พอดีไปอ่านเจอหัวข้อ Sixth Man of the Year จาก bleacherreport.com แล้วเห็นว่าน่าสนใจเอามาบอกเล่ากันครับ
ทีมที่จะประสบความสำเร็จใน NBA นั้นแน่นอนต้องมีขุมกำลังตัวจริงที่แข็งแกร่ง แต่ผู้เล่นตัวจริงนั้นจะฝืนให้เขาเล่นตลอด 48 นาที โดยไม่พักซักเกมส์มันคงเป็นเรื่องที่เกินกำลังเกินไป เมื่อพวกเขาพักนั้นเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ หลายทีมมีขุมกำลังตัวจริงที่แข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวไม่อาจพาพวกเขาประสบความสำเร็จได้ และในฤดูกาล 2012-2013 มาถึงนี้ นี่เป็น 7 ผู้เล่นที่มีแนวโน้มจะได้ลุ้นรางวัล Sixth Man of the Year ในปีนี้ไปครอง
7. Andre Miller, Denver Nuggets (PG)
25.6 MPG, 9.1 PPG, 5.8 APG,2.9 RPG ,48.1% FG
ปีนี้ เดนเวอร์ นักเก็ต มีขุมกำลังที่ดีการเล่นในเกมส์เหย้าของพวกเขาเรียกได้ว่าแข็งแกร่ง และที่เป็นขุมกำลังที่สำคัญมากอีกคนนั้นคือ อังเดร มิลเลอร์ หากเทียบกับ ไท ลอว์สัน พอยท์การ์ด ตัวจริงของทีมที่มีสปีดบอลเหลือร้าย อังเดร มิลเลอร์ กลับแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง มืลเลอร์
ผู้ผ่านการเล่นในลีคมา 14 ปีเขามีความยืดหยุ่นมากกว่า รู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไรนั่นจึงทำให้เขาเข้ามาติดอันดับ 7
6. Ray Allen, Miami Heat (SG)
25.6 MPG, 10.8 PPG, 1.7 APG, 2.8 RPG, 44.9% FG
คงไม่ต้องบรรยายถึงความเก่งกาจของ เจ้าพ่อสามแต้ม ฉายาทรีพ้อยท์แมชชีน อย่าง เรย์ อัลเลน เขาเป็นจิ๊กซอร์ชิ้นใหญ่ที่ ไมอาร์มี่ ฮีท ได้มาร่วมทีมในปีนี้ ทำให้ทีมมีจุดแข็งที่จะเอาไว้เจาะคู่แข่ง และอีกอย่างที่เขานำมาให้กับทีมใหม่นั่นคือ ประสบการณ์ที่เอาไว้ผ่านช่วงเวลาคับขัน และกดดัน อัลเลน ที่ผ่านสมรภูมินี้มา 17 ฤดูกาล
5. Manu Ginobili, San Antonio Spurs (SG)
23.2 MPG, 12.4 PPG, 4.4 APG, 3.7 RPG, 44.4% FG
หน้าเดิมกลับมาประจำตำแหน่งอีกครั้ง (หลังจากเคยได้ตำแหน่งนี้เมื่อฤดูกาล 2007 - 2008) ปีนี้ มานู จิโนบิลลี่ ประสบกับอาการบาดเจ็บที่รุมเร้าเขา (ก็มาจากการฝืนของเจ้าตัวเองนั่นแหละ) จิโนบิลลี่ ทำหน้าที่ได้ดี เขามีคุณสมบัติที่มากเกินกว่า Sixth Man ซะด้วยซ้ำไปแต่เนื่องด้วยฟอร์มของ เดนนี่ กรีน และ เคไวน์ ลีโอนาร์ด ตอนนี้เขาคงต้องลดเวลาเพื่อทีมที่ดีในอนาคต
4. Kevin Martin, Oklahoma City Thunder (SG)
29.1 MPG, 14.9 PPG, 1.3 APG, 2.3 RPG, 45.3% FG
ผู้มาแทน เจมส์ ฮาเด้นท์ ที่ไปได้ดิบได้ดีกับ ฮุสตั้น ร๊อกเก็ต ตอนนี้ เควิน มาร์ติน ก็ไม่ได้ต่างกับ ฮาร์เด้นท์ สมัยอยู่ โอคราโอม่าซิตี้ ธันเดอร์ มากนัก เขาลงมาเป็นกำลังเสริมที่ดี เขาอยู่อันดับ 9 ในเรื่องความแม่นจากระยะสามแต้ม หากไม่นับปีศาจทำแต้มอย่าง เควิน ดูแรนท์ และ รัสเซล เวสบรู๊ค ผมคงกล้าพูดได้ว่าเขาเหมาะที่จะเป็นตัวจริงเป็นแน่แท้
3. Jamal Crawford, L.A. Clippers (SG)
29.5 MPG, 16.7 PPG, 2.6 APG, 1.7 RPG, 43.2% FG
หากกล่าวถึงเหตุผลที่ว่าทำไมปีนี้ แอลเอ คลิปเปอร์ ถึงได้มีผลงานที่ดี แน่นอนมันมาจากซุปเปอร์สตาร์อย่าง คลิส พอล และ เบรค กริฟฟิน แต่ก็มีอีกคนหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันอย่าง จามาล คาลฟอร์ด ผู้ที่บางวันลงมาทำแต้มได้เกิน 20 แต้มและยังสามารถทำแต้มได้ในตอนที่ทีมต้องการเขา เขาจับคู่กับ ชาร์นซี่ บิลอัพ ผู้มีประสบการณ์สูงคอยลงมาประคองทีมได้ในเวลาที่ทีมต้องการ
2. Jarrett Jack, Golden State Warriors (PG)
29.5 MPG, 13.8 PPG, 6.0 APG, 3.2 RPG, 47.5% FG
หากพูดถึงพอยท์การ์ดคนไหนที่น่าจะได้เป็นตัวจริงอันดับต้นๆคงไม่พ้น จาร์เล็ท แจ๊ค ผู้นี้เขาแทบจะมีความสามารถเพียบพร้อมสำหรับการเป็นตัวจริงทำแต้มได้ไม่แพ้พ้อยท์การ์ดตัวจริงอย่าง สตีเฟ่น เคอร์รี่ ผมก็ยังไม่เข้าใจทำไมคนมีความสามารถขนาดนี้ถึงได้ไม่มีทีมไหนต้องการที่จะเทรดเขา เพื่อเอาเขาไปเป็นตัวจริงของทีม หากอยากดูว่าเขาเก่งขนาดไหนแนะนำเกมส์ที่ โกลเด้น สเตท วอริเออร์ เปิดบ้านเฉือน ซานอันโตนิโอ สเปอร์ หรือหากย้อนไปก็เกมส์ ที่ไปถล่ม แอลเอ เลเกอร์ส ถึงถื่นลองหามาชมครับ
1. J.R. Smith, New York Knicks (SG)
33.2 MPG, 16.0 PPG, 2.8 APG, 4.9 RPG, 40.1% FG
มาถึงอันดับหนึ่งกัน (ซักที) เจ อาร์ สมิธ ผู้มากับเครื่องหมายคำถามอันใหญ่เป้ง ว่าทำไมเขาไม่ได้ลงตัวจริง เจ อาร์ สมิธ ฟอร์มร้อนแรงมาตั้งแต่ต้นฤดูกาล ก่อนที่จะมาดรอปลงในต้นปีนี้ (ก่อนนี้ทำได้ 18.1 PPG พึ่งมาดรอปเหลือ 15.8 PPG ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา) เขาลงมาทำแต้มได้ เล่นได้แทบไม่ต่างกับตัวจริง แถมบางเกมส์ยังลงมาเล่นช็อตเป็นตายได้ เขามีการจ่ายที่ดี รีบาวน์ก็ได้ แล้วทำไมเขาไม่ได้เป็นตัวจริงละ ?... นั่นสินะ ...
ปล . ผมขออภัยด้วยนะครับที่หายไปเลย (คงไม่มีคนคิดถึงหรอกมั้ง ฮา) พอดีผมทานหอย? น่าจะหอยแหละครับมันเป็นชุดปลาดิบและปลาหมึกที่ซื้อมาจาก ซุปเปอร์มาเก็ต เป็นหอยสีออกน้ำตาลอ่อนๆพอทานเข้าไปแล้ว มึน ปวดกระดูกสันหลัง ปวดต้นคอ ปวดหัว เดินไปไหนมาไหนก็รู้สึกหวิวๆต้องลางานไป 3 วัน (ที่จริงผมแพ้อาหารทะเลอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เรียกว่าหนักสุดปรกติแค่ผื่นขึ้นและปวดหัว) เลยเออเร้อยาวมาจนถึงเมื่อวันที่ลงกระทู้ ข่าวเทรดนั่นและครับ พอกลับไปทำงานก็สุมหัวเลยไม่มีเวลามาพูดคุยกระทู้กันเลย
ปล 2 . เรื่องกระทู้ สเปอร์ ผมขอเวลาอีกนิดแล้วกันครับ ที่จริงผมเขียนไว้แล้วแต่มันยังไม่น่าสนใจมากนัก ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าอ่านแล้วจะชวนคนมาเชียร์ทีมหรือเกลียดทีมนี้กันแน่ (ฮาๆ)
Sixth Man of the Year ปีนี้ในใจคุณ ...
ทีมที่จะประสบความสำเร็จใน NBA นั้นแน่นอนต้องมีขุมกำลังตัวจริงที่แข็งแกร่ง แต่ผู้เล่นตัวจริงนั้นจะฝืนให้เขาเล่นตลอด 48 นาที โดยไม่พักซักเกมส์มันคงเป็นเรื่องที่เกินกำลังเกินไป เมื่อพวกเขาพักนั้นเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ หลายทีมมีขุมกำลังตัวจริงที่แข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวไม่อาจพาพวกเขาประสบความสำเร็จได้ และในฤดูกาล 2012-2013 มาถึงนี้ นี่เป็น 7 ผู้เล่นที่มีแนวโน้มจะได้ลุ้นรางวัล Sixth Man of the Year ในปีนี้ไปครอง
7. Andre Miller, Denver Nuggets (PG)
25.6 MPG, 9.1 PPG, 5.8 APG,2.9 RPG ,48.1% FG
ปีนี้ เดนเวอร์ นักเก็ต มีขุมกำลังที่ดีการเล่นในเกมส์เหย้าของพวกเขาเรียกได้ว่าแข็งแกร่ง และที่เป็นขุมกำลังที่สำคัญมากอีกคนนั้นคือ อังเดร มิลเลอร์ หากเทียบกับ ไท ลอว์สัน พอยท์การ์ด ตัวจริงของทีมที่มีสปีดบอลเหลือร้าย อังเดร มิลเลอร์ กลับแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง มืลเลอร์
ผู้ผ่านการเล่นในลีคมา 14 ปีเขามีความยืดหยุ่นมากกว่า รู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไรนั่นจึงทำให้เขาเข้ามาติดอันดับ 7
6. Ray Allen, Miami Heat (SG)
25.6 MPG, 10.8 PPG, 1.7 APG, 2.8 RPG, 44.9% FG
คงไม่ต้องบรรยายถึงความเก่งกาจของ เจ้าพ่อสามแต้ม ฉายาทรีพ้อยท์แมชชีน อย่าง เรย์ อัลเลน เขาเป็นจิ๊กซอร์ชิ้นใหญ่ที่ ไมอาร์มี่ ฮีท ได้มาร่วมทีมในปีนี้ ทำให้ทีมมีจุดแข็งที่จะเอาไว้เจาะคู่แข่ง และอีกอย่างที่เขานำมาให้กับทีมใหม่นั่นคือ ประสบการณ์ที่เอาไว้ผ่านช่วงเวลาคับขัน และกดดัน อัลเลน ที่ผ่านสมรภูมินี้มา 17 ฤดูกาล
5. Manu Ginobili, San Antonio Spurs (SG)
23.2 MPG, 12.4 PPG, 4.4 APG, 3.7 RPG, 44.4% FG
หน้าเดิมกลับมาประจำตำแหน่งอีกครั้ง (หลังจากเคยได้ตำแหน่งนี้เมื่อฤดูกาล 2007 - 2008) ปีนี้ มานู จิโนบิลลี่ ประสบกับอาการบาดเจ็บที่รุมเร้าเขา (ก็มาจากการฝืนของเจ้าตัวเองนั่นแหละ) จิโนบิลลี่ ทำหน้าที่ได้ดี เขามีคุณสมบัติที่มากเกินกว่า Sixth Man ซะด้วยซ้ำไปแต่เนื่องด้วยฟอร์มของ เดนนี่ กรีน และ เคไวน์ ลีโอนาร์ด ตอนนี้เขาคงต้องลดเวลาเพื่อทีมที่ดีในอนาคต
4. Kevin Martin, Oklahoma City Thunder (SG)
29.1 MPG, 14.9 PPG, 1.3 APG, 2.3 RPG, 45.3% FG
ผู้มาแทน เจมส์ ฮาเด้นท์ ที่ไปได้ดิบได้ดีกับ ฮุสตั้น ร๊อกเก็ต ตอนนี้ เควิน มาร์ติน ก็ไม่ได้ต่างกับ ฮาร์เด้นท์ สมัยอยู่ โอคราโอม่าซิตี้ ธันเดอร์ มากนัก เขาลงมาเป็นกำลังเสริมที่ดี เขาอยู่อันดับ 9 ในเรื่องความแม่นจากระยะสามแต้ม หากไม่นับปีศาจทำแต้มอย่าง เควิน ดูแรนท์ และ รัสเซล เวสบรู๊ค ผมคงกล้าพูดได้ว่าเขาเหมาะที่จะเป็นตัวจริงเป็นแน่แท้
3. Jamal Crawford, L.A. Clippers (SG)
29.5 MPG, 16.7 PPG, 2.6 APG, 1.7 RPG, 43.2% FG
หากกล่าวถึงเหตุผลที่ว่าทำไมปีนี้ แอลเอ คลิปเปอร์ ถึงได้มีผลงานที่ดี แน่นอนมันมาจากซุปเปอร์สตาร์อย่าง คลิส พอล และ เบรค กริฟฟิน แต่ก็มีอีกคนหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันอย่าง จามาล คาลฟอร์ด ผู้ที่บางวันลงมาทำแต้มได้เกิน 20 แต้มและยังสามารถทำแต้มได้ในตอนที่ทีมต้องการเขา เขาจับคู่กับ ชาร์นซี่ บิลอัพ ผู้มีประสบการณ์สูงคอยลงมาประคองทีมได้ในเวลาที่ทีมต้องการ
2. Jarrett Jack, Golden State Warriors (PG)
29.5 MPG, 13.8 PPG, 6.0 APG, 3.2 RPG, 47.5% FG
หากพูดถึงพอยท์การ์ดคนไหนที่น่าจะได้เป็นตัวจริงอันดับต้นๆคงไม่พ้น จาร์เล็ท แจ๊ค ผู้นี้เขาแทบจะมีความสามารถเพียบพร้อมสำหรับการเป็นตัวจริงทำแต้มได้ไม่แพ้พ้อยท์การ์ดตัวจริงอย่าง สตีเฟ่น เคอร์รี่ ผมก็ยังไม่เข้าใจทำไมคนมีความสามารถขนาดนี้ถึงได้ไม่มีทีมไหนต้องการที่จะเทรดเขา เพื่อเอาเขาไปเป็นตัวจริงของทีม หากอยากดูว่าเขาเก่งขนาดไหนแนะนำเกมส์ที่ โกลเด้น สเตท วอริเออร์ เปิดบ้านเฉือน ซานอันโตนิโอ สเปอร์ หรือหากย้อนไปก็เกมส์ ที่ไปถล่ม แอลเอ เลเกอร์ส ถึงถื่นลองหามาชมครับ
1. J.R. Smith, New York Knicks (SG)
33.2 MPG, 16.0 PPG, 2.8 APG, 4.9 RPG, 40.1% FG
มาถึงอันดับหนึ่งกัน (ซักที) เจ อาร์ สมิธ ผู้มากับเครื่องหมายคำถามอันใหญ่เป้ง ว่าทำไมเขาไม่ได้ลงตัวจริง เจ อาร์ สมิธ ฟอร์มร้อนแรงมาตั้งแต่ต้นฤดูกาล ก่อนที่จะมาดรอปลงในต้นปีนี้ (ก่อนนี้ทำได้ 18.1 PPG พึ่งมาดรอปเหลือ 15.8 PPG ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา) เขาลงมาทำแต้มได้ เล่นได้แทบไม่ต่างกับตัวจริง แถมบางเกมส์ยังลงมาเล่นช็อตเป็นตายได้ เขามีการจ่ายที่ดี รีบาวน์ก็ได้ แล้วทำไมเขาไม่ได้เป็นตัวจริงละ ?... นั่นสินะ ...
ปล . ผมขออภัยด้วยนะครับที่หายไปเลย (คงไม่มีคนคิดถึงหรอกมั้ง ฮา) พอดีผมทานหอย? น่าจะหอยแหละครับมันเป็นชุดปลาดิบและปลาหมึกที่ซื้อมาจาก ซุปเปอร์มาเก็ต เป็นหอยสีออกน้ำตาลอ่อนๆพอทานเข้าไปแล้ว มึน ปวดกระดูกสันหลัง ปวดต้นคอ ปวดหัว เดินไปไหนมาไหนก็รู้สึกหวิวๆต้องลางานไป 3 วัน (ที่จริงผมแพ้อาหารทะเลอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เรียกว่าหนักสุดปรกติแค่ผื่นขึ้นและปวดหัว) เลยเออเร้อยาวมาจนถึงเมื่อวันที่ลงกระทู้ ข่าวเทรดนั่นและครับ พอกลับไปทำงานก็สุมหัวเลยไม่มีเวลามาพูดคุยกระทู้กันเลย
ปล 2 . เรื่องกระทู้ สเปอร์ ผมขอเวลาอีกนิดแล้วกันครับ ที่จริงผมเขียนไว้แล้วแต่มันยังไม่น่าสนใจมากนัก ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าอ่านแล้วจะชวนคนมาเชียร์ทีมหรือเกลียดทีมนี้กันแน่ (ฮาๆ)