1. ผมกำลังเรียนป.โท เทอมสุดท้าย (ปี 4 เทอม 2)ในไทย แต่ชีวิตการเรียนเป็นไปอย่างลุ่มๆดอนๆ เพราะไปเลือกทำวิทยานิพนธ์หัวข้อไม่ถนัด
จะวิเคราะห์อะไรๆ ก็ติดขัดไปหมด แม้จะพยายามมาสู้เรื่อยๆ จนเขียนมาได้กว่า 150 หน้า เนื้อหาครอบคลุมทุกบทแล้ว แต่ที่ปรึกษาก็ยังบอกว่า วิเคราะห์น้อยไป descriptive มากไป ถ้าให้ผ่านไปสอบก็คงโดนกรรมการทึ้งอยู่ดี (ตอนนัดเจอกันครั้งก่อน อาจารย์ก็บอกว่าใกล้เอาไปใช้สอบได้แล้ว) เวลาก่อน deadline ยื่นเสนอสอบก็เหลือแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาอะไรมาเขียนต่อดี เครียดมาก แต่ก็จะพยายามจนไม่มีทางจะไปครับ
ไปเห็นวิทยานิพนธ์อีกฉบับของมหาวิทยาลัยเดียวกันที่ที่เขียนเรื่องใกล้เคียงกันแล้วรู้สึกน้อยใจมาก เพราะอ่านดูก็รู้เลยว่า source ข้อมูลภาษาต่างประเทศก็น้อยกว่า แปลมากกว่า descriptive มากกว่า แต่คนเขียนนั้นก็จบมาได้ เพราะมีที่ปรึกษาที่ไม่เฮี้ยบเท่า
2. ก่อนหน้านี้ ผมได้สมัครทุน MEXT แบบ university-recommended ของมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นแห่งหนึ่งไปตอนต้นปี ผลจะออกมากลางเดือนนี้ (อีก 2 สัปดาห์) หลักสูตรที่จะไปเรียนเป็นหลักสูตร ป.โท คณะเดียวกัน แต่เปลี่ยน major ใหม่ หัวข้อวิจัยที่เสนอในคราวนี้ เป็นหัวข้อที่ตัวเองอยากทำจริงๆ และคิดว่าน่าจะทำได้โดยไม่ทุกข์ คราวนี้ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ผิดพลาดเหมือนเดิม
ตอนดูรายละเอียดคุณสมบัติผู้สมัคร ทางมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นบอกว่า "ต้องจบตรี" ซึ่งผมก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ผมก็เขียนว่าตัวเองกำลังเรียนโทเทอมสุดท้ายอยู่ไปด้วยพร้อมใบรับรองสถานะจากทางมหาวิทยาลัย เพราะไม่อยากถูกกังขาว่ากำลังหมกเม็ดอะไรอยู่ และใบสมัครเองก็ถามประวัติการเดินทางไปญี่ปุ่นด้วย ซึ่งผมก็ได้ไปเรียนแลกเปลี่ยนในระหว่างที่กำลังเรียนปริญญาโท 1 ปี ถ้าไม่กรอกว่าตัวเองกำลังศึกษา ป.โทอยู่
เขาก็จะสงสัยเอา และไม่อยากเลือกเราก็ได้
3. หลังส่งเอกสารไปแล้ว ทางมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นติดต่อกลับมา และขอ "a letter from the university indicating when you will graduate" เพิ่มเติม ตอนแรก ผมไปติดต่อทางสำนักทะเบียนเพื่อขอเอกสารรับรองจะจบ เจ้าหน้าที่บอกว่าเอกสารนี้จะออกได้ก็ต่อเมื่อสอบ thesis เรียบร้อยแล้วและกำลังรอสภามหาวิทยาลัยอนุมัติให้จบเท่านั้น ผมจึงแจ้งข้อจำกัดดังกล่าวไปที่ฝ่ายญี่ปุ่นและชี้แจงเพิ่มเติมว่า ผมสมัครปริญญาโท ไม่ได้สมัครปริญญาเอก ผมแค่แจ้งเรื่องที่ตัวเองเรีัยน ป.โทอยู่ไปเพื่อความโปร่งใสเท่านั้น
ทางมหาวิทยาลัยตอบกลับมาว่า เอกสารที่ขอไม่จำเป็นต้องเป็นหนังสือรับรองว่าจะจบก็ได้ เป็นแค่จดหมายจากคนมีตำแหน่งในมหาวิทยาลัยซึ่งอธิบายว่าผมมีกำหนดการจบเมื่อไร ก็ใช้ได้ (The letter need not make any promises about your graduation. It simply needs to state the dates) ทางนั้นยังสำทับมาว่า "คงน่าเสียดาย ถ้าคุณจะไม่ได้รับทุนจากปัญหาเล็กน้อยอย่างนี้" (แสดงว่าเขาไม่สนเรื่องที่ผมมีคุณสมบัติจากวุฒิ ป. ตรีอยู่แล้ว ในเมื่อเขียน ป.โทมาต้องดู ป.โทด้วย)
อย่างไรก็ตาม ผมก็ไปติดต่อให้ผู้อำนวยการหลักสูตรเขียนจดหมายรับรอง และส่งไปให้ทางญี่ปุ่นเป็นการเรียบร้อย (ที่จริงผมกะจะเขียนเหน็บไปว่า "ถ้าหากผมลาออกจากมหาวิทยาลัยไปในตอนนี้ จดหมายนี่ก็ไม่จำเป็นสินะ" แต่ตัดสินใจไม่เขียน เพื่อถนอมน้ำใจ ไหนๆผลก็ยังไม่ออก)
คำถาม:
จากสถานการณ์แบบนี้ ถ้าผมไม่ผ่านการสอบวิทยานิพนธ์ในไทยจนต้องพ้นสภาพไปในที่สุด แต่ต่อมาทางญี่ปุ่นได้ตัดสินใจให้ทุนผมในขณะที่ยังไม่ทราบความ เขาจะยึดทุนกลับไปไหมครับ กลุ้มมากๆ
หากเจอสถานการณ์นี้ เขาจะยึดทุนการศึกษาเราคืนไหมครับ
จะวิเคราะห์อะไรๆ ก็ติดขัดไปหมด แม้จะพยายามมาสู้เรื่อยๆ จนเขียนมาได้กว่า 150 หน้า เนื้อหาครอบคลุมทุกบทแล้ว แต่ที่ปรึกษาก็ยังบอกว่า วิเคราะห์น้อยไป descriptive มากไป ถ้าให้ผ่านไปสอบก็คงโดนกรรมการทึ้งอยู่ดี (ตอนนัดเจอกันครั้งก่อน อาจารย์ก็บอกว่าใกล้เอาไปใช้สอบได้แล้ว) เวลาก่อน deadline ยื่นเสนอสอบก็เหลือแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาอะไรมาเขียนต่อดี เครียดมาก แต่ก็จะพยายามจนไม่มีทางจะไปครับ
ไปเห็นวิทยานิพนธ์อีกฉบับของมหาวิทยาลัยเดียวกันที่ที่เขียนเรื่องใกล้เคียงกันแล้วรู้สึกน้อยใจมาก เพราะอ่านดูก็รู้เลยว่า source ข้อมูลภาษาต่างประเทศก็น้อยกว่า แปลมากกว่า descriptive มากกว่า แต่คนเขียนนั้นก็จบมาได้ เพราะมีที่ปรึกษาที่ไม่เฮี้ยบเท่า
2. ก่อนหน้านี้ ผมได้สมัครทุน MEXT แบบ university-recommended ของมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นแห่งหนึ่งไปตอนต้นปี ผลจะออกมากลางเดือนนี้ (อีก 2 สัปดาห์) หลักสูตรที่จะไปเรียนเป็นหลักสูตร ป.โท คณะเดียวกัน แต่เปลี่ยน major ใหม่ หัวข้อวิจัยที่เสนอในคราวนี้ เป็นหัวข้อที่ตัวเองอยากทำจริงๆ และคิดว่าน่าจะทำได้โดยไม่ทุกข์ คราวนี้ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ผิดพลาดเหมือนเดิม
ตอนดูรายละเอียดคุณสมบัติผู้สมัคร ทางมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นบอกว่า "ต้องจบตรี" ซึ่งผมก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ผมก็เขียนว่าตัวเองกำลังเรียนโทเทอมสุดท้ายอยู่ไปด้วยพร้อมใบรับรองสถานะจากทางมหาวิทยาลัย เพราะไม่อยากถูกกังขาว่ากำลังหมกเม็ดอะไรอยู่ และใบสมัครเองก็ถามประวัติการเดินทางไปญี่ปุ่นด้วย ซึ่งผมก็ได้ไปเรียนแลกเปลี่ยนในระหว่างที่กำลังเรียนปริญญาโท 1 ปี ถ้าไม่กรอกว่าตัวเองกำลังศึกษา ป.โทอยู่
เขาก็จะสงสัยเอา และไม่อยากเลือกเราก็ได้
3. หลังส่งเอกสารไปแล้ว ทางมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นติดต่อกลับมา และขอ "a letter from the university indicating when you will graduate" เพิ่มเติม ตอนแรก ผมไปติดต่อทางสำนักทะเบียนเพื่อขอเอกสารรับรองจะจบ เจ้าหน้าที่บอกว่าเอกสารนี้จะออกได้ก็ต่อเมื่อสอบ thesis เรียบร้อยแล้วและกำลังรอสภามหาวิทยาลัยอนุมัติให้จบเท่านั้น ผมจึงแจ้งข้อจำกัดดังกล่าวไปที่ฝ่ายญี่ปุ่นและชี้แจงเพิ่มเติมว่า ผมสมัครปริญญาโท ไม่ได้สมัครปริญญาเอก ผมแค่แจ้งเรื่องที่ตัวเองเรีัยน ป.โทอยู่ไปเพื่อความโปร่งใสเท่านั้น
ทางมหาวิทยาลัยตอบกลับมาว่า เอกสารที่ขอไม่จำเป็นต้องเป็นหนังสือรับรองว่าจะจบก็ได้ เป็นแค่จดหมายจากคนมีตำแหน่งในมหาวิทยาลัยซึ่งอธิบายว่าผมมีกำหนดการจบเมื่อไร ก็ใช้ได้ (The letter need not make any promises about your graduation. It simply needs to state the dates) ทางนั้นยังสำทับมาว่า "คงน่าเสียดาย ถ้าคุณจะไม่ได้รับทุนจากปัญหาเล็กน้อยอย่างนี้" (แสดงว่าเขาไม่สนเรื่องที่ผมมีคุณสมบัติจากวุฒิ ป. ตรีอยู่แล้ว ในเมื่อเขียน ป.โทมาต้องดู ป.โทด้วย)
อย่างไรก็ตาม ผมก็ไปติดต่อให้ผู้อำนวยการหลักสูตรเขียนจดหมายรับรอง และส่งไปให้ทางญี่ปุ่นเป็นการเรียบร้อย (ที่จริงผมกะจะเขียนเหน็บไปว่า "ถ้าหากผมลาออกจากมหาวิทยาลัยไปในตอนนี้ จดหมายนี่ก็ไม่จำเป็นสินะ" แต่ตัดสินใจไม่เขียน เพื่อถนอมน้ำใจ ไหนๆผลก็ยังไม่ออก)
คำถาม:
จากสถานการณ์แบบนี้ ถ้าผมไม่ผ่านการสอบวิทยานิพนธ์ในไทยจนต้องพ้นสภาพไปในที่สุด แต่ต่อมาทางญี่ปุ่นได้ตัดสินใจให้ทุนผมในขณะที่ยังไม่ทราบความ เขาจะยึดทุนกลับไปไหมครับ กลุ้มมากๆ