สวัสดีค่ะ ^^
วันนี้มีความประทับใจดีๆ มาเล่าค่ะ

=========================

เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา
เพิ่งได้รีวิวร้าน Wine Garden Bar & Bistro
http://ppantip.com/topic/30163889

แล้วเมื่อวานนี้ 28 ก.พ. ก็ได้แวะไปอีกครั้ง
ตั้งใจว่าจะไปคนเดียว เอางานไปทำนิดหน่อย
สั่งอะไรกิน เพราะชอบบรรยากาศ การบริการของที่นี่
ปรากฎว่าผู้จัดการเดินมาแล้วขออนุญาตบอกว่า
"วันนี้เป็น Last Day ของร้านแล้วค่ะ"

เราอึ้งไปนิด ไม่คิดว่าจะร้านจะปิด
เพราะร้านนี้ดีมากในความรู้สึกเรา
เราก็ถามว่าทำไมปิด ผู้จัดการบอกว่าเป็นเหตุผลของเจ้าของ
คือทางร้านคงมีเหตุผลที่จะปิดตัว

เราบอกเลยบอกไปว่าเสียดายมาก
คือถ้าเมื่อวานไม่ได้แวะไปกิน คงไม่รู้ว่าเป็นวันสุดท้าย
เรายังบอกผู้จัดการว่า ร้านดีมากๆ
ไม่ว่าจะอาหาร ราคา บรรยากาศ บริการ การเดินทาง
เรียกว่าครบ 10 คะแนนในทุกๆ ด้าน

ตอนที่รู้เราสั่งอาหารไปแล้ว 2 จาน
ตามคำแนะนำของผู้จัดการ
เพราะเราอยากกินพาสต้า แต่เลือกไม่ถูก
แต่ละเมนูดูน่าอร่อยหมดเลย
บวกกับครั้งที่แล้วที่มากิน เราก็รู้แล้วว่าเชฟทำอาหารอร่อย
เค้าว่ากันว่า ถ้าอยากพิสูจน์ว่าฝีมือเชฟดีจริงไหม
ให้กิน "พาสต้า"
สำหรับเรา "พาสต้า" เป็นตัวตัดสินฝีมือคนทำ
ตั้งแต่เส้นที่ต้องหนึบกำลังดี การผัด เครื่องที่ใส่ต่างๆ

เราสั่งพาสต้าผัดใส่กระเทียมพริกแห้งกับเบคอน
และอยากได้สลัดเบาๆ อีกจาน
ผู้จัดการจำได้ว่าคราวก่อนเราสั่งสลัดอกเป็ดซอสส้ม
คราวนี้พี่ผู้จัดการแนะนำว่าให้ลองซีซาร์สลัดไหม

เราก็ลองสั่งมา ปรากฎว่าอร่อยค่ะ
ให้มาเยอะเหมือนเดิม ผักสดเหมือนเดิม

ตอนนั้นก็มีอีกลูกค้าอีกโต๊ะเข้ามา
ผู้จัดการขอไปบริการ
เรายังได้ยินผู้จัดการถามโต๊ะนั้นเลยว่า
อาหารเป็นยังไงบ้าง อร่อยไหม
ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว
แต่เขายังใส่ใจกับการบริการอยู่
เรารู้สึกชื่นชมพี่เขามากๆ เลย

หลังจากที่เรานั่งสักพัก
เราก็ตัดสินใจโทรไปหาน้องๆ
บอกว่าร้านจะปิดแล้ว ให้รีบกลับมากิน
เพราะเมื่อวานน้องไปข้างนอกกันหมด
น้องสาวไปทำงาน
เลยบอกว่าให้รีบกลับเลย
ครัวปิด 4 ทุ่มครึ่ง

เราไปกินรอบแรกคนเดียวตอน 5 โมง
กินเสร็จราวๆ 6 โมงครึ่ง
นัดน้องให้มาประมาณ 2 ทุ่ม

ก่อนเรากลับไปรอน้องที่บ้าน
เชฟคนนึงมาคุยเรื่องที่เราถ่ายรูปคราวก่อน
เพราะว่าน้องชายอัดรูปชุดนั้นไปให้ที่ร้านเป็นที่ระลึก
เชฟถามว่า "คราวที่แล้วได้ถ่ายในครัวไหม"
เราบอกว่าไม่ได้ถ่าย ไม่กล้าขอ
เพราะคิดส่วนใหญ่ร้านคงไม่ให้แน่ๆ

เชฟรีบบอกว่าได้ๆ แบบยินดีมากๆ ที่จะให้เราถ่าย
เชฟชมว่ารูปสวย เราเลยบอกว่าเดี๋ยวเราจะกลับมาพร้อมน้อง
ถ้าเชฟจะให้ถ่าย เราจะให้น้องเอากล้องมา
เชฟบอกว่าเนี่ย เดี๋ยวจะให้ถ่ายฉากตอนทำที่ไฟลุกในกระทะ 55

ก็เลยเป็นสาเหตุที่เราได้ภาพชุดนี้มาค่ะ

Last Day ของร้าน Wine Garden Bar Bistro

เริ่มด้วย มุมเครื่องดื่มของทางร้านค่ะ



ครัวค่ะ ถ้านั่งตรงส่วนที่เป็นเคาน์เตอร์ จะเห็นครัว





เราสั่ง มิกซ์โปเตโต้ เชฟกำลังทำ



เชฟอีกคน รู้สึกว่าจะเตรียมสลัดนะคะ



เชฟทำพาสต้าค่ะ น้องชายสั่งคาโบนาร่า





จานแรกค่ะ
แซลมอนรมควัน กับซอสมายองเนสที่ปรุงแบบรสน้ำจิ้มซีฟู้ด
น้องชายน้องสาวเราบอกว่าอร่อยมาก เราก็ว่าอร่อยอยู่แล้ว
สั่งจานนี้ใส่กล่องกลับบ้านอีกชุดค่ะ





เครื่องดื่มค่ะ
พันซ์ / สตรอเบอร์รี่ โซดา / มะนาว โซดา







มาแล้วค่ะ มิกซ์โปเตโต้
ทอดมากรอบๆ ร้อนๆ เลย



จากนั้นเชฟเตรียมจานใหม่ค่ะ
น่าจะเป็นสันในไก่ห่อเบคอนค่ะ เสริฟ์พร้อมมันบด
เมนูนี้เราอยากกินตั้งแต่คราวก่อน
แต่ว่าอิ่มมาก เลยไม่ได้สั่ง
คราวนี้วันสุดท้ายของร้าน ไม่ยอมพลาด



เชฟทำไปเรื่อยๆ ค่ะ และเร็วมาก
น้องเราบอกว่าถ่ายรูปเกือบไม่ทัน





คั่นด้วยคาโบนาร่าที่ทำเสร็จแล้วค่ะ
ขอบอกว่าอร่อย
น้องๆ เราชอบกันมาก
จนน้องสาวบอกว่าเสียดายเลย
ที่จะไม่ได้กินอีก ^^



จากนั้นเชฟเอาซี่โครงบาบีคิวออกมาค่ะ







และสันในไก่ห่อเบคอนก็เสร็จค่ะ



จากนั้นเชฟทำสปาเก็ตตี้ขี้เมาค่ะ
จานนี้น้องสาวสั่ง แบบเผ็ดน้อย
เราชอบมากเลยภาพไฟลุกในกระทะเนี่ย
ไฟแรงมากจนกุ้งกระเด็นลอยจากกระทะเลยค่ะ ^^











เสร็จแล้วมาเป็นจานนี้ค่ะ
ใส่กุ้ง ใส่หอยตัวเป้งๆ แบบไม่หวงกันเลย



ก่อนหน้าจะเริ่มมื้อ เชฟให้คอมพลิเมนทารีเป็นขนมปังกับเนยค่ะ
อร่อยเหมือนเดิม เหมือนคราวก่อนเป๊ะๆ เลย
ภาพมีในกระทู้ก่อนนะคะ

ตอนเรากินกันเสร็จก็อิ่มมาก เพราะร้านนี้เค้าให้เยอะกว่าในรูปเมนูทุกจาน
จนกินของหวานไม่ไหว แต่ก็ยังอยากกิน
แล้วผู้จัดการเดินมาบอกว่าจะให้เสิรฟ์ของหวานไหม
เป็นคอมพลิเมนทารีจากเชฟค่ะ
เราก็โอ๊ะ งั้นทำมาเลยค่า ต่อให้อิ่มก็ยังกินกัน
นี่ค่ะ เฟรนโทสต์ที่เราชอบกันมากๆ



หลังจากนั้นก็นั่งคุยกันสักพักก่อนกลับค่ะ
เรียกคิดเงิน ตอนกลับผู้จัดการมาส่งหน้าร้าน
เชฟสองคนยังบ๊ายบายเลย

และเรามีโอกาสได้เจอเจ้าของร้านด้วยค่ะ
เรายังบอกเจ้าของร้านว่าเราเสียดายมากที่ร้านต้องปิด
ซึ่งอาจจะมีร้านใหม่มาแทนในอนาคตนะคะ

เราต้องบอกเลยว่าร้านใหม่ที่จะมาแทน
ไม่รู้จะทำให้เราประทับใจได้เท่ากับร้านนี้รึเปล่า

ด้วยเหตุผลดังนี้ค่ะ

1. อาหารราคาไม่แพง กินอิ่มจนจุกเนี่ย
ตกคนละ 400 บาท ทั้งอาหาร น้ำผลไม้ และของหวาน
ซึ่งอาหารแบบดีๆ ทุกจาน ใช้วัตถุดิบดีมาก
และปรุงออกมาดียิ่งกว่าค่ะ ^^

2. ร้านนี้ไม่คิดเซอร์วิสชาร์ตค่ะ
(หรืออาจจะคิดรวมในราคาอาหาร เราไม่รู้นะคะ)
แต่ถ้าคิดรวม เราก็ว่าคุ้มค่ะ

3. บริการดีที่สุด ดีจนวันสุดท้ายของร้าน
ผู้จัดการใส่ใจทุกอย่างเรียกว่าจนชั่วโมงสุดท้ายเลยดีกว่า
ที่ร้านกำลังจะปิดแล้ว ประทับใจมากค่ะ

4. เจ้าของร้าน ที่เพิ่งได้เจอ เจ้าของร้านน่ารักค่ะ
อัธยาศัยดี ซึ่งถ้าอนาคตพี่เขาทำร้านอีก
เราก็ยินดีไปอุดหนุนนะคะ

เราว่าร้านอาหารจะดีหรือไม่ดี นอกจากพนักงาน
ตัวเจ้าของก็สำคัญค่ะ ขึ้นอยู่กับมุมมองของเจ้าของ
ในการที่พี่เขาทำร้านได้ขนาดนี้ เราว่าเขามีใจรักอยากทำแน่ๆ
ถ้ามีร้านต่อไป เราว่ามีแนวโน้มสูงค่ะว่าจะออกมาดี

5. เชฟก็น่ารักและเป็นกันเองค่ะ
วันนี้เชฟก็ทำอาหารเต็มที่เลย
ออกมาอร่อยทุกจานค่ะ ครบเครื่องมากๆ

6. อาหารรสชาติอร่อย ใช้ของดี คุ้มค่ะ

7. บรรยากาศที่ดีมาก อันนี้ต้องอธิบายยาวนิดนึง

ร้านนี้จะให้อารมณ์หรูนิดๆ แต่สบาย
เราว่าเขาออกแบบได้ลงตัว
ร้านจะเปิดเพลง Bossa Nova ที่เราชอบมากๆ
ใช้ไฟสีส้มๆ ค่ะ กระจกรอบด้าน
มากินช่วงเย็นๆ แสงสวย
ช่วงดึกๆ จะได้อารมณ์สบายๆ ไปอีกแบบ

เพราะว่าร้านนี้อยู่ในโครงการเล็กๆ
หน้าหมู่บ้านนันทวัน ศรีนครินทร์
ฉะนั้นกลุ่มลูกค้าจะไม่เหมือนร้านสไตล์นี้แถวสุขุมวิท
ลูกค้ามากินกันแบบง่ายๆ ไม่ต้องจัดเต็มการแต่งตัว
ทำให้เรารู้สึกว่าร้านมันสบายจังเลย

รวมกับพนักงานบริการแบบดีแต่กันเอง สไตล์คนไทย
ทำให้เราไม่เกร็ง ชอบคุยกับเขา ถามว่าจานไหนอร่อย
ให้ช่วยแนะนำ เขาก็แนะนำแบบจริงใจเลย
รู้ว่าเราไม่กินเผ็ดมาก เขาก็มาถามว่าเผ็ดไปรึเปล่า

ร้านที่อยู่หน้าหมู่บ้าน ลูกค้าจะได้ลูกค้าในหมู่บ้าน
บางคนอาจจะกลับจากทำงานก็แวะก่อนเข้าบ้าน
เขาก็อยากได้อะไรที่อร่อย ง่าย สบาย
ซึ่งร้านนี้ทำออกมาได้ตรงใจลูกค้า

หรือลูกค้าที่อยู่บ้านแบบเรา เย็นๆ แวะมากิน
นั่งจนถึงดึก ก็ได้ค่ะ เอาหนังสือมาอ่านหรือนั่งคุยกัน

ร้านนี้เป็นส่วนผสมของบริการที่ดีมาก + กันเอง
แต่ยังให้ความเป็นส่วนตัวกับลูกค้า
บอกจากใจว่าไม่รู้จะหาร้านแบบนี้ได้ที่ไหนอีก

8. การเดินทาง สำหรับเราถือว่าเดินทางง่ายสุดๆ
ขับรถจากบ้านถึงร้านภายใน 3 นาทีด้วยซ้ำ
ไม่ต้องออกถนนใหญ่ ไม่ต้องเจอรถติด
(แต่จากบ้านเดินมาไมได้นะคะ มันค่อนข้างไกล)
ถ้าอากาศเย็นก็เดินได้ แต่ร้อนนี่ไม่ไหวจริงๆ

สุดท้าย อาจจะดูเหมือนเราตัดสินใจร้านนี้ง่ายจัง
ไปกิน 2 ครั้งก็ชอบแล้ว
ที่จริง เราชอบตั้งแต่ครั้งแรกเลยค่ะ
ถึงได้กลับไปกินอีกไง
ยังบอกที่บ้านว่าจะไปกินทุกอาทิตย์
แต่คงไม่มีโอกาสอีก เสียดายที่สุดเลย

เราต้องขอบคุณเจ้าของ ผู้จัดการ เชฟ
ที่ทำให้เราประทับใจมากขนาดนี้
ยิ่งวันสุดท้ายยิ่งประทับใจมาก
ถ้าเป็นไปได้ มีใครจะมาทำร้านต่อ
เราก็อยากให้เขาจ้างเชฟชุดนี้กับผู้จัดการคนเดิมมาทำ
แล้วเราจะไปอุดหนุนอีกแน่นอนค่ะ ^^

ภาพสุดท้ายค่ะ



ถ้าใครอยากชมบรรยกาศร้านเต็มๆ
ชมได้ที่กระทู้ที่เรารีวิวครั้งแรกนะคะ

ป.ล. ขอบคุณเจ้าของร้านกับเชฟ และพี่ผู้จัดการ
ีที่ให้เก็บภาพถึงในครัวค่ะ ^____^

ป.ล. กระทู้นี้เป็น CR เพราะเราจ่ายค่าอาหารเอง ^___^