเครื่องบิน ชักโครกมันมีระบบดูดอากาศ คือ ใช้น้ำน้อยมาก ไม่ต้องตกใจตอนกดชักโครก เสียงมันจะเหมือนก้นเราโดนสูบไปด้วย ^^
ตัดมาเครื่องลงสนามบินปลายทางแล้ว ให้รัดเข็มขัดจนกว่า สัญญาณไฟให้รัดเข็มขัดดับลง อย่าลืมของที่เก็บไว้ในช่องเก็บของ เดินตามคนอื่นออกจากเครื่องมาได้เลย ให้ดูจอตารางเที่ยวบิน มันจะระบุว่า กระเป๋าที่เราโหลดลงใต้เครื่อง จะมาออกที่สายพาน (Belt) หมายเลขอะไร เราก็ไปยืนรอที่สายพานนั้นๆ ครับ รับกระเป๋าเสร็จ ก็เดินออกจากสนามบินได้เลย จบสิ้นภารกิจ
เดินทางในประเทศง่ายมากครับ ถ้าต่างประเทศ จะมีขั้นตอนผ่านด่านคนเข้าเมืองอีก ยุ่งขึ้นอีกหน่อย แต่ไม่ยาก เดินทางในประเทศให้คุ้นก่อน แล้วค่อยลุยต่างประเทศต่อไป
แสดงความคิดเห็น
ขึ้นเครื่องบินครั้งเเรก อยากรู้ว่าเค้าทำกันยังไงคะ
ว่าเวลาเราจองตั๋วเครื่องบิน low cost ทั้งหลาย เราต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มไหมคะ
เเล้วถ้าเที่ยวในประเทศ เราต้องเตรยมเอสารอะไรบ้างคะ
ขอบคุณที่ช่วยมาตอบนะคะ
อย่าว่าเค้านะ เค้าอยากรู้จริงๆ
อยากพาเเม่นั่งเครื่องบิน