Jazz9กม./ลิตร -ศูนย์บอก "ปกติดีครับ" ?!!

กระทู้คำถาม
ดิฉันมีเรื่องอยากจะมาเเชร์กับเพื่อนๆพี่ๆในรัชดาคะ อขฃยากจะขอความคิดเห็นว่าควรทำไงดี ปล่อยมันไป? หรือเอาเรื่องให้ถึงที่สุด? (อาจจะยาวไปหน่อย..ทนๆอ่านกันหน่อยละกานนะคะ)

เรื่องมีอยู่ว่าดิฉันได้เข้าไปที่ศูนย์เพื่อรับการบริการเกี่ยวกับการตรวจเช็คอัตราการกินน้ำมันของรถJazz รุ่นV ที่เพิ่งซื้อเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน2012 จากการที่ดิฉันได้ทดลองจับการกินน้ำมันของรถมาแล้วหลายครั้ง โดยใช้วิธีที่ทางศูนย์ได้แนะนำมา คือเติมน้ำมันให้เต็มถัง จับระยะกิโลเมตร และเมื่อวิ่งจนหมดถังแล้วให้กลับไปเติมน้ำมันให้เต็มถังอีกครั้งที่ปั้มน้ำมันเดิม นำจำนวนลิตรที่เติมครั้งที่2 ไปหารกับจำนวนกิโลเมตรที่วิ่งไป จะได้เป็นอัตราการกินน้ำมันของรถ  ดิฉันได้ทำตามคำแนะนำอยู่หลายครั้งก็พบว่ารถของดิฉันกินน้ำมันอยู่ที่ 9กม./ลิตร (ขับในเส้นทางที่รถไม่ได้ติดมาก จะติดแค่ช่วงไฟแดง ไม่เคยวิ่งความเร็วเกิน100กม./ชม.) ซึ่งดิฉันคิดว่าเป็นการกินน้ำมันที่ผิดปกติมาก เพราะจากที่สอบถามคนรู้จักที่ใช้Jazzรุ่นเดียวกัน จะได้อยู่ที่อัตรา11-12กม./ลิตรเป็นอย่างต่ำ และทางฮอนด้าเองก็ได้เคลมไว้อย่างนั้นเช่นเดียวกัน ดิฉันจึงแจ้งไปทางศูนย์และนัดวันเพื่อเอารถเข้าไปเช็ค

วันที่27-29 มกราคม 2556  ดิฉันได้นำรถไปทิ้งไว้ที่ศูนย์เป็นเวลา2วัน เพราะทางช่างบอกว่าจะต้องเอาไปทดลองขับ เนื่องจากเช็คดูพื้นฐานแล้วทุกอย่างก็ปกติดี ดิฉันก็โอเคที่จะให้ทางช่างนำไปทดลอง(ช่างเป็นคนขับ) ช่างได้เอาไปทดลองขับในพื้นที่ที่โล่งมาก เป็นระยะทาง55กม.ขับที่ความเร็วเฉลี่ย90-110 กม. ผลลัพธ์คือรถของดิฉันได้กินน้ำมันอยู่ที่11.45กม./ลิตร ทางฝ่ายบริการแจ้งว่ารถของดิฉันปกติดี  ดิฉันบอกว่า”ขับแบบนี้ถือเสมือนขับต่างจังหวัดแล้ว เพราะไม่ต้องเหยียบเบรกเลยด้วยซ้ำยังได้แค่11.45  มันไม่ผิดปกติเหรอ”  ฝ่ายบริการกลับตอบมาว่า “ก็เท่าที่ดูมันก็อยู่ในเกณฑ์ปกติหนิครับ ไม่มีไรผิดปกติ เพราะเฉลี่ยๆแล้วก็14กม./ลิตร” เมื่อได้ยิน14กม./ลิตร ดิฉันก็งงมาก ว่าเลขนี้มาจากไหน เพราะจะให้หารยังไงมันก็ไม่น่าจะได้ แต่ทางฝ่ายบริการดันบอกว่าก็คิดแบบถ้วนๆอ่ะครับ เติมน้ำมันรอบสองอยู่ที่4.8 ลิตร คิดถ้วนๆก็เอา4หาร ก็ได้อยู่ที่14กม./ลิตร ดิฉันก็เถียงกลับไปว่าพี่คิดแบบนี้ได้ยังไง ถ้าจะคิดถ้วนๆ ทำไมไม่เอา 5ลิตรหารล่ะ ในเมื่อนี่มันก็เติมตั้ง 4.8ลิตรแล้วนะคะ เขาก็ตอบกลับมาว่าก็เพราะมันต้องคิดอัตราสิ้นเปลืองที่รถจอดเฉยๆระหว่างติดและการเบรกด้วย ดิฉันก็เลยย้อนกลับไปว่าแล้วรถคนอื่นที่เขาขับกัน ไม่เคยต้องจอดติดไฟแดงหรือเหยียบเบรกกันเลยใช่มั้ย ฝ่ายบริการเขาก็บอกว่ามันก็ได้ประมาณนี้กันหมดแหละครับ ปกติแล้วครับแบบนี้  ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ดิฉันก็รู้สึกเสียเวลามากที่จะต่อความด้วย ก็เลยบอกว่าขับทางไกลได้แค่นี้ แสดงว่าไอที่ขับในเมืองได้9กม.ก็ปกติใช่มั้ยคะ แสดงว่าทางฮอนด้าก็โกหกเหรอคะที่ว่าได้11-12กม./ลิตร ฝ่ายบริการก็ได้แต่บอกว่า “ก็ขึ้นอยู่กับการขับขี่ของแต่ละบุคคลอะครับ วัดอะไรไม่ได้” เป็นคำตอบที่ไม่มีเหตุผลและยอมรับไม่ได้มากค่ะ

ดิฉันไม่ยอมค่ะ เลยขอนัดใหม่อีกรอบให้ทางศูนย์นำรถทดลองขับของศูนย์เองมาลองขับ  เพราะดิฉันคิดว่าถ้ารถของคนอื่นขับได้เท่ากันกับของดิฉัน แสดงว่าแบบของที่ดิฉันเป็นอยู่นี้ถือว่าปกติตามเกณฑ์ของมันแล้ว จะได้จบเรื่องสักที แต่ถ้าได้มากกว่าก็จะได้รู้ชัดไปเลยว่าของดิฉันผิดปกติ
พอถึงวันนัดดิฉันก็มานั่งรอตั้งแต่9.30น. รอไปจน11โมง ก็มาบอกว่ารถไม่ว่างจะกลับมาก็เที่ยงเลยต้องรอไปอีก หลังพักเที่ยงถึงจะได้ออกไป ดิฉันก็เลยไม่พอใจมากในเมื่อนัดมาแล้วและก็รู้ว่าจะใช้รถ ทำไมถึงไม่มีการเตรียมความพร้อมอะไรเลย สุดท้ายทางเซลล์ที่ดูแลก็เลยอาสาเป็นคนพาออกไปทดลองเอง (เซลล์เป็นคนขับ) แต่การทดลองครั้งนั้นก็วัดอะไรไม่ได้ เนื่องจากการขับชี่ที่ใช้คนละเส้นทาง เวลาเติมน้ำมันตอนทดลองชับของดิฉัน พอเซ็นเซอร์ตัดว่าเต็มแล้วก็หยุด แต่มาคันนี้ก็ให้ยัดจนถึงคอถัง ดิฉันว่ามันไม่ถูกต้องอะค่ะค่าที่ได้ก็ไม่มีประโยชน์  แต่ดิฉันก็เข้าใจเพราะตัวดิฉันเองก็ไม่ได้พูดอะไรในขณะทดลองขับ เลยบอกว่าขอนัดอีกรอบละกันนะคะเพราะแบบนี้มันก็วัดอะไรไม่ได้ พี่เซลล์ก็เลยขอโทษที่ไม่ได้นัดช่างคนเดิมไว้ให้ดีก่อน ก็เลยตกลงกันว่าจะนัดมาอีกรอบ โดยขับรถทั้งสองคัน ของดิฉันเองรอบนึงและของทางศูนย์อีกรอบนึง ดิฉันก็เห็นด้วยกับทางออกนี้

วันนัดรอบที่3นี้ เมื่อวันที่23 กุมภาพันธ์ 2556  ก็มีช่าง2คนนั่งไปกับดิฉันด้วย คนนึงเป็นคนที่ทดลองขับกับดิฉันครั้งแรก ส่วนอีกคนน่าจะเป็นหัวหน้า ช่างสองคนนี้ดีมากค่ะ เวลาเติมน้ำมันก็ลงไปเติมเองจะได้เติมให้มันอยู่ที่จุดเดียวกัน (การขับของวันนี้ ดิฉันเป็นคนขับทั้งสองคัน) รอบแรกได้นำรถของทางศูนย์ไปขับ เป็นรุ่นSV ที่ล้อแม็กมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นรองท็อปของดิฉัน ทางช่างก็พูดว่าจะเป็นอะไรมั้ย เพราะแบบนี้ทางรถของศูนย์ก็ต้องกินเปลืองกว่าอยู่แล้ว ดิฉันบอกว่าต่างกันแค่นี้ดิฉันไม่ถือค่ะ และดิฉันก็ยังเชื่อว่ารถดิฉันที่ล้อเล็กกว่า ก็ยังกินเปลืองกว่าคันนี้อยู่ดี พวกเราได้ไปลองขับในเส้นทางที่รถค่อนข้างโล่ง ขับที่ความเร็ว60-100กม./ชม. ระยะทาง48.1กม. และผลออกมาก็คือรถของศูนย์กินน้ำมันอยู่ที่ 15.02กม./ลิตร
กลับมาขับรอบสองเป็นรถของดิฉันเอง ได้นำไปเติมน้ำมันและขับในเส้นทางเดิมที่เหมือนกันทุกอย่างกับรอบแรก แต่ผลออกมาว่ารถดิฉันที่ล้อเล็กกว่าแล้วยังกินน้ำมันอยู่ที่12.99กม./ลิตร
ดิฉันรอทางฝ่ายบริการมาสรุปผล ปรากฏว่าทางฝ่ายบริการกลับมาบอกดิฉันว่า “ผลเฉลี่ยออกมาแล้วก็เท่าๆกันอะครับ ไม่ได้ผิดปกติอะไร” ดิฉันงงมากจึงบอกกลับไปว่า “พี่คะ ก็เห็นๆอยู่ว่ามันต่างกันตั้ง2กม./ลิตร เติมเต็มถังครั้งนึงก็ประมาณ30ลิตร แสดงว่าทุกๆครั้งดิฉันจะเสียไป60กม.เลยนะคะ แล้วรถเนี่ยก็ไม่ได้ว่าจะขับกันแค่เดือนสองเดือน มันต้องอยู่กับเราอย่างน้อยๆก็5ปี แล้วที่เสียไปมันจะยังไม่เยอะอีกเหรอคะ” ฝ่ายบริการก็ได้แต่บอกว่า “มันก็อยู่ที่การขับชี่ของแต่ละคนอะครับ มันก็จะเฉลี่ยๆอยู่ประมาณนี้แหละครับ เพราะทางเราก็ทำไรไม่ได้มากกว่านี้แล้ว ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นปัญหาจริงๆ ก็คงต้องเป็นเรื่องของสำนักงานใหญ่”
ดิฉันไม่พอใจมากกับการให้คำตอบของฝ่ายบริการแบบนี้มากค่ะ มันดูเป็นการปัดความรับผิดชอบมาก ถ้าจะให้ทดลองตรวจสอบนู่นนี่นั่น ทางดิฉันยินดีค่ะ แต่นี่มันเป็นการเสียเวลาของทั้งสองฝ่ายไม่พอ ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ดิฉันไม่พอใจที่ทางฝ่ายบริการให้แต่คำตอบที่ว่า “มันปกติดี” ทั้งๆที่ก็เห็นอยู่ว่าไม่ปกติ ถ้าการทดลองต่างๆเพื่อแค่จะมาบอกดิฉันว่ามันปกติดดี ดิฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ไร้สาระมาก ไม่ควรแม้แต่เรียกให้ลูกค้ามาเสียเวลาแบบนี้  ในเมื่อคำตอบที่คุณเตรียมไว้ให้กับลูกค้าก็มีอยู่คำตอบเดียว ไม่ว่าผลของมันจะเป็นยังไง

สุดท้าย...ดิฉันควรทำไงต่อดี??

ขอบคุนมากน้าาคะ ที่ทนอ่านกันมาขนาดนี้^^"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่