หมายเหตุ
รีวิวนี้ อาจหาสาระทางภาพยนตร์ไม่ได้มากนะคะ เพราะ คนเขียนได้แปลงร่างเป็น ติ่งสาวโอปป้าซารางเฮก่อนเขียนเป็นที่เรียบร้อย ขออภัย หากมีเนื้อหาและภาษาแปลกๆ
อ้วกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ขอแหวะให้กับชื่อไทยที่ตัวเองตั้งก่อนหนึ่งรอบ ไม่ไหวจริงๆ ฮ่าๆ
แต่คิดชื่ออื่นไม่ออกแล้ว เพราะไม่มีชื่อภาษาไทย แต่หนังถูกตั้งชื่อทับศัพท์ว่า "วูฟบอย" ไปเลย
ก่อนหน้านี้มีการประโคมข่าวถล่มโซเชี่ยลเลยทีเดียวว่า ว่า
"นี่เป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์เกาหลี" (อีกครั้ง อีกครั้ง และ อีกครั้ง)
ทำรายได้ถึง.. กี่พันล้านวอนก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าดังมากๆ แถมตอนฉายในประเทศบ้านเกิด ก็กล๊ากล้า ฉายชนกับ แวมไพร์ทไวไหล ภาคจบด้วย
ซึ่งปรากฏว่า เบียดเจคอบจอมหื่น กระเด็นไม่เป็นท่า หนังทำรายได้แบบงดงามระเบิดระเบ้อ ชนิดที่ว่าเกิดกระแส วูฟบอย อยากเลี้ยงหมาขึ้นมากันถ้วยหน้าเลยทีเดียว
เอาล่ะนะ จะเล่าให้ฟังละนะว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง
โฮฮฮฮฮ เศร้าจังเลยยยย...
ยัง!!!!
ไม่มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ
(คำเตือนเนื้อหานี้เหมาะกับผู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับดาราเกาหลีมาพอสมควร)
เรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่ย้ายบ้านไปอยู่ในชนบทอันห่างไกล ที่นั่นเธอได้พบกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง หลงเข้ามาในเขตบ้านของเธอ เขาไม่รู้จักวิถีการดำเนินชีวิตแบบมนุษย์เลย แม้ในตอนแรกเธอจะรู้สึกแปลกๆทีั่ถูกรบกวนจากคนแปลกหน้า แต่สุดท้าย เธอก็ตัดสินใจสอนให้เด็กหนุ่มเรียนรู้ที่จะอยู่แบบมนุษย์ แต่เรื่องราวมันไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้น เมื่อเขาไม่ใช่เพียงเด็กหนุ่มหลงทางธรรมดา ... เขาคือ มนุษย์หมาป่า นั่นเอง..
(คือ... เล่าเหมือนลุ้นทำไม รู้ตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้วป่ะ...)
สิ่งที่โดดเด่นใน Wolfboy ไม่ใช่พลอตเรื่องที่อิงกระแสหนังเทศ ที่ออกจะแปลกๆอยู่บ้างสำหรับวงการภาพยนตร์เกาหลี แต่เป็น การแสดงอันยอดเยี่ยมกับการรับบทนำในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ใหญ่ครั้งแรกของซงจุงกิ (ยาวไปนะ)
บอกได้คำเดียวว่า "เจ๋งมาก"
ดูหนังไทย หนังเทศมาก็เยอะ ยังไม่เคยรู้สึกว่ามีคนที่แสดงไม่เหมือน "คน" ได้เท่านี้มาก่อน
ตั้งแต่ต้นจนหนังจบ ไม่คิดว่า จุงกิ เป็น "มนุษย์" เลย
ดูไปด้วยความสงสาร นางเอกจะรักหมาป่า "ตัวนึง" ได้ยังไง ในเมื่อหมอนี่ไม่มีท่าทีเหมือนมนุษย์เลย
และด้วยการแสดงเป็นหมาป่านี้เอง ที่ทำให้ ซงจุงกิ ไม่มีบทพูด ใช้การแสดงสีหน้าและท่าทางเพียงอย่างเดียว ด้านการใช้สายตา ยังถือว่าเป็นจุดด้อยของจุงกิอยู่ เพราะ อันที่จริงแล้ว จุดเด่นมากๆจริงของมนุษย์หมาป่าคือ "ดวงตา" แต่จุงกิ ยังไม่มีพลังในการใช้สายตามากพอ ให้รู้สึกหวาดกลัว เพียงแค่มองตาหรือท่าทางเลย
หากใครที่เป็นแฟนละครเกาหลี คงได้ผ่านตาละครเรื่อง Innocent Man ที่ซงจุงกิเล่นเป็นพระเอกคู่กับมุนแชวอนแล้ว ละครเรื่องนั้น จุงกิก็เน้นการใช้สายตาและท่าทางมากกว่าบทพูดเช่นกัน ซึ่งในเรื่องนั้นก็ยังไม่ถึงขั้นดีมากมายอะไรนัก พอได้มาเห็นใน Wolfboy จึงมั่นใจว่า การแสดงทางสายตา ยังคงเป็นปัญหาสำคัญของนักแสดงคนนี้
แต่สิ่งที่ช่วยจุงกิไว้ได้มากจริงๆ จนถึงขั้นมันกลายเป็นจุดเด่นของหนังไปเลย คือ "ความใสซื่อเป็นธรรมชาติ" ตามฉายา "ดอกไม้งามนามจุงกิ" นั่นแหละ
แม้จะติดลักษณะการแสดงแบบละครมาอยู่บ้าง จนบางทีเกือบจะล้นๆ และเว่อร์ไปบ้าง อาจด้วยเพราะคาแรคเตอร์ที่ไม่ได้แสดงเป็นมนุษย์ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก เพราะความ "ใสซื่อ" แบบสัตว์ที่จุงกิแสดงออกมา มันทำได้ดีมากๆจนคิดว่า "นี่คือสุนัขน่ารักๆ" ตัวหนึ่ง
ในแบบที่ไม่ใช่ "คนที่น่ารักแบบสุนัข" แบบที่หนังเกาหลีพยายามสร้างสัญลักษณ์ให้กับไอดอลชายหนุ่ม ในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย
นอกเหนือจากความใสซื่อของคาแรคเตอร์และ การแสดงที่ ดูได้อย่างเพลิดเพลินแล้ว บทของปาร์คโบยอง ที่รับหน้าที่เป็นคนฝึกสุนัข เอ้ย เป็นคนดูแลพระเอกหนุ่มน้อยมนุษย์หมาป่า ยังเป็นบทที่ดีมากอีกบทหนึ่ง นั่นคือ นี่เป็นตัวละครที่สมจริงมากในหนัง
(ผิดจากตัวละครนางเอกยัยตัวป่วน ตัวยุ่ง ยัยตัวน่ารัก ทั้งหลาย ที่ไม่แบ๊วเกิน ร้ายเกิน หวานเกิน)
คาแรคเตอร์ของปาร์คโบยองในหนัง เต็มไปด้วยความน่ารำคาณใจกับชีวิตของตนเอง แต่ไม่ได้แสดงถึงความอ่อนแอ อ่ะแหะๆ อะแค้กๆ ปี้จายยยยยย แบบละครเกาหลียุคเก่าๆที่นางเอกชอบป่วยออดๆแอดๆ (เรื่องนี้นางเอกก็ป่วย) และไม่ได้เป็นยัยตัวร้ายสุดขั้ว แบบที่แก่นเซี้ยวเปรียวซ่า แต่เป็นในลักษณะของเด็กสาวเรียบง่ายคนหนึ่งที่ไม่มีจุดเด่นอะไรในชีวิตมากนัก เธอไม่ได้ป็นพวกขยันตั้งใจ หรือ เด็กดี รักพ่อแม่ คนแก่ เอ็นดูเด็ก ยิ้มสวย หันข้างงามสามโลก
แต่เป็นเด็กสาวๆธรรมดาๆ ที่ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ แม้จะมีเด็กหนุ่มมนุษย์หมาป่าเข้ามาในชีวิต ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปถึงขั้นพีครุนแรง เปลี่ยนแปลงชีวิตหรือ ทัศนะคติ แบบที่ขนบหนังเกาหลีชอบทำในทำนอง
"ฮ๊าาาา พอเธอเข้ามาในชีวิต โลกของฉันก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง" หรือ แสดงให้เห็นถึงความรัก อาลัย ฟูมฟาย น้ำตานอง มิลืมเลือน ตลอดไป ตลอดไป .. อะไรแบบนั้น
นี่อาจเป็นชีวิตธรรมดาๆของใครสักคนในชีวิตจริงก็ได้ (ตัดเรื่องมนุษย์หมาป่าทิ้งไปน่ะ)
การแสดงของนักแสดงในเรื่องมันทำให้ทุกอย่างดูสมูธ ลื่นไหล นุ่มนวลไปหมด แต่ละคนไม่มีใครขาด ใครเกิน เลยทั้งบรรยาศงามๆ ตามสไตล์หนังเกาหลี อารมณ์อบอุ่นที่อบอวลในเรื่อง ทำให้เรารู้สึกเพลิดเพลินได้อย่างง่ายดายจริงๆ
เอกลักษณ์ในหนังเกาหลีที่ Wolfboy ยังคงไว้ได้อย่างครบถ้วนคือ "ความอบอุ่น"
จากที่หนังแนวเดียวกัน ที่เคยเล่นประเด็นรักหนุ่มสาว หวานเลี่ยนเอียน หากไม่ซึ้งสุดติ่ง ก็ต้อง จิตตก โศกา อาดูร เปลี่ยวเหว่เอกา
Wolfboy ไม่ได้ขายเรื่องประเด็นความรักหนุ่มสาวเลย สิ่งที่หนังตั้งใจชูให้เป็นเรื่องหลักจริงๆ คือ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของเพื่อนมนุษย์ และความอบอุ่น เป็นครอบครัวเดียวกัน
นี่อาจเป็นหนังเกาหลีที่ดีมากๆเรื่องหนึ่งที่ได้ดูในรอบหลายปี สำหรับเรา ไม่มีกระทั่งมุกตลก ตามสไตล์เกาหลี๊ เกาหลี ไม่มีฉากชวนซึ้งฟูมฟาย หรือ แบบที่ พอเพลงขึ้นปุ๊ป น้ำตาไหลปั๊ป (เรื่องนี้แทบไม่มีเพลงประกอบประเภท BGM เลย) แต่เราอาจจะรู้สึกเศร้าได้ตลอดเวลา ตรงที่ ทั้งคู่ดูเหมือนไม่มีทางบรรจบกันได้เลย (เพราะพระเอกแสดงเป็นหมาจริงๆ ไม่ได้ดูเหมือนคน พอให้มีลุ้นเลย)
นี่อาจไม่ใช่ หนังโรแมนติคที่ดีที่สุด หรือเจ๋งที่สุด แต่สำหรับเราถือเป็นหนังเกาหลีที่ "ถูกใจ" มากเรื่องหนึ่งในรอบหลายปี ที่อยากเข้าไปดูซ้ำในโรงอีก เพราะมันทั้งสนุก อบอุ่น ซึ้งใจ และ น่าจดจำ
อย่าลืมไปชมกันนะคะ
แถมๆ
- เป็นหนังเกาหลีเรื่องแรกในรอบหลายปีที่มี ระบบ Soundtrack ไม่รู้พลาดอะไรไปหรือเปล่า แต่ปกติหนังเอเชียที่เข้าบ้านเราแทบไม่เคยมีแบบ Soundtrack เลย มีแต่แบบพากย์ไทยมาให้ดู ไปดูซาวด์แทรค เสียงเกาหลีแล้ว
โคตะระได้อารมณ์เลยค่ะ
- ซงจุงกิ หล่อ และ น่ารัก ค่ะ แต่ไม่ใช่สาระสำคัญของหนังเลย เพราะเขาแสดงดีมาก
- ปาร์ค โบ ยอง เคยจำได้ว่าน้องเขาน่ารัก แต่เรื่องนี้ น่ารักแบบคนธรรมดาที่ ธรรมชาติ เลยดูสวยมากๆ
- เพลงประกอบ เพราะมาก เพราะมันเป็นฉากสำคัญ ในหนังนั่นแหละ
- เรื่องนี้เราร้องไห้เกือบตลอด (อีกแล้ววว) แม้จะไม่มีฉากบิวด์ "เลย!" (อันที่จริงแอบมี 1 ฉาก) เพราะว่าประเด็นหนัง และการถ่ายทอดที่ดีมากสำหรับเรา ที่แปลงร่างเป็นสาวโรเแมนติคโอปป้าซารางเฮ เข้าไปดู ทำให้เรื่องมันเศร๊าาาา เศร้า ...
- ไม่อยากจะบอกว่า จริงๆตั้งใจไปดู Stroker แต่พึ่งรู้ว่า Wolfboy เข้า เลยนึกไงไม่รู้ไปดู Wolfboy แทน (คนละแนวมากๆ 5555)
Blog :
http://jaypop.exteen.com/20130301/wolfboy-2013
FB :
https://www.facebook.com/pages/Poprock-On-Mag/406784486081899?ref=hl
[CR] Wolfboy (2013), วูฟบอย หมาป่า...ที่รัก
หมายเหตุ
รีวิวนี้ อาจหาสาระทางภาพยนตร์ไม่ได้มากนะคะ เพราะ คนเขียนได้แปลงร่างเป็น ติ่งสาวโอปป้าซารางเฮก่อนเขียนเป็นที่เรียบร้อย ขออภัย หากมีเนื้อหาและภาษาแปลกๆ
อ้วกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ขอแหวะให้กับชื่อไทยที่ตัวเองตั้งก่อนหนึ่งรอบ ไม่ไหวจริงๆ ฮ่าๆ
แต่คิดชื่ออื่นไม่ออกแล้ว เพราะไม่มีชื่อภาษาไทย แต่หนังถูกตั้งชื่อทับศัพท์ว่า "วูฟบอย" ไปเลย
ก่อนหน้านี้มีการประโคมข่าวถล่มโซเชี่ยลเลยทีเดียวว่า ว่า
"นี่เป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์เกาหลี" (อีกครั้ง อีกครั้ง และ อีกครั้ง)
ทำรายได้ถึง.. กี่พันล้านวอนก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าดังมากๆ แถมตอนฉายในประเทศบ้านเกิด ก็กล๊ากล้า ฉายชนกับ แวมไพร์ทไวไหล ภาคจบด้วย
ซึ่งปรากฏว่า เบียดเจคอบจอมหื่น กระเด็นไม่เป็นท่า หนังทำรายได้แบบงดงามระเบิดระเบ้อ ชนิดที่ว่าเกิดกระแส วูฟบอย อยากเลี้ยงหมาขึ้นมากันถ้วยหน้าเลยทีเดียว
เอาล่ะนะ จะเล่าให้ฟังละนะว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง
โฮฮฮฮฮ เศร้าจังเลยยยย...
ยัง!!!!
ไม่มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ
(คำเตือนเนื้อหานี้เหมาะกับผู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับดาราเกาหลีมาพอสมควร)
เรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่ย้ายบ้านไปอยู่ในชนบทอันห่างไกล ที่นั่นเธอได้พบกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง หลงเข้ามาในเขตบ้านของเธอ เขาไม่รู้จักวิถีการดำเนินชีวิตแบบมนุษย์เลย แม้ในตอนแรกเธอจะรู้สึกแปลกๆทีั่ถูกรบกวนจากคนแปลกหน้า แต่สุดท้าย เธอก็ตัดสินใจสอนให้เด็กหนุ่มเรียนรู้ที่จะอยู่แบบมนุษย์ แต่เรื่องราวมันไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้น เมื่อเขาไม่ใช่เพียงเด็กหนุ่มหลงทางธรรมดา ... เขาคือ มนุษย์หมาป่า นั่นเอง..
(คือ... เล่าเหมือนลุ้นทำไม รู้ตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้วป่ะ...)
สิ่งที่โดดเด่นใน Wolfboy ไม่ใช่พลอตเรื่องที่อิงกระแสหนังเทศ ที่ออกจะแปลกๆอยู่บ้างสำหรับวงการภาพยนตร์เกาหลี แต่เป็น การแสดงอันยอดเยี่ยมกับการรับบทนำในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ใหญ่ครั้งแรกของซงจุงกิ (ยาวไปนะ)
บอกได้คำเดียวว่า "เจ๋งมาก"
ดูหนังไทย หนังเทศมาก็เยอะ ยังไม่เคยรู้สึกว่ามีคนที่แสดงไม่เหมือน "คน" ได้เท่านี้มาก่อน
ตั้งแต่ต้นจนหนังจบ ไม่คิดว่า จุงกิ เป็น "มนุษย์" เลย
ดูไปด้วยความสงสาร นางเอกจะรักหมาป่า "ตัวนึง" ได้ยังไง ในเมื่อหมอนี่ไม่มีท่าทีเหมือนมนุษย์เลย
และด้วยการแสดงเป็นหมาป่านี้เอง ที่ทำให้ ซงจุงกิ ไม่มีบทพูด ใช้การแสดงสีหน้าและท่าทางเพียงอย่างเดียว ด้านการใช้สายตา ยังถือว่าเป็นจุดด้อยของจุงกิอยู่ เพราะ อันที่จริงแล้ว จุดเด่นมากๆจริงของมนุษย์หมาป่าคือ "ดวงตา" แต่จุงกิ ยังไม่มีพลังในการใช้สายตามากพอ ให้รู้สึกหวาดกลัว เพียงแค่มองตาหรือท่าทางเลย
หากใครที่เป็นแฟนละครเกาหลี คงได้ผ่านตาละครเรื่อง Innocent Man ที่ซงจุงกิเล่นเป็นพระเอกคู่กับมุนแชวอนแล้ว ละครเรื่องนั้น จุงกิก็เน้นการใช้สายตาและท่าทางมากกว่าบทพูดเช่นกัน ซึ่งในเรื่องนั้นก็ยังไม่ถึงขั้นดีมากมายอะไรนัก พอได้มาเห็นใน Wolfboy จึงมั่นใจว่า การแสดงทางสายตา ยังคงเป็นปัญหาสำคัญของนักแสดงคนนี้
แต่สิ่งที่ช่วยจุงกิไว้ได้มากจริงๆ จนถึงขั้นมันกลายเป็นจุดเด่นของหนังไปเลย คือ "ความใสซื่อเป็นธรรมชาติ" ตามฉายา "ดอกไม้งามนามจุงกิ" นั่นแหละ
แม้จะติดลักษณะการแสดงแบบละครมาอยู่บ้าง จนบางทีเกือบจะล้นๆ และเว่อร์ไปบ้าง อาจด้วยเพราะคาแรคเตอร์ที่ไม่ได้แสดงเป็นมนุษย์ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก เพราะความ "ใสซื่อ" แบบสัตว์ที่จุงกิแสดงออกมา มันทำได้ดีมากๆจนคิดว่า "นี่คือสุนัขน่ารักๆ" ตัวหนึ่ง
ในแบบที่ไม่ใช่ "คนที่น่ารักแบบสุนัข" แบบที่หนังเกาหลีพยายามสร้างสัญลักษณ์ให้กับไอดอลชายหนุ่ม ในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย
นอกเหนือจากความใสซื่อของคาแรคเตอร์และ การแสดงที่ ดูได้อย่างเพลิดเพลินแล้ว บทของปาร์คโบยอง ที่รับหน้าที่เป็นคนฝึกสุนัข เอ้ย เป็นคนดูแลพระเอกหนุ่มน้อยมนุษย์หมาป่า ยังเป็นบทที่ดีมากอีกบทหนึ่ง นั่นคือ นี่เป็นตัวละครที่สมจริงมากในหนัง
(ผิดจากตัวละครนางเอกยัยตัวป่วน ตัวยุ่ง ยัยตัวน่ารัก ทั้งหลาย ที่ไม่แบ๊วเกิน ร้ายเกิน หวานเกิน)
คาแรคเตอร์ของปาร์คโบยองในหนัง เต็มไปด้วยความน่ารำคาณใจกับชีวิตของตนเอง แต่ไม่ได้แสดงถึงความอ่อนแอ อ่ะแหะๆ อะแค้กๆ ปี้จายยยยยย แบบละครเกาหลียุคเก่าๆที่นางเอกชอบป่วยออดๆแอดๆ (เรื่องนี้นางเอกก็ป่วย) และไม่ได้เป็นยัยตัวร้ายสุดขั้ว แบบที่แก่นเซี้ยวเปรียวซ่า แต่เป็นในลักษณะของเด็กสาวเรียบง่ายคนหนึ่งที่ไม่มีจุดเด่นอะไรในชีวิตมากนัก เธอไม่ได้ป็นพวกขยันตั้งใจ หรือ เด็กดี รักพ่อแม่ คนแก่ เอ็นดูเด็ก ยิ้มสวย หันข้างงามสามโลก
แต่เป็นเด็กสาวๆธรรมดาๆ ที่ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ แม้จะมีเด็กหนุ่มมนุษย์หมาป่าเข้ามาในชีวิต ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปถึงขั้นพีครุนแรง เปลี่ยนแปลงชีวิตหรือ ทัศนะคติ แบบที่ขนบหนังเกาหลีชอบทำในทำนอง
"ฮ๊าาาา พอเธอเข้ามาในชีวิต โลกของฉันก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง" หรือ แสดงให้เห็นถึงความรัก อาลัย ฟูมฟาย น้ำตานอง มิลืมเลือน ตลอดไป ตลอดไป .. อะไรแบบนั้น
นี่อาจเป็นชีวิตธรรมดาๆของใครสักคนในชีวิตจริงก็ได้ (ตัดเรื่องมนุษย์หมาป่าทิ้งไปน่ะ)
การแสดงของนักแสดงในเรื่องมันทำให้ทุกอย่างดูสมูธ ลื่นไหล นุ่มนวลไปหมด แต่ละคนไม่มีใครขาด ใครเกิน เลยทั้งบรรยาศงามๆ ตามสไตล์หนังเกาหลี อารมณ์อบอุ่นที่อบอวลในเรื่อง ทำให้เรารู้สึกเพลิดเพลินได้อย่างง่ายดายจริงๆ
เอกลักษณ์ในหนังเกาหลีที่ Wolfboy ยังคงไว้ได้อย่างครบถ้วนคือ "ความอบอุ่น"
จากที่หนังแนวเดียวกัน ที่เคยเล่นประเด็นรักหนุ่มสาว หวานเลี่ยนเอียน หากไม่ซึ้งสุดติ่ง ก็ต้อง จิตตก โศกา อาดูร เปลี่ยวเหว่เอกา
Wolfboy ไม่ได้ขายเรื่องประเด็นความรักหนุ่มสาวเลย สิ่งที่หนังตั้งใจชูให้เป็นเรื่องหลักจริงๆ คือ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของเพื่อนมนุษย์ และความอบอุ่น เป็นครอบครัวเดียวกัน
นี่อาจเป็นหนังเกาหลีที่ดีมากๆเรื่องหนึ่งที่ได้ดูในรอบหลายปี สำหรับเรา ไม่มีกระทั่งมุกตลก ตามสไตล์เกาหลี๊ เกาหลี ไม่มีฉากชวนซึ้งฟูมฟาย หรือ แบบที่ พอเพลงขึ้นปุ๊ป น้ำตาไหลปั๊ป (เรื่องนี้แทบไม่มีเพลงประกอบประเภท BGM เลย) แต่เราอาจจะรู้สึกเศร้าได้ตลอดเวลา ตรงที่ ทั้งคู่ดูเหมือนไม่มีทางบรรจบกันได้เลย (เพราะพระเอกแสดงเป็นหมาจริงๆ ไม่ได้ดูเหมือนคน พอให้มีลุ้นเลย)
นี่อาจไม่ใช่ หนังโรแมนติคที่ดีที่สุด หรือเจ๋งที่สุด แต่สำหรับเราถือเป็นหนังเกาหลีที่ "ถูกใจ" มากเรื่องหนึ่งในรอบหลายปี ที่อยากเข้าไปดูซ้ำในโรงอีก เพราะมันทั้งสนุก อบอุ่น ซึ้งใจ และ น่าจดจำ
อย่าลืมไปชมกันนะคะ
แถมๆ
- เป็นหนังเกาหลีเรื่องแรกในรอบหลายปีที่มี ระบบ Soundtrack ไม่รู้พลาดอะไรไปหรือเปล่า แต่ปกติหนังเอเชียที่เข้าบ้านเราแทบไม่เคยมีแบบ Soundtrack เลย มีแต่แบบพากย์ไทยมาให้ดู ไปดูซาวด์แทรค เสียงเกาหลีแล้ว
โคตะระได้อารมณ์เลยค่ะ
- ซงจุงกิ หล่อ และ น่ารัก ค่ะ แต่ไม่ใช่สาระสำคัญของหนังเลย เพราะเขาแสดงดีมาก
- ปาร์ค โบ ยอง เคยจำได้ว่าน้องเขาน่ารัก แต่เรื่องนี้ น่ารักแบบคนธรรมดาที่ ธรรมชาติ เลยดูสวยมากๆ
- เพลงประกอบ เพราะมาก เพราะมันเป็นฉากสำคัญ ในหนังนั่นแหละ
- เรื่องนี้เราร้องไห้เกือบตลอด (อีกแล้ววว) แม้จะไม่มีฉากบิวด์ "เลย!" (อันที่จริงแอบมี 1 ฉาก) เพราะว่าประเด็นหนัง และการถ่ายทอดที่ดีมากสำหรับเรา ที่แปลงร่างเป็นสาวโรเแมนติคโอปป้าซารางเฮ เข้าไปดู ทำให้เรื่องมันเศร๊าาาา เศร้า ...
- ไม่อยากจะบอกว่า จริงๆตั้งใจไปดู Stroker แต่พึ่งรู้ว่า Wolfboy เข้า เลยนึกไงไม่รู้ไปดู Wolfboy แทน (คนละแนวมากๆ 5555)
Blog : http://jaypop.exteen.com/20130301/wolfboy-2013
FB : https://www.facebook.com/pages/Poprock-On-Mag/406784486081899?ref=hl