"เลกซัส" เลือกไทยผุดโรงงานประกอบแห่งที่ 3 ของโลก ที่นิคมเกตเวย์ 2 คาดพร้อมเดินเครื่องปลายปี วางแผนบุกตลาดรถหรูเต็มสูบ ตั้งเป้าชิงยอดเบนซ์-บีเอ็มดับเบิลยู ชี้ราคารถถูกลงแข่งขันในตลาดได้ง่ายขึ้น ลุ้นเพิ่มเป็นฐานผลิตเลกซัสพวงมาลัยขวาเพื่อส่งออก
แหล่งข่าว ระดับสูงจากกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่โตโยต้า นอกจากมีแผนจะส่งรถยนต์นั่งขนาดเล็กภายใต้โครงการอีโคคาร์ออกสู่ตลาดราวกลาง ปีนี้แล้ว โตโยต้ายังมีแผนที่จะนำรถยนต์หรูตระกูลเลกซัสเข้ามาประกอบในประเทศไทย โดยจะตั้งโรงงานที่นิคมเกตเวย์ 2 ถือเป็นโรงงานแห่งที่ 3 จากปัจจุบันมีเพียง 2 ประเทศ ได้แก่แคนาดาและญี่ปุ่นเท่านั้นที่มีไลน์ผลิตเลกซัส
โดยปีที่ผ่านมา โตโยต้าได้ขอรับส่งเสริมการลงทุนหลายโครงการ เริ่มจากขยายกิจการผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีกำลังผลิตปีละประมาณ 100,000 คัน และชิ้นส่วนรถยนต์อีกปีละ 1,026,700 ชิ้น ที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ มูลค่าลงทุนทั้งสิ้น 14,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการจัดซื้อเครื่องจักร 12,000 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นกว่า 1,500 คน ซึ่งคาดว่าจะเป็นการลงทุนสำหรับอีโคคาร์และผลิตรถยนต์เลกซัสในประเทศไทย
แหล่ง ข่าวฝ่ายบริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวยอมรับว่า การทำตลาดรถยนต์เลกซัสในประเทศไทย ที่ผ่านมาเสียเปรียบกลุ่มผู้จำหน่ายรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม ทั้งเมอร์เซเดส-เบนซ์และบีเอ็มดับเบิลยู เนื่องจากรถยนต์ทั้ง 2 แบรนด์ต่างมีไลน์ประกอบและโรงงานในประเทศไทย ทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าเลกซัสมาก เนื่องจากเลกซัสต้องนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งภาษีศุลกากรสูงมาก ทำให้ไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้
ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา รถยนต์เลกซัสถูกกลุ่มผู้นำเข้าอิสระนำรถเข้ามาทำตลาดในจำนวนมาก แต่หลังจากขายแล้วก็ขาดการดูแล โดยเฉพาะบริการหลังการขาย ทำให้เลกซัสประเทศไทยต้องแบกรับภาระหลายด้าน ดังนั้น หากรถยนต์เลกซัสประกอบในบ้านเรา ก็จะทำให้คลี่คลายปัญหาต่าง ๆ ลงได้มาก
แหล่ง ข่าวจากบริษัท เลกซัส ประเทศไทย จำกัด กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันเลกซัสมีส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียมประมาณ 5% จากตลาดรวมประมาณ 17,000 คันต่อปี ซึ่งเป้าหมายของบริษัทต้องการส่วนแบ่งการตลาด 10% และเนื่องจากบริษัทแม่มีแผนจะเข้ามาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์เลกซัสในประเทศไทย ก็เชื่อว่าเป้าหมายดังกล่าวทำได้แน่นอน
โรงงานผลิตรถยนต์เลกซัสใน ประเทศไทยนั้น คาดว่าโตโยต้าจะใช้พื้นที่เดียวกับโรงงานผลิตอีโคคาร์ ที่เกตเวย์ 2 ซึ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จ และเริ่มผลิตรถยนต์อีโคคาร์ได้ราวกลางปีนี้ ส่วนรถยนต์เลกซัส คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปลายปีนี้ หรือกลางปีหน้า
สำหรับเลกซัส โมเดลที่จะนำเข้ามาประกอบเป็นรุ่นแรกนั้น คงจะต้องรอดูอีกระยะ แต่คาดว่าน่าจะเป็นรุ่นเล็ก เบื้องต้นคาดว่าโตโยต้าจะตั้งไลน์พิเศษขึ้นมาอีก 1 ไลน์ ด้วยกำลังการผลิตวันละ 1 คัน หรือเดือนละ 30 คัน
"วอลุ่มคงไม่เยอะ มาก เพราะรถยนต์เลกซัสเป็นรถที่จะต้องประกอบด้วยความละเอียดเป็นพิเศษ ซึ่งปัจจุบัน ฝีมือแรงงานคนไทยมีศักยภาพเทียบเท่าฝีมือแรงงานในประเทศญี่ปุ่นแล้ว"
แหล่ง ข่าวเปิดเผยเพิ่มเติมว่า การผลิตในประเทศญี่ปุ่นตอนนี้มีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่โตโยต้าจะตัดสินใจย้ายโรงงานผลิตรถยนต์เลกซัส บางส่วนมายังประเทศไทยอีกแห่ง จากปัจจุบันที่มีโรงานผลิตอยู่ที่ญี่ปุ่น แคนาดา
ช่วงแรกโรงงานผลิตรถยนต์เลกซัสในประเทศไทยนั้นจะเป็นการผลิตเพื่อรองรับกับ ความต้องการภายในประเทศไทยก่อน และอนาคตมีแผนที่จะให้ประเทศไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์เลกซัส เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะประเทศที่ใช้รถพวงมาลัยขวา อย่างเกาหลี, สิงคโปร์, ไต้หวัน, มาเลเซีย, ฮ่องกง
"จริง ๆ แล้วในประเทศอื่น ๆ ก็มีความสนใจและต้องการให้โตโยต้าเข้าไปตั้งโรงงานผลิตรถยนต์เลกซัสในประเทศ เขาเหมือนกัน แต่ด้วยศักยภาพและด้วยฝีมือที่บริษัทแม่พอใจและต้องการนั้นอาจจะยังไม่เทียบ เท่าประเทศไทย"
โดยปีนี้ เลกซัสตั้งเป้ายอดการจำหน่ายไว้ที่ 850 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ทำได้ 750 คัน และคาดว่าภายในปีหน้า เลกซัสจะต้องมียอดการจำหน่ายในประเทศไทยมากกว่า 1,000 คัน ซึ่งก่อนหน้านี้ นายเคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตรถยนต์เลกซัสได้นั้น จะต้องมียอดขายอย่างน้อย 1,000 คันก่อน
ส่วนแผนการขยายตัวแทน จำหน่ายรถยนต์เลกซัสในประเทศไทยนั้น ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่าย 3 ราย 3 โชว์รูมในกรุงเทพฯ รวมถึงบริการเลกซัสเซอร์วิสคอนเนอร์ ที่กระจายไปยังภูมิภาคต่าง ๆ 5 ภูมิภาค ถือว่าเพียงพอและครอบคลุมการให้บริการกับลูกค้า และอนาคต
บริษัทมี แผนที่จะขยายเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์เลกซัสออกไปยังจังหวัดใหญ่ หัวเมืองต่าง ๆ โดยเบื้องต้นจะให้สิทธิ์กับตัวแทนจำหน่ายรายเดิมเป็นผู้ลงทุนก่อน
ที่มา
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1361958493&grpid=10&catid=08 
โตโยต้าตั้งโรงงานผลิตเลกซัสในไทยทุบราคาชนเบนซ์-บีเอ็ม
แหล่งข่าว ระดับสูงจากกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่โตโยต้า นอกจากมีแผนจะส่งรถยนต์นั่งขนาดเล็กภายใต้โครงการอีโคคาร์ออกสู่ตลาดราวกลาง ปีนี้แล้ว โตโยต้ายังมีแผนที่จะนำรถยนต์หรูตระกูลเลกซัสเข้ามาประกอบในประเทศไทย โดยจะตั้งโรงงานที่นิคมเกตเวย์ 2 ถือเป็นโรงงานแห่งที่ 3 จากปัจจุบันมีเพียง 2 ประเทศ ได้แก่แคนาดาและญี่ปุ่นเท่านั้นที่มีไลน์ผลิตเลกซัส
โดยปีที่ผ่านมา โตโยต้าได้ขอรับส่งเสริมการลงทุนหลายโครงการ เริ่มจากขยายกิจการผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีกำลังผลิตปีละประมาณ 100,000 คัน และชิ้นส่วนรถยนต์อีกปีละ 1,026,700 ชิ้น ที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ มูลค่าลงทุนทั้งสิ้น 14,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการจัดซื้อเครื่องจักร 12,000 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นกว่า 1,500 คน ซึ่งคาดว่าจะเป็นการลงทุนสำหรับอีโคคาร์และผลิตรถยนต์เลกซัสในประเทศไทย
แหล่ง ข่าวฝ่ายบริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวยอมรับว่า การทำตลาดรถยนต์เลกซัสในประเทศไทย ที่ผ่านมาเสียเปรียบกลุ่มผู้จำหน่ายรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม ทั้งเมอร์เซเดส-เบนซ์และบีเอ็มดับเบิลยู เนื่องจากรถยนต์ทั้ง 2 แบรนด์ต่างมีไลน์ประกอบและโรงงานในประเทศไทย ทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าเลกซัสมาก เนื่องจากเลกซัสต้องนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งภาษีศุลกากรสูงมาก ทำให้ไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้
ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา รถยนต์เลกซัสถูกกลุ่มผู้นำเข้าอิสระนำรถเข้ามาทำตลาดในจำนวนมาก แต่หลังจากขายแล้วก็ขาดการดูแล โดยเฉพาะบริการหลังการขาย ทำให้เลกซัสประเทศไทยต้องแบกรับภาระหลายด้าน ดังนั้น หากรถยนต์เลกซัสประกอบในบ้านเรา ก็จะทำให้คลี่คลายปัญหาต่าง ๆ ลงได้มาก
แหล่ง ข่าวจากบริษัท เลกซัส ประเทศไทย จำกัด กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันเลกซัสมีส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียมประมาณ 5% จากตลาดรวมประมาณ 17,000 คันต่อปี ซึ่งเป้าหมายของบริษัทต้องการส่วนแบ่งการตลาด 10% และเนื่องจากบริษัทแม่มีแผนจะเข้ามาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์เลกซัสในประเทศไทย ก็เชื่อว่าเป้าหมายดังกล่าวทำได้แน่นอน
โรงงานผลิตรถยนต์เลกซัสใน ประเทศไทยนั้น คาดว่าโตโยต้าจะใช้พื้นที่เดียวกับโรงงานผลิตอีโคคาร์ ที่เกตเวย์ 2 ซึ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จ และเริ่มผลิตรถยนต์อีโคคาร์ได้ราวกลางปีนี้ ส่วนรถยนต์เลกซัส คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปลายปีนี้ หรือกลางปีหน้า
สำหรับเลกซัส โมเดลที่จะนำเข้ามาประกอบเป็นรุ่นแรกนั้น คงจะต้องรอดูอีกระยะ แต่คาดว่าน่าจะเป็นรุ่นเล็ก เบื้องต้นคาดว่าโตโยต้าจะตั้งไลน์พิเศษขึ้นมาอีก 1 ไลน์ ด้วยกำลังการผลิตวันละ 1 คัน หรือเดือนละ 30 คัน
"วอลุ่มคงไม่เยอะ มาก เพราะรถยนต์เลกซัสเป็นรถที่จะต้องประกอบด้วยความละเอียดเป็นพิเศษ ซึ่งปัจจุบัน ฝีมือแรงงานคนไทยมีศักยภาพเทียบเท่าฝีมือแรงงานในประเทศญี่ปุ่นแล้ว"
แหล่ง ข่าวเปิดเผยเพิ่มเติมว่า การผลิตในประเทศญี่ปุ่นตอนนี้มีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่โตโยต้าจะตัดสินใจย้ายโรงงานผลิตรถยนต์เลกซัส บางส่วนมายังประเทศไทยอีกแห่ง จากปัจจุบันที่มีโรงานผลิตอยู่ที่ญี่ปุ่น แคนาดา
ช่วงแรกโรงงานผลิตรถยนต์เลกซัสในประเทศไทยนั้นจะเป็นการผลิตเพื่อรองรับกับ ความต้องการภายในประเทศไทยก่อน และอนาคตมีแผนที่จะให้ประเทศไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์เลกซัส เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะประเทศที่ใช้รถพวงมาลัยขวา อย่างเกาหลี, สิงคโปร์, ไต้หวัน, มาเลเซีย, ฮ่องกง
"จริง ๆ แล้วในประเทศอื่น ๆ ก็มีความสนใจและต้องการให้โตโยต้าเข้าไปตั้งโรงงานผลิตรถยนต์เลกซัสในประเทศ เขาเหมือนกัน แต่ด้วยศักยภาพและด้วยฝีมือที่บริษัทแม่พอใจและต้องการนั้นอาจจะยังไม่เทียบ เท่าประเทศไทย"
โดยปีนี้ เลกซัสตั้งเป้ายอดการจำหน่ายไว้ที่ 850 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ทำได้ 750 คัน และคาดว่าภายในปีหน้า เลกซัสจะต้องมียอดการจำหน่ายในประเทศไทยมากกว่า 1,000 คัน ซึ่งก่อนหน้านี้ นายเคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตรถยนต์เลกซัสได้นั้น จะต้องมียอดขายอย่างน้อย 1,000 คันก่อน
ส่วนแผนการขยายตัวแทน จำหน่ายรถยนต์เลกซัสในประเทศไทยนั้น ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่าย 3 ราย 3 โชว์รูมในกรุงเทพฯ รวมถึงบริการเลกซัสเซอร์วิสคอนเนอร์ ที่กระจายไปยังภูมิภาคต่าง ๆ 5 ภูมิภาค ถือว่าเพียงพอและครอบคลุมการให้บริการกับลูกค้า และอนาคต
บริษัทมี แผนที่จะขยายเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์เลกซัสออกไปยังจังหวัดใหญ่ หัวเมืองต่าง ๆ โดยเบื้องต้นจะให้สิทธิ์กับตัวแทนจำหน่ายรายเดิมเป็นผู้ลงทุนก่อน
ที่มา http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1361958493&grpid=10&catid=08