โรคจิตเภท
หากไม่รวมถึงโรคจิตที่เกิดจากโรคทางร่างกายหรือยาแล้ว
โรคจิตเภทเป็นโรคจิตชนิดที่พบบ่อยที่สุด ประมาณกันว่าในคนทั่วไป 100
คนจะพบผู้ที่เป็นหรือเคยเป็นโรคนี้ 0.3-1 คน ในทุกๆ ปีจะมีผู้ป่วยใหม่เกิดขึ้น 1
คนต่อประชากร 1 หมื่นคน จึงขอกล่าวถึงโรคนี้ค่อนข้างมากกว่าโรคอื่นๆ
ลักษณะอาการ
อาการของโรคแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
ระยะเริ่มมีอาการ ระยะอาการกำเริบ และระยะอาการหลงเหลือ
1. ระยะเริ่มมีอาการ
ระยะนี้เป็นระยะที่เริ่มมีอาการน้อยๆ ส่วนใหญ่การเปลี่ยนแปลงจะค่อยเป็นค่อยไป
มักมีปัญหาในด้านหน้าที่ความรับผิดชอบ หรือด้านสัมพันธภาพ การเรียนหรือการทำงาน
ญาติหรือคนใกล้ชิดมักเห็นว่าผู้ป่วยเปลี่ยนไปไม่เหมือนคนเดิม
เริ่มแรกส่วนใหญ่เก็บตัวมากขึ้น
เดิมวันหยุดเคยออกไปกับเพื่อนก็กลายเป็นไม่ไปไหน อาจขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง
จะพบคนในบ้านก็ต่อเมื่อถึงเวลากินข้าว
อาจหันไปสนใจเรื่องทางด้านปรัชญา ศาสนา
จิตวิทยา หรือเรื่องของไสยศาสตร์ บางคนก็หันไปหมกมุ่นกับบางสิ่งบางอย่างอย่างมาก
เช่น สะสมพระเต็มห้อง ทั้งๆ ที่เดิมไม่เคยสนใจมาก่อน
หากเป็นนักเรียนผลการเรียนเริ่มตกต่ำลง ครูอาจรายงานว่าเด็กมักเหม่อลอย
หรือไม่ค่อยสนใจเรียน เพื่อนๆ มีความรู้สึกว่าผู้ป่วยห่างไปจากกลุ่ม มีความคิด
คำพูด หรือบางครั้งมีพฤติกรรมที่ดูแล้วแปลกๆ แต่ก็ไม่ถึงกับผิดปกติชัดเจน
ที่บ้านอาจเห็นว่าผู้ป่วยกลายเป็นคนขี้เกียจ
วันหยุดก็ตื่นสาย บางที่ตื่นมาก็กินข้าวเที่ยงเลย การสนใจเรื่องของร่างกาย
หรือการแต่งตัวก็ลดลง จากเดิมเป็นคนสะอาด กลายเป็นมีเสื้อกองอยู่เกลื่อนห้อง
กางเกงตัวหนึ่งใส่หลายวันโดยไม่ซัก เวลาถามเรื่องเหล่านี้ก็มักมีข้ออ้างต่างๆ นาๆ
มีการใช้คำหรือสำนวนแปลก ๆ
ระยะนี้อาจนานเป็นเดือนๆ ถึงเป็นปี
ช่วงที่ผู้ป่วยดื่มเหล้ามาก หรือเครียดจัดๆ
อาจเห็นชัดขึ้นว่าไม่ค่อยปกติ
http://www.ramamental.com/medicalstudent/generalpsyc/psycfinedetail/
อาการเริ่มแรกของโรคจิตเภทคือหันมาสนใจศาสนา?
หากไม่รวมถึงโรคจิตที่เกิดจากโรคทางร่างกายหรือยาแล้ว
โรคจิตเภทเป็นโรคจิตชนิดที่พบบ่อยที่สุด ประมาณกันว่าในคนทั่วไป 100
คนจะพบผู้ที่เป็นหรือเคยเป็นโรคนี้ 0.3-1 คน ในทุกๆ ปีจะมีผู้ป่วยใหม่เกิดขึ้น 1
คนต่อประชากร 1 หมื่นคน จึงขอกล่าวถึงโรคนี้ค่อนข้างมากกว่าโรคอื่นๆ
ลักษณะอาการ
อาการของโรคแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
ระยะเริ่มมีอาการ ระยะอาการกำเริบ และระยะอาการหลงเหลือ
1. ระยะเริ่มมีอาการ
ระยะนี้เป็นระยะที่เริ่มมีอาการน้อยๆ ส่วนใหญ่การเปลี่ยนแปลงจะค่อยเป็นค่อยไป
มักมีปัญหาในด้านหน้าที่ความรับผิดชอบ หรือด้านสัมพันธภาพ การเรียนหรือการทำงาน
ญาติหรือคนใกล้ชิดมักเห็นว่าผู้ป่วยเปลี่ยนไปไม่เหมือนคนเดิม
เริ่มแรกส่วนใหญ่เก็บตัวมากขึ้น
เดิมวันหยุดเคยออกไปกับเพื่อนก็กลายเป็นไม่ไปไหน อาจขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง
จะพบคนในบ้านก็ต่อเมื่อถึงเวลากินข้าว อาจหันไปสนใจเรื่องทางด้านปรัชญา ศาสนา
จิตวิทยา หรือเรื่องของไสยศาสตร์ บางคนก็หันไปหมกมุ่นกับบางสิ่งบางอย่างอย่างมาก
เช่น สะสมพระเต็มห้อง ทั้งๆ ที่เดิมไม่เคยสนใจมาก่อน
หากเป็นนักเรียนผลการเรียนเริ่มตกต่ำลง ครูอาจรายงานว่าเด็กมักเหม่อลอย
หรือไม่ค่อยสนใจเรียน เพื่อนๆ มีความรู้สึกว่าผู้ป่วยห่างไปจากกลุ่ม มีความคิด
คำพูด หรือบางครั้งมีพฤติกรรมที่ดูแล้วแปลกๆ แต่ก็ไม่ถึงกับผิดปกติชัดเจน
ที่บ้านอาจเห็นว่าผู้ป่วยกลายเป็นคนขี้เกียจ
วันหยุดก็ตื่นสาย บางที่ตื่นมาก็กินข้าวเที่ยงเลย การสนใจเรื่องของร่างกาย
หรือการแต่งตัวก็ลดลง จากเดิมเป็นคนสะอาด กลายเป็นมีเสื้อกองอยู่เกลื่อนห้อง
กางเกงตัวหนึ่งใส่หลายวันโดยไม่ซัก เวลาถามเรื่องเหล่านี้ก็มักมีข้ออ้างต่างๆ นาๆ
มีการใช้คำหรือสำนวนแปลก ๆ
ระยะนี้อาจนานเป็นเดือนๆ ถึงเป็นปี
ช่วงที่ผู้ป่วยดื่มเหล้ามาก หรือเครียดจัดๆ
อาจเห็นชัดขึ้นว่าไม่ค่อยปกติ
http://www.ramamental.com/medicalstudent/generalpsyc/psycfinedetail/