เป็นบทสัมภาษณ์ที่ค่อนข้างยาวมากนะคะ นำมาเผื่อใครที่สนใจทำความรู้จักกับสาวคนนี้
Cr : ASTV ผู้จัดการรายวัน 1 มีนาคม 2556 22:18 น.
http://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000025312
ภาพโดย : วชิร สายจำปา
ภาพประกอบ : instagram @bellacampen
Facebook fanpage : bellaraneecampen
ข่าวโดย : ASTV ผู้จัดการ LITE
เล่นเอาโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะราวถูกสะกดด้วยยิ้มหวานๆ ขยี้หัวใจของ 'เบลล่า - ราณี แคมเปน' นางเอกสาวที่น่ารักน่าหยิกที่สุด ณ เวลานี้ จากละครชวนฝันเรื่อง พรพรหมอลเวง (ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3)
ในละครฯ 'เบลล่า' รับบทเป็น 'ตันหยง' สาวสวยทันสมัย วัย 25 ปี ผู้ถูกโชคชะตาแผลงฤทธิ์ลิขิตให้มาอยู่ในร่างเด็กหญิงตัวน้อย 'น้องเมย์' ทว่า! เรื่องราวสุดป่วนกลับไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในม่านมายา เพราะทุกก้าวย่างของสาวลูกครึ่ง ไทย-อังกฤษ ผู้นี้กลับเต็มไปด้วยเรื่องราวอลวนอลเวงที่ยากจะคาดเดา
เป็นต้นว่า.. จากอดีต นางร้ายกลับตัว ดันจับพลัดจับผลูเป็น นางเอกเนื้อหอม เสียอย่างนั้น!?
ดูท่าดอกไม้แรกแย้มจะหมองไปถนัดตา เมื่อเจ้าของใบหน้าพริ้มเพราค่อยๆ เผยยิ้มกว้าง..
น้องเมย์-ตันหยง จาก พรพรหมอลเวง
เรียกว่าบท ตันหยง แห่งละครเรื่อง พรพรหมอลเวง แจ้งเกิดนางเอกสาว เบลล่า แบบดังเป็นพลุแตก! เรื่องราวความอลวนของสาวสวยที่จำต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในร่าง น้องเมย์ (อันดา - กุณฑีรา ยอดช่าง) เด็กหญิงอายุ 5 ขวบ โดยมี หมอวี(บอย - ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์) หมอศัลยกรรมประสาทน้าชายเป็นผู้ดูแล
เบลล่า ขึ้นแท่นนางเอกเรื่องแรก เพราะก่อนหน้าก็เคยชิมลางงานละครหลังข่าวในเรื่อง รอยมาร เป็นบทนางร้ายกลับใจกลายๆ หลังจากนั้นก็มีละครเย็นเรื่อง ตะวันยอดรัก ตามมาติดๆ ซึ่งก็ยังเป็นคู่รองอีกตามเคย
ประกอบกับที่ช่วงนั้นยังเรียนอยู่ ปี 4 คณะวารสารศาสตร์ฯ ม.ธรรมศาสตร์ ปีสุดท้ายที่เรียนค่อนข้างหนัก ก็เลยทำให้เว้นวรรคงานละครไว้ระยะหนึ่ง
หลังเป็นบัณฑิตใหม่ป้ายแดง จากรั้ว มธ. ดูท่าโชคชะตาจะเล่นตลกเข้าแล้ว เบลล่า จับพลัดจับผลูถูกเลือกให้เป็นนางเอกในละครหลังข่าว ประเดิมด้วย เรื่อง สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายพุฒิภัทร ตามติดๆ ด้วยเรื่อง พรพรหมอลเวง
“ตื่นเต้นมากค่ะ จริงๆ เรื่องแรกที่เล่นเป็นนางเอกคือ คุณชายพุฒิภัทร (ออนแอร์ กลางปี 56) จากนั้นก็มีละคร พรพรหมอลเวง ติดต่อมา ได้เป็นนางเอกนะ ดีใจมาก ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสขนาดนี้”
แต่เรื่องนี้ใช่ว่าจะมีนางเอกเพียงคนเดียว เพราะสาวน้อย อย่าง น้องอันดา หรือ น้องเมย์ ที่เข้ามาร่วมชะตากรรมใน พรพรหมอลเวง ครั้งนี้ก็มาแรงไม่แพ้กัน
เบลล่า เล่าขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า ไม่รู้สึกเป็นกังวลแม้แต่น้อยว่านางเอกรุ่นเล็กจะมาแย่งซีน น้องอันดาเป็นเด็กน่ารัก ฉลาด ถูกชะตาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอเลย
“น้องอันดาเป็นเด็กฉลาดมาก พูดนิดเดียวทำได้เลย ทำเอาผู้ใหญ่ในกองกดดันไปด้วยเลย(หัวเราะ)"
ถ้าวันหนึ่งผู้ใหญ่จะหยิบยื่นบทรอง หรือบทนางร้าย มาให้เล่น เบลล่า เปิดใจว่ายินดีกับทุกบทบาท เพราะทางผู้ใหญ่ก็พิจารณาถึงความเหมาะสมแล้ว
เจ้าของตากลมโต เผยความนัยขึ้นว่า การเล่นละครยิ่งได้รับบทแสดงนำ นั้นหมายถึงเราต้องพัฒนาทักษะตัวเองมากขึ้น ต้องเปิดรับฟังคำแนะนำติชม อะไรที่ยังไม่ดีก็ปรับแก้กันต่อไป
อย่างไรก็ตาม พรพรหมอลเวง ก็เป็นละครรีเมกที่ถูกนำมาดัดแปลงอีกครั้ง แต่เวอร์ชันนี้จะต่างออกไป มีการปรับรูปแบบให้เข้ากับยุคสมัย
"เรื่องการเปรียบเทียบคงมีอยู่แล้ว ไม่ซีเรียสค่ะ เพราะเป็นเรื่องราวของยุคนี้ มีการเพิ่มตัวละคร ปรับบทให้ทันสมัย ตันหยงจะเป็นผู้หญิงสดใสร่าเริง เชื่อมั่นในความรัก การที่วิญญาณตัวเองไปอยู่ในร่างเด็กมันก็จะมีอารมณ์อึดอัด ตรงนี้ต้องแสดงออกมาให้ได้"
วัดใจ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
ย้อนกลับไปช่วงมัธยมปลาย ความน่ารักสะดุดตาของ เบลล่า เป็นเหตุให้โมเดอลิ่งเข้ามาทาบทามไปถ่ายแบบถ่ายโฆษณา แต่ในตอนนั้นเธอปฏิเสธไป เพราะคุณพ่อคุณแม่รู้สึกเป็นห่วงยังไม่อยากให้ลูกสาวคนเดียวเข้ามาทำงานในสายบันเทิง อยากให้ตั้งใจเรียนอย่างเดียวมากกว่า
เบลล่า เล่าถึงจุดเริ่มต้นที่เข้ามาเริ่มงานในวงการบันเทิงว่า หลังจากสอบติด วารสารฯ มธ. ช่วงปี 1 ก็ทำกิจกรรมเยอะมาก แต่เรื่องการเรียนก็ไม่ได้ทิ้ง ทำควบคู่กันไปอย่างไม่เสีย “เค้าเห็นว่าเราจัดการตัวเองได้แล้ว ทำกิจกรรมไปด้วยซึ่งค่อนข้างหนักเหมือนกัน เค้าก็เลยไว้ใจได้ ก็ลองดู”
เริ่มต้นจากงานโฆษณา ประมาณ 10 ตัว หลังจากนั้นโชคชะตาก็ทำให้พานพบกับ ผู้ช่วยของ เอ - ศุภชัย ศรีวิจิตร แน่นอนออร่าของเบลล่าเข้าตาแมวมองมือฉมังอย่างจัง สเต็ปต่อมาก็เข้ามาแคสต์กับทางช่อง 3 และได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัด
ยิ้มมุมปากที่ปรากฏชัด ค่อยๆ ปรับอิริยาบถ “ได้เงินมาครั้งแรกก็เป็นเงินก้อนนึง แล้วมันอยู่ในช่วงที่กำลังจะต้องจ่ายค่าเทอมพอดี ก็บอกคุณแม่เดี๋ยวจ่ายค่าเทอมเอง”
เบลล่า เล่าต่อว่า เงินที่ได้จากงานในครั้งนั้นตั้งใจจะให้คุณแม่อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าท่านสอนให้รู้จักเก็บออมเอง “คือตอนแรกตั้งใจจะให้เงินก้อนนี้ให้คุณแม่ แต่ท่านบอกไม่เอาเราหามาได้เองเราก็ต้องเก็บเอง เราก็เลยแบบจ่ายค่าเทอมเองแล้วกัน เป็นของขวัญให้คุณพ่อคุณแม่(ยิ้ม)”
ทีมงานหยอกถามว่า เบลล่า คิดว่าตัวเองสวยหรือเปล่า เจ้าตัวตอบแบบเขินๆ “ไม่ได้มองว่าหน้าตาดี ก็พอได้ อย่างน้อยก็ไปแคสต์โฆษณาก็ยังมีงานค่ะ (หัวเราะ) ไม่ได้คิดถึงขั้นว่าจะมาเป็นนักแสดงหรือว่าทำอาชีพนี้เต็มตัว”
ทางสายมายาของเบลล่ายังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แน่นอน มันเป็นอาชีพที่ทำแล้วรู้สึกมีความสุข มีความท้าทายอยู่ในเนื้องาน เธอกระซิบว่า ตอนนี้โอกาสหยิบยื่นเข้ามาก็รับไว้แล้วทำอย่างดีที่สุด
เบลล่า เล่าว่า พอได้มาสัมผัสงานละครแล้วรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ยากกว่าที่คิดไว้ การเล่นละครเหมือนงานศิลปะ เราไม่ต้องไปเอาชนะใคร แค่ต้องชนะใจตัวเอง แสดงความรู้สึกของตัวละครออกมาให้ได้
ว่าที่คุณหญิง ของคุณชายพุฒิภัทร
ปี 2556 ถือเป็นปีทองของสาวลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ก็คงจะไม่ผิดเพี้ยนไปจากความจริงนัก เพราะเร็วๆ นี้ แฟนละครก็จะได้รับชมละครพีเรียดโปรเจกต์ยักษ์ของ ช่อง 3 ซีรี่ส์เรื่องสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายพุฒิภัทร ที่นางเอกคนสวย เบลล่า ประกบคู่กับพระเอกใหม่ เจมส์ - จิรายุ ตั้งศรีสุข
ในเรื่องนี้รับบทเป็น กรองแก้ว หญิงสามัญครอบครัวยากจนที่ทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาพ่อจากโรคร้าย และการตัดสินใจเข้าประกวดนางงามศรีสยาม ก็เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของเธอ
เบลล่า เล่าว่าเรื่องนี้ใช้เวลานานมากว่าจะได้รับเลือกเป็นนางเอก “นานเกือบปีเลยค่ะ กว่าจะสรุปว่าเป็นใครเล่น ไม่ได้คิดว่าจะได้หรือไม่ได้ แต่ว่าทำเต็มที่เพราะว่าเค้าเรียกนักแสดงมาแคสต์เยอะมาก แต่เราอ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกถูกชะตายังไงก็ไม่รู้(หัวเราะ) ทำให้เล่นแล้วรู้สึกโอเค”
เรียกว่าเป็นโปรเจกต์ที่แฟนละครนับวันรอกันเลยทีเดียว เบลล่า เผยความรู้สึก “ความคาดหวังไม่ได้คาดหวัง กดดันมั้ย..มีนิดนึง เพราะว่าเหมือนมันเป็น 5 เรื่อง ต้องเล่นให้ดี จะประคองไปด้วยกันหรือว่าจะลงเหวไปด้วยกัน(หัวเราะ) เพราะว่า 5 เรื่องมันก็ลิงก์กันไปหมดไงคะ ไปโผล่ในเรื่องอื่นด้วย ด้วยความที่คนเยอะขนาดนี้เราต้องจับคาแร็กเตอร์ตัวเองให้อยู่”
ในส่วนของการเตรียมตัวก็พิถีพิถันแน่นอน “เตรียมเยอะกว่า ไปเวิร์คชอป กิริยามารยาท ท่าทาง การพูด คนยุคนั้นบุคคลิกประมาณไหน”
ก็ไม่รู้บุคลิกของตัวละครจะติดมาใช้ในชีวิตจริงบ้างหรือเปล่า เบลล่า พูดขึ้น “ไม่ค่อยนะ แต่ในตัวหนูเองจะมีสเต็ปของความช้าอยู่แล้วด้วย(หัวเราะ)”
อย่างไรก็ตาม ภายใต้การกำกับของ ป้าแจ๋ว - ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์ ผู้กำกับฝีมือดี ละครเรื่อง คุณชายพุฒิภัทร คงเป็นอีกเรื่องที่ห้ามพลาด
“ป้าแจ๋ว ละเอียดมากทั้งเรื่องภาพเรื่องอะไร และยิ่งเป็นพีเรียดด้วย ก็จะมีความละมุนละไมของยุคนั้น ทั้งเรื่องแอกติ้ง เรื่องพร็อป เรื่องภาพ”
สมมุติคุณชายท่านนี้หลุดมาจากจอแก้วจะรับไว้พิจารณาหรือเปล่า เบลล่า ยิ้มๆ ก่อนตอบขึ้น “คุณชายนี่เป็นอะไรที่เพอร์เฟกต์มาก อย่าง กรองแก้ว เตอนแรกหมือนต่อต้านคุณชาย เพราะต่างชนชั้นกันสูงเกิน เพราะคุณชายเพอร์เฟกต์ทุกอย่าง เป็นชีวิตจริงก็คงพิจารณาคะ(หัวเราะ)"
บ้านหลังน้อยในรั้วแม่โดม
เบลล่า เคยมีความฝันเล็กๆ ถึงอาชีพแอร์โฮสเตรส แต่ในเส้นทางแห่งความเป็นจริงเธอกลับเลือกเริ่มต้นด้วยสาขาวิชาด้านสื่อสารมวลชน
หญิงสาว เล่าถึงเหตุที่ทำให้เลือกศึกษาใน คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน สาขาวิทยุโทรทัศน์ ม.ธรรมศาสตร์
“มองว่าเป็นคณะที่เหมือนไม่ได้เรียนผ่านตัวหนังสืออย่างเดียว มีแบบภาคปฏิบัติค่อนข้างเยอะ ซึ่งเราไม่ชอบนั่งเรียนในห้องเรียนอย่างเดียวไงคะ อันนี้จะมีทั้งแบบเรียนโปรดักส์ชัน จัดรายการ สตูดิโอ เรียนห้องอัด มันหลากหลาย มันทำให้เราสนใจ รู้สึกว่าสนใจเรียนแล้วได้ความรู้ประสบการณ์เยอะดี” บวกกับเป็นเด็กกิจกรรมด้วยก็ยิ่งรู้สึกสนุกเข้าไปใหญ่
อย่างตอนเด็กๆ เบลล่า มีส่วนร่วมกับกิจกรรมโรงเรียนมาโดยตลอด ไม่ว่าจะรำไทย ร่วมประกวดการคัดลายมือ การแข่งขันความรู้ภาษาอังกฤษ,วิทยาศาสตร์ เชียร์ลีดเดอร์ ดรัมเมเยอร์ ไล่มาจนถึงมหาลัยฯ ก็เป็น เชียร์ลีดเดอร์ คณะฯ เป็นทูตกิจกรรม
แต่การที่เข้าร่วมกิจกรรมเยอะๆ ทางบ้านก็รู้สึกเป็นห่วงว่าจะเสียการเรียนอยู่เหมือนกัน เพราะครอบครัว แคมเปน ให้ความสำคัญในเรื่องการศึกษาเป็นพิเศษ เบลล่า กล่าวถึงคำแนะนำของทางบ้าน “คือเค้าก็ไม่ได้ห้าม แต่ว่าอย่าโดดเรียนไปทำแล้วกัน”
รั้วแม่โดมไม่เพียงให้วิชาความรู้ เบลล่า บอกว่าที่นี่ได้มอบประสบการณ์ มิตรภาพ ความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง
เบลล่า เผยว่า อนาคตหากจัดการเรื่องตารางเวลาได้ลงตัวก็จะศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ด้านบริหารสื่อสารมวลชน ในสถาบันเดิม “เรียนเก็บความรู้เอาไว้ เผื่อว่าโตไปเราจะได้ต่อยอดความรู้ที่เรามีในปริญญาตรี เพื่อไปทำอย่างอื่นได้ อย่างเช่น เบื้องหลังในวงการ หรือว่าไปเป็นอ.พิเศษในมหาลัยฯ ตอนอายุมากๆ (ยิ้ม)”
แม้ในการทำงานจริงจะไม่เหมือนการเรียนเสียทีเดียว แต่พื้นฐานความรู้ประสบการณ์จากการเรียนรูก็สามารถนำมาปรับใช้ในสายงานได้จริง
(มีต่อ...)
'เบลล่า - ราณี' นางเอกอลวนพรพรหมอลเวง
Cr : ASTV ผู้จัดการรายวัน 1 มีนาคม 2556 22:18 น.
http://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000025312
ภาพโดย : วชิร สายจำปา
ภาพประกอบ : instagram @bellacampen
Facebook fanpage : bellaraneecampen
ข่าวโดย : ASTV ผู้จัดการ LITE
เล่นเอาโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะราวถูกสะกดด้วยยิ้มหวานๆ ขยี้หัวใจของ 'เบลล่า - ราณี แคมเปน' นางเอกสาวที่น่ารักน่าหยิกที่สุด ณ เวลานี้ จากละครชวนฝันเรื่อง พรพรหมอลเวง (ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3)
ในละครฯ 'เบลล่า' รับบทเป็น 'ตันหยง' สาวสวยทันสมัย วัย 25 ปี ผู้ถูกโชคชะตาแผลงฤทธิ์ลิขิตให้มาอยู่ในร่างเด็กหญิงตัวน้อย 'น้องเมย์' ทว่า! เรื่องราวสุดป่วนกลับไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในม่านมายา เพราะทุกก้าวย่างของสาวลูกครึ่ง ไทย-อังกฤษ ผู้นี้กลับเต็มไปด้วยเรื่องราวอลวนอลเวงที่ยากจะคาดเดา
เป็นต้นว่า.. จากอดีต นางร้ายกลับตัว ดันจับพลัดจับผลูเป็น นางเอกเนื้อหอม เสียอย่างนั้น!?
ดูท่าดอกไม้แรกแย้มจะหมองไปถนัดตา เมื่อเจ้าของใบหน้าพริ้มเพราค่อยๆ เผยยิ้มกว้าง..
น้องเมย์-ตันหยง จาก พรพรหมอลเวง
เรียกว่าบท ตันหยง แห่งละครเรื่อง พรพรหมอลเวง แจ้งเกิดนางเอกสาว เบลล่า แบบดังเป็นพลุแตก! เรื่องราวความอลวนของสาวสวยที่จำต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในร่าง น้องเมย์ (อันดา - กุณฑีรา ยอดช่าง) เด็กหญิงอายุ 5 ขวบ โดยมี หมอวี(บอย - ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์) หมอศัลยกรรมประสาทน้าชายเป็นผู้ดูแล
เบลล่า ขึ้นแท่นนางเอกเรื่องแรก เพราะก่อนหน้าก็เคยชิมลางงานละครหลังข่าวในเรื่อง รอยมาร เป็นบทนางร้ายกลับใจกลายๆ หลังจากนั้นก็มีละครเย็นเรื่อง ตะวันยอดรัก ตามมาติดๆ ซึ่งก็ยังเป็นคู่รองอีกตามเคย
ประกอบกับที่ช่วงนั้นยังเรียนอยู่ ปี 4 คณะวารสารศาสตร์ฯ ม.ธรรมศาสตร์ ปีสุดท้ายที่เรียนค่อนข้างหนัก ก็เลยทำให้เว้นวรรคงานละครไว้ระยะหนึ่ง
หลังเป็นบัณฑิตใหม่ป้ายแดง จากรั้ว มธ. ดูท่าโชคชะตาจะเล่นตลกเข้าแล้ว เบลล่า จับพลัดจับผลูถูกเลือกให้เป็นนางเอกในละครหลังข่าว ประเดิมด้วย เรื่อง สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายพุฒิภัทร ตามติดๆ ด้วยเรื่อง พรพรหมอลเวง
“ตื่นเต้นมากค่ะ จริงๆ เรื่องแรกที่เล่นเป็นนางเอกคือ คุณชายพุฒิภัทร (ออนแอร์ กลางปี 56) จากนั้นก็มีละคร พรพรหมอลเวง ติดต่อมา ได้เป็นนางเอกนะ ดีใจมาก ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสขนาดนี้”
แต่เรื่องนี้ใช่ว่าจะมีนางเอกเพียงคนเดียว เพราะสาวน้อย อย่าง น้องอันดา หรือ น้องเมย์ ที่เข้ามาร่วมชะตากรรมใน พรพรหมอลเวง ครั้งนี้ก็มาแรงไม่แพ้กัน
เบลล่า เล่าขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า ไม่รู้สึกเป็นกังวลแม้แต่น้อยว่านางเอกรุ่นเล็กจะมาแย่งซีน น้องอันดาเป็นเด็กน่ารัก ฉลาด ถูกชะตาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอเลย
“น้องอันดาเป็นเด็กฉลาดมาก พูดนิดเดียวทำได้เลย ทำเอาผู้ใหญ่ในกองกดดันไปด้วยเลย(หัวเราะ)"
ถ้าวันหนึ่งผู้ใหญ่จะหยิบยื่นบทรอง หรือบทนางร้าย มาให้เล่น เบลล่า เปิดใจว่ายินดีกับทุกบทบาท เพราะทางผู้ใหญ่ก็พิจารณาถึงความเหมาะสมแล้ว
เจ้าของตากลมโต เผยความนัยขึ้นว่า การเล่นละครยิ่งได้รับบทแสดงนำ นั้นหมายถึงเราต้องพัฒนาทักษะตัวเองมากขึ้น ต้องเปิดรับฟังคำแนะนำติชม อะไรที่ยังไม่ดีก็ปรับแก้กันต่อไป
อย่างไรก็ตาม พรพรหมอลเวง ก็เป็นละครรีเมกที่ถูกนำมาดัดแปลงอีกครั้ง แต่เวอร์ชันนี้จะต่างออกไป มีการปรับรูปแบบให้เข้ากับยุคสมัย
"เรื่องการเปรียบเทียบคงมีอยู่แล้ว ไม่ซีเรียสค่ะ เพราะเป็นเรื่องราวของยุคนี้ มีการเพิ่มตัวละคร ปรับบทให้ทันสมัย ตันหยงจะเป็นผู้หญิงสดใสร่าเริง เชื่อมั่นในความรัก การที่วิญญาณตัวเองไปอยู่ในร่างเด็กมันก็จะมีอารมณ์อึดอัด ตรงนี้ต้องแสดงออกมาให้ได้"
วัดใจ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
ย้อนกลับไปช่วงมัธยมปลาย ความน่ารักสะดุดตาของ เบลล่า เป็นเหตุให้โมเดอลิ่งเข้ามาทาบทามไปถ่ายแบบถ่ายโฆษณา แต่ในตอนนั้นเธอปฏิเสธไป เพราะคุณพ่อคุณแม่รู้สึกเป็นห่วงยังไม่อยากให้ลูกสาวคนเดียวเข้ามาทำงานในสายบันเทิง อยากให้ตั้งใจเรียนอย่างเดียวมากกว่า
เบลล่า เล่าถึงจุดเริ่มต้นที่เข้ามาเริ่มงานในวงการบันเทิงว่า หลังจากสอบติด วารสารฯ มธ. ช่วงปี 1 ก็ทำกิจกรรมเยอะมาก แต่เรื่องการเรียนก็ไม่ได้ทิ้ง ทำควบคู่กันไปอย่างไม่เสีย “เค้าเห็นว่าเราจัดการตัวเองได้แล้ว ทำกิจกรรมไปด้วยซึ่งค่อนข้างหนักเหมือนกัน เค้าก็เลยไว้ใจได้ ก็ลองดู”
เริ่มต้นจากงานโฆษณา ประมาณ 10 ตัว หลังจากนั้นโชคชะตาก็ทำให้พานพบกับ ผู้ช่วยของ เอ - ศุภชัย ศรีวิจิตร แน่นอนออร่าของเบลล่าเข้าตาแมวมองมือฉมังอย่างจัง สเต็ปต่อมาก็เข้ามาแคสต์กับทางช่อง 3 และได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัด
ยิ้มมุมปากที่ปรากฏชัด ค่อยๆ ปรับอิริยาบถ “ได้เงินมาครั้งแรกก็เป็นเงินก้อนนึง แล้วมันอยู่ในช่วงที่กำลังจะต้องจ่ายค่าเทอมพอดี ก็บอกคุณแม่เดี๋ยวจ่ายค่าเทอมเอง”
เบลล่า เล่าต่อว่า เงินที่ได้จากงานในครั้งนั้นตั้งใจจะให้คุณแม่อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าท่านสอนให้รู้จักเก็บออมเอง “คือตอนแรกตั้งใจจะให้เงินก้อนนี้ให้คุณแม่ แต่ท่านบอกไม่เอาเราหามาได้เองเราก็ต้องเก็บเอง เราก็เลยแบบจ่ายค่าเทอมเองแล้วกัน เป็นของขวัญให้คุณพ่อคุณแม่(ยิ้ม)”
ทีมงานหยอกถามว่า เบลล่า คิดว่าตัวเองสวยหรือเปล่า เจ้าตัวตอบแบบเขินๆ “ไม่ได้มองว่าหน้าตาดี ก็พอได้ อย่างน้อยก็ไปแคสต์โฆษณาก็ยังมีงานค่ะ (หัวเราะ) ไม่ได้คิดถึงขั้นว่าจะมาเป็นนักแสดงหรือว่าทำอาชีพนี้เต็มตัว”
ทางสายมายาของเบลล่ายังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แน่นอน มันเป็นอาชีพที่ทำแล้วรู้สึกมีความสุข มีความท้าทายอยู่ในเนื้องาน เธอกระซิบว่า ตอนนี้โอกาสหยิบยื่นเข้ามาก็รับไว้แล้วทำอย่างดีที่สุด
เบลล่า เล่าว่า พอได้มาสัมผัสงานละครแล้วรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ยากกว่าที่คิดไว้ การเล่นละครเหมือนงานศิลปะ เราไม่ต้องไปเอาชนะใคร แค่ต้องชนะใจตัวเอง แสดงความรู้สึกของตัวละครออกมาให้ได้
ว่าที่คุณหญิง ของคุณชายพุฒิภัทร
ปี 2556 ถือเป็นปีทองของสาวลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ก็คงจะไม่ผิดเพี้ยนไปจากความจริงนัก เพราะเร็วๆ นี้ แฟนละครก็จะได้รับชมละครพีเรียดโปรเจกต์ยักษ์ของ ช่อง 3 ซีรี่ส์เรื่องสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายพุฒิภัทร ที่นางเอกคนสวย เบลล่า ประกบคู่กับพระเอกใหม่ เจมส์ - จิรายุ ตั้งศรีสุข
ในเรื่องนี้รับบทเป็น กรองแก้ว หญิงสามัญครอบครัวยากจนที่ทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาพ่อจากโรคร้าย และการตัดสินใจเข้าประกวดนางงามศรีสยาม ก็เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของเธอ
เบลล่า เล่าว่าเรื่องนี้ใช้เวลานานมากว่าจะได้รับเลือกเป็นนางเอก “นานเกือบปีเลยค่ะ กว่าจะสรุปว่าเป็นใครเล่น ไม่ได้คิดว่าจะได้หรือไม่ได้ แต่ว่าทำเต็มที่เพราะว่าเค้าเรียกนักแสดงมาแคสต์เยอะมาก แต่เราอ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกถูกชะตายังไงก็ไม่รู้(หัวเราะ) ทำให้เล่นแล้วรู้สึกโอเค”
เรียกว่าเป็นโปรเจกต์ที่แฟนละครนับวันรอกันเลยทีเดียว เบลล่า เผยความรู้สึก “ความคาดหวังไม่ได้คาดหวัง กดดันมั้ย..มีนิดนึง เพราะว่าเหมือนมันเป็น 5 เรื่อง ต้องเล่นให้ดี จะประคองไปด้วยกันหรือว่าจะลงเหวไปด้วยกัน(หัวเราะ) เพราะว่า 5 เรื่องมันก็ลิงก์กันไปหมดไงคะ ไปโผล่ในเรื่องอื่นด้วย ด้วยความที่คนเยอะขนาดนี้เราต้องจับคาแร็กเตอร์ตัวเองให้อยู่”
ในส่วนของการเตรียมตัวก็พิถีพิถันแน่นอน “เตรียมเยอะกว่า ไปเวิร์คชอป กิริยามารยาท ท่าทาง การพูด คนยุคนั้นบุคคลิกประมาณไหน”
ก็ไม่รู้บุคลิกของตัวละครจะติดมาใช้ในชีวิตจริงบ้างหรือเปล่า เบลล่า พูดขึ้น “ไม่ค่อยนะ แต่ในตัวหนูเองจะมีสเต็ปของความช้าอยู่แล้วด้วย(หัวเราะ)”
อย่างไรก็ตาม ภายใต้การกำกับของ ป้าแจ๋ว - ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์ ผู้กำกับฝีมือดี ละครเรื่อง คุณชายพุฒิภัทร คงเป็นอีกเรื่องที่ห้ามพลาด
“ป้าแจ๋ว ละเอียดมากทั้งเรื่องภาพเรื่องอะไร และยิ่งเป็นพีเรียดด้วย ก็จะมีความละมุนละไมของยุคนั้น ทั้งเรื่องแอกติ้ง เรื่องพร็อป เรื่องภาพ”
สมมุติคุณชายท่านนี้หลุดมาจากจอแก้วจะรับไว้พิจารณาหรือเปล่า เบลล่า ยิ้มๆ ก่อนตอบขึ้น “คุณชายนี่เป็นอะไรที่เพอร์เฟกต์มาก อย่าง กรองแก้ว เตอนแรกหมือนต่อต้านคุณชาย เพราะต่างชนชั้นกันสูงเกิน เพราะคุณชายเพอร์เฟกต์ทุกอย่าง เป็นชีวิตจริงก็คงพิจารณาคะ(หัวเราะ)"
บ้านหลังน้อยในรั้วแม่โดม
เบลล่า เคยมีความฝันเล็กๆ ถึงอาชีพแอร์โฮสเตรส แต่ในเส้นทางแห่งความเป็นจริงเธอกลับเลือกเริ่มต้นด้วยสาขาวิชาด้านสื่อสารมวลชน
หญิงสาว เล่าถึงเหตุที่ทำให้เลือกศึกษาใน คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน สาขาวิทยุโทรทัศน์ ม.ธรรมศาสตร์
“มองว่าเป็นคณะที่เหมือนไม่ได้เรียนผ่านตัวหนังสืออย่างเดียว มีแบบภาคปฏิบัติค่อนข้างเยอะ ซึ่งเราไม่ชอบนั่งเรียนในห้องเรียนอย่างเดียวไงคะ อันนี้จะมีทั้งแบบเรียนโปรดักส์ชัน จัดรายการ สตูดิโอ เรียนห้องอัด มันหลากหลาย มันทำให้เราสนใจ รู้สึกว่าสนใจเรียนแล้วได้ความรู้ประสบการณ์เยอะดี” บวกกับเป็นเด็กกิจกรรมด้วยก็ยิ่งรู้สึกสนุกเข้าไปใหญ่
อย่างตอนเด็กๆ เบลล่า มีส่วนร่วมกับกิจกรรมโรงเรียนมาโดยตลอด ไม่ว่าจะรำไทย ร่วมประกวดการคัดลายมือ การแข่งขันความรู้ภาษาอังกฤษ,วิทยาศาสตร์ เชียร์ลีดเดอร์ ดรัมเมเยอร์ ไล่มาจนถึงมหาลัยฯ ก็เป็น เชียร์ลีดเดอร์ คณะฯ เป็นทูตกิจกรรม
แต่การที่เข้าร่วมกิจกรรมเยอะๆ ทางบ้านก็รู้สึกเป็นห่วงว่าจะเสียการเรียนอยู่เหมือนกัน เพราะครอบครัว แคมเปน ให้ความสำคัญในเรื่องการศึกษาเป็นพิเศษ เบลล่า กล่าวถึงคำแนะนำของทางบ้าน “คือเค้าก็ไม่ได้ห้าม แต่ว่าอย่าโดดเรียนไปทำแล้วกัน”
รั้วแม่โดมไม่เพียงให้วิชาความรู้ เบลล่า บอกว่าที่นี่ได้มอบประสบการณ์ มิตรภาพ ความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง
เบลล่า เผยว่า อนาคตหากจัดการเรื่องตารางเวลาได้ลงตัวก็จะศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ด้านบริหารสื่อสารมวลชน ในสถาบันเดิม “เรียนเก็บความรู้เอาไว้ เผื่อว่าโตไปเราจะได้ต่อยอดความรู้ที่เรามีในปริญญาตรี เพื่อไปทำอย่างอื่นได้ อย่างเช่น เบื้องหลังในวงการ หรือว่าไปเป็นอ.พิเศษในมหาลัยฯ ตอนอายุมากๆ (ยิ้ม)”
แม้ในการทำงานจริงจะไม่เหมือนการเรียนเสียทีเดียว แต่พื้นฐานความรู้ประสบการณ์จากการเรียนรูก็สามารถนำมาปรับใช้ในสายงานได้จริง (มีต่อ...)